Leadership Vision: AI กับการประยุกต์ใช้งานจริงในธุรกิจโรงงานและการผลิต ปี 2021 บทสัมภาษณ์คุณ Antonio Pietri Aspen Technology Inc.

ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากวิกฤตโรคระบาดทั่วโลกนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงงานและการผลิตซึ่งต้องปรับตัวให้เข้ากับ Supply Chain และ Demand ที่เปลี่ยนไปในทุกอุตสาหกรรมอย่างเฉียบพลัน และการแข่งขันนั้นก็ยังคงต้องอาศัยการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าสูงสุด ในขณะที่ยังคงต้องยืดหยุ่นรองรับได้หลายสถานการณ์

“AI จะเข้ามาช่วยธุรกิจโรงงานและการผลิตได้อย่างไรบ้าง?” “ธุรกิจโรงงานควรเริ่มต้นกับ AI อย่างไร?” พบกับคำตอบของคำถามเหล่านี้ได้ใน Leadership Vision: AI กับการประยุกต์ใช้งานจริงในธุรกิจโรงงานและการผลิต ปี 2021 บทสัมภาษณ์คุณ Antonio Pietri Aspen Technology Inc.

ผู้ถูกสัมภาษณ์: คุณ Antonio Pietri

บริษัท: Aspen Technology Inc.

ตำแหน่ง: President and Chief Executive Officer

ประวัติโดยย่อ:

แอนโทนิโอ เพทรี เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และเป็นกรรมการบริหารที่แอสเพ็นเทค เขาเคยเป็นรองประธานอาวุโสและกรรมการผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แอนโทนิโอได้เข้าร่วมงานกับแอสเพ็นเทคเมื่อแอสเพ็นเทคเข้าซื้อกิจการ Setpoint, Inc. ในปีพ.ศ. 2539 ซึ่งเขามีบทบาทในด้านการขาย การให้บริการและการให้คำปรึกษา และมีโอกาสได้ดูแลการบูรณาการโซลูชันแอสเพ็นเทคที่โรงกลั่นและโรงงานผลิตหลายแห่งในยุโรป แอนโทนิโอเป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมเคมีที่มหาวิทยาลัยทัลซา เป็นผู้บรรยายในงานวิชาการที่สำคัญ MIT Warren K. Lewis Lectureship ในสาขาวิศวกรรมเคมีในปีพ.ศ. 2560 และได้เป็นวิทยากรในงานระดับอุตสาหกรรมบ่อยครั้ง เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยฮูสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกาและปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมเคมีจากมหาวิทยาลัยทัลซา โอกลาโฮมา ประเทศสหรัฐอเมริกา

เกี่ยวกับ Aspen Technology Inc.:

แอสเพ็น เทคโนโลยี อิงค์ช่วยลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมที่ดำเนินธุรกิจภายในสิ่งแวดล้อมอันซับซ้อนสามารถพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานไปสู่ระดับใหม่ของความเป็นเลิศได้ ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านซอฟต์แวร์เพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ แอสเพ็นเทคผสานศักยภาพของเอไอเข้าไปกับความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมที่สะสมมาเกือบ 40 ปี สร้างโซลูชันที่ช่วยยกระดับความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน ให้ผลตอบแทนสูงตลอดวงจรชีวิตของสินทรัพย์และตลอดห่วงโซ่อุปทาน ส่งผลให้ลูกค้าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มเวลาทำงานได้สูงสุด ทำให้การดำเนินงานขององค์กรเร็วขึ้น นานขึ้น ปลอดภัยขึ้น เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ AspenTech.com

ช่องทางการติดต่อ:

Q: สำหรับผู้จัดการโรงงาน การปรับธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับ New Normal และ Next Normal ของการทำงานนั้นมีแนวทางอย่างไรบ้าง?

เราได้รับฟังความคิดเห็นและบทวิเคราะห์มากมายเกี่ยวกับ “new normal” หรือ “next normal” และสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต แต่ความจริงนั้นก็ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าสถานการณ์ถัดจากนี้ต่อไปจะเป็นอย่างไร และธุรกิจทั่วโลกก็ยังคงต้องดำเนินต่อไปภายใต้ข้อจำกัดด้านสาธารณสุข การเมืองระหว่างประเทศ กฎระเบียบข้อบังคับที่ไม่มีความแน่นอน  และสภาพโดยรวมของเศรษฐกิจ

ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีความไม่แน่นอนค่อนข้างสูง อันเป็นผลมาจากการระบาดและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของอุปสงค์และอุปทาน

อย่างไรก็ตาม ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีความไม่แน่นอนค่อนข้างสูง อันเป็นผลมาจากการระบาดและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของอุปสงค์และอุปทานอันส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันและสารเคมี ซึ่งเมื่อรวมกับปัจจัยแรงกดดันอันมากมายต่อผู้จัดการโรงงานในอุตสาหกรรมที่ใช้ทุนเข้มข้น (Capital-intensive Industries) ซึ่งจำเป็นต้องประเมินสถานการณ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องในด้านเศรษฐกิจ โลจิสติกส์ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัย ทำให้ธุรกิจองค์กรต้องให้ความสำคัญในเรื่องความสามารถในการวิเคราะห์ การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการตอบสนองต่อสถานการณ์เหล่านี้ด้วยความรวดเร็ว ทั้งนี้เพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงานและมีความน่าเชื่อถือที่สูงขึ้น อันเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาทั้งธุรกิจให้ดำเนินต่อไปได้ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ในขณะเดียวกันก็ยังคงสามารถรักษาวิธีการทำงานในรูปแบบต่างๆ ให้ปลอดภัย

Q: AI จะเข้ามามีบทบาทในการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของโรงงานได้อย่างไรบ้าง?

เนื่องจากองค์กรทั่วโลกยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจนว่า “ภาวะปกติใหม่” (New normal) ถัดจากนี้จะเป็นอย่างไร  และเนื่องจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาคที่ผันผวน จึงส่งผลให้องค์กรเห็นว่าการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่านั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้ทุนเข้มข้น

ทั้งนี้ เหตุผลประการแรกคือ จากการตัดสินใจ Lockdown ที่เกิดขึ้นทั่วโลก บริษัทต่างๆ จึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถตอบสนองอุปสงค์และอุปทานที่แปรปรวนได้

เหตุผลประการที่ 2 คือการที่บริษัทต่างๆ ต้องมีความคล่องตัวและมีประสิทธิผลมากขึ้นสำหรับการทำงานรูปแบบดิจิทัลที่มีพนักงานจำนวนมากทำงานจากระยะไกล

และประการที่ 3 คือ เราเห็นว่ามีหลายบริษัทที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการนำเสนอกระบวนการและเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับความเร็วของการเปลี่ยนแปลงและความผันผวนของตลาดมากขึ้น

เราเชื่อว่า เมื่อรวม AI เข้ากับความรู้และประสบการณ์ด้านวิศวกรรมแล้ว ธุรกิจก็จะสามารถเร่งขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลและการสร้างแบบจำลองของสินทรัพย์และให้ข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปใช้ได้จริง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพหรือยืดอายุของสินทรัพย์ขององค์กร  โดยภายในเวลา 10 ปีถัดจากนี้ AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ และจะส่งผลให้องค์กรที่เป็นผู้นำยืนอยู่แล้วยิ่งทิ้งห่างกลุ่มองค์กรที่ล้าหลังอย่างชัดเจน

Q: aspenONE V12 มีการใช้ AI เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงานภายในโรงงานได้อย่างไร? และจะช่วยให้การบริหารจัดการโรงงานเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง?

อุตสาหกรรมไทยสามารถใช้ศักยภาพของระบบ Industrial AI ได้จากซอฟต์แวร์ aspenONE V12 ของเราซึ่งได้ฝัง AI อยู่ในทุกส่วนของโซลูชันซอฟต์แวร์ของเรา โซลูชันเหล่านี้มีความสามารถของ Industrial AI Hybrid Model ซึ่งเป็นไฮบริดโมเดลรุ่นแรกของอุตสาหกรรมที่พัฒนาสร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมกระบวนการ (Process industries) และอุตสาหกรรมที่ใช้ทุนเข้มข้น

ทั้งนี้ Aspen Hybrid Models จะทำการรวบรวมข้อมูลจากสินทรัพย์ทั่วทั้งองค์กร จากนั้นจึงใช้ AI และหลักการทางวิศวกรรมในการวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหา ร่วมกับองค์ความรู้ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของ AspenTech ในการสร้างโมเดลที่ครอบคลุมและแม่นยำยิ่งขึ้นตามขนาดและอัตราการการขยายตัวของแต่ละองค์กร

Industrial AI เป็นโซลูชันเทคโนโลยีที่ผสมผสานวิทยาศาสตร์ของข้อมูลและ AI เข้ากับหลักการทางวิศวกรรมผสมรวมกับความเชี่ยวชาญของ AspenTech เพื่อนำเสนอโซลูชั่นธุรกิจให้กับอุตสาหกรรมที่ใช้ทุนเข้มข้นซึ่งมีความต้องการเฉพาะทางไม่เหมือนใคร

ทั้งนี้ คุณปีเตอร์ เรโนลด์ นักวิเคราะห์อาวุโสของ ARC Advisory Group ได้กล่าวว่า “AI  มีศักยภาพในการพัฒนากระบวนการทำงานในอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย แต่อย่างไรก็ตาม องค์กรส่วนใหญ่ยังไม่มีความพร้อมในการนำ AI มาใช้ด้วยตนเอง จึงทำให้แอปพลิเคชันเฉพาะอุตสาหกรรมของ AspenTech ที่มี AI ในตัวสามารถช่วยให้องค์กรเร่งการปฏิรูปได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเปรียบเทียบกับกลยุทธ์เทคโนโลยีอื่น ๆ ซึ่งมักต้องการให้เจ้าของสินทรัพย์ลงทุนในแพลตฟอร์มที่ซับซ้อนและต้องมีทีมนักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูลแล้ว กลยุทธ์ที่เลือกใช้ AI ที่ฝังมาพร้อมในโซลูชั่นนั้น จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถเริ่มสร้างผลกำไรได้ทันที”

ด้วยแนวทางนี้ซอฟต์แวร์ของ AspenTech ก็จะสามารถช่วยให้เหล่าองค์กรในประเทศไทยสามารถนำ AI มาใช้ในอุตสาหกรรมได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

Q: ในมุมของทรัพยากรบุคคล หากโรงงานจะนำ AI มาใช้งาน จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้าน Data และ AI ประจำอยู่ในโรงงานนั้น? และทีมงานที่มีอยู่เดิมควรต้อง Re-skill หรือ Up-skill อย่างไรบ้างเพื่อให้สามารถใช้งาน Data และ AI ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ?

องค์กรธุรกิจต่างๆ ล้วนมีความกังวลต่อการจัดจ้างนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่จะนำโซลูชัน AI มาใช้ให้เพียงพอต่อความต้องการ และยังมีความกังวลเกี่ยวกับประโยชน์คุณค่าของ AI เมื่อเทียบกับต้นทุนการเริ่มต้นใช้งาน อีกทั้งองค์กรเองก็ยังมีความกังวลต่อความเสี่ยงในการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้งาน อาทิ อุตสาหกรรมภาคเคมีและพลังงานที่มักเป็นผู้ที่นำเครื่องมือดิจิทัลจำนวนมากมาใช้งานเป็นรายแรก ๆ แต่ก็ยังไม่สามารถตระหนักถึงศักยภาพของ Industrial AI ได้อย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจควรกังวลถึงอนาคตที่ไม่มีการใช้งานโซลูชัน AI มากกว่า ซึ่ง McKinsey ได้ประเมินว่าการระบาดของไวรัสโควิด-19 นี้เป็นตัวเร่งให้เกิดการใช้ดิจิทัลเร็วขึ้นไปอีก 10 ปี  โดยเมื่อผนวกกับสถานการณ์ที่ตลาดน้ำมันมีความผันผวนสูงและการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้นทั่วโลก ก็จะยิ่งส่งผลให้องค์กรต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำเป็นต้องปรับตัวโดยเร็ว และโซลูชันของเราช่วยให้ลูกค้าจัดการกับข้อกังวลเหล่านี้ได้และก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เช่น ในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ ลูกค้าได้แสดงให้เห็นถึงความเต็มใจที่จะอนุญาตให้ AspenTech เข้าถึงเครือข่ายของตนจากระยะไกลเพื่อนำเทคโนโลยีการควบคุมหลายตัวแปร (multivariable control technology) ของเราไปใช้งาน

สำหรับพนักงาน เทคโนโลยี AI ขั้นสูงจะช่วยให้คนงานรุ่นใหม่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะสามารถช่วยพลิกโฉมธุรกิจพลังงานและสร้างชัยชนะให้กับองค์กรในอนาคต   โดยความรู้ความเข้าใจ การทำงานโดยอัตโนมัติ และศักยภาพการประมวลข้อมูลที่เกิดประโยชน์จะทำให้องค์กรสามารถตัดสินใจได้อย่างดีที่สุดในทุกระดับ และมีการปฏิบัติงานที่ปลอดภัย ซึ่งเหมาะสมกับคนรุ่นมิลเลนเนียลที่จะมาเป็นแรงงานมากถึง 75% ของแรงงานทั้งหมดของอุตสาหกรรม ภายในปีพ.ศ. 2566

Q: ผู้จัดการโรงงานหรือผู้บริหารระดับสูงของธุรกิจในอุตสาหกรรมโรงงาน ควรเริ่มต้นอย่างไรในการประเมินด้านการนำ AI เข้ามาใช้ในธุรกิจ? การทดลองใช้งานควรเริ่มต้นอย่างไร? การชี้วัดความคุ้มค่าด้านการลงทุนระบบ AI นั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร?

76% ของผู้บริหารในองค์กรอุตสาหกรรมยอมรับว่าพวกเขาพยายามดิ้นรนเพื่อปรับกลยุทธ์ AI ของตนเอง

การศึกษาของ Accenture พบว่า 76% ของผู้บริหารในองค์กรอุตสาหกรรมยอมรับว่าพวกเขาพยายามดิ้นรนเพื่อปรับกลยุทธ์ AI ของตนเอง และพบว่าความท้าทายที่สำคัญสำหรับหลายองค์กรในวันนี้ คือการขาดโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลที่สามารถเพิ่มขยายได้เพื่อรองรับการใช้งานโมเดล Industrial AI ตั้งแต่ในขั้นตอนของการฝึกอบรมไปจนถึงการผลิต ด้วยเหตุนี้ธุรกิจองค์กรจึงจำเป็นต้องมีโซลูชันที่ทำให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกและทำให้ข้อมูลพร้อมใช้งานผ่านการแสดงผลข้อมูลขององค์กร ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ต้องการศักยภาพอันเชี่ยวชาญในการเชื่อมโยงการเคลื่อนย้ายข้อมูลจากส่วน Edge ไปยังระบบคลาวด์

ตัวอย่างเช่น ในอุตสาหกรรมที่ใช้ทุนเข้มข้นได้ใช้ประโยชน์จากโซลูชันด้านการวางแผนและการจัดกำหนดการที่มี AI และระบบคลาวด์มาพัฒนาช่วยให้องค์กรสามารถตรวจสอบสถานการณ์และทำการวางแผนได้เร็วขึ้น ส่งผลให้การวิเคราะห์และการตัดสินใจแม่นยำยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถวิเคราะห์และตัดสินใจหลายร้อยรายการได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาทีเพื่อกำหนดวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มผลกำไร

องค์กรต่างๆ สามารถคาดหวังได้ว่าการใช้ AI ที่มีมาแบบเบ็ดเสร็จนี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเร่งสร้างมูลค่าได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น สามารถก้าวข้ามปัญหาความขาดแคลนบุคลากรและความเชี่ยวชาญได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีทีมนักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูลและ/หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างโมเดลจำนวนมากอีกต่อไป

Q: หลังจากนี้จะมีเทคโนโลยีใดสำหรับโรงงานที่น่าจับตามองอีกบ้าง?

ด้วยการผสมผสานความสามารถของ AI เข้ากับเทคโนโลยีปฏิบัติการ (OT) และเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ที่มีอยู่ AspenTech กำลังสร้างระบบอุตสาหกรรมที่ช่วยให้องค์กรเชื่อมการทำงานที่แยกกันอยู่และดำเนินการแบบกึ่งอัตโนมัติเข้าด้วยกันได้ (และในที่สุดก็ทำงานแบบอัตโนมัติได้อย่างเต็มตัว)

การใช้งาน AI จะช่วยให้เกิดการตอบสนองได้อย่างทันท่วงที ซึ่งจะแจ้งให้ระบบปฏิบัติการทุกระดับทราบอย่างต่อเนื่องถึงวิธีการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือสิ่งที่สร้าง Self-Optimizing Plant อันหมายถึงสถานที่ (หรือโรงงาน) ที่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระหว่างการทำงานได้โดยอัตโนมัติ ซึ่ง Self-Optimizing Plant จะสามารถประเมินข้อมูลการดำเนินงานทั้งหมดที่มีอยู่อย่างรวดเร็ว ทั้งภายในสินทรัพย์ของธุรกิจและข้อมูลแวดล้อมภายนอก พร้อมตอบสนองต่อสภาวะที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการทำงาน โดยพิจารณาจากความปลอดภัย ความยั่งยืน ความสมบูรณ์ของทรัพย์สิน และวัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน โรงงานจะใช้ AI เพื่อทำนายพฤติกรรมในอนาคตและสร้างโมเดลสำหรับการปฏิบัติงานที่เหมาะสมให้กับพนักงานและผู้จัดการในอนาคตอย่างต่อเนื่อง

วิสัยทัศน์ระยะยาวของ AspenTech สำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้ทุนเข้มข้น คือ การเพิ่มประสิทธิภาพด้วยตนเอง (Self-optimizing) โรงงานที่เป็นอัตโนมัติ (autonomous plant) และการปรับใช้ AIให้มากขึ้น ซึ่งเมื่อธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้ได้ตระหนักถึงศักยภาพของการเพิ่มประสิทธิภาพตนเองในโรงงานแล้ว  ช่างเทคนิคและผู้ปฏิบัติงานจะไม่ต้องเสียวเวลาไปกับงานที่ซ้ำซากอีกต่อไป เพราะระบบที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะดูแลงานเหล่านั้นให้แทน ทำให้ช่างเทคนิคและผู้ปฏิบัติงานสามารถมุ่งเน้นไปที่การตัดสินใจทางธุรกิจที่รวดเร็วและชาญฉลาดขึ้นและมีความคล่องตัวมากขึ้นได้ โดยเมื่อใช้ระบบอัตโนมัติทั้งหมดในโรงงาน ก็จะทำให้โรงงานมีประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นและจะสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้โดยอัตโนมัติ

*** อุตสาหกรรมที่ใช้ทุนเข้มข้น (Capital-intensive Industries) คืออุตสาหกรรมที่ต้องมีการลงทุนเป็นจำนวนมากในเครื่องจักร ระบบโครงสร้างพื้นฐาน หรือปัจจัยอื่นๆ เพื่อให้สามารถดำเนินการผลิตและสร้างผลกำไรได้ โดยปัจจัยที่ลงทุนนั้นก็เพื่อนำเทคโนโลยีเข้ามาทดแทนการผลิตด้วยแรงงานนั่นเอง


About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

รีวิว : Acer Swift Go 14 แล็ปท็อปเพื่อธุรกิจที่ความคล่องตัว ขับเคลื่อนด้วย Intel Core i7 เจนเนอเรชัน 13 รุ่นล่าสุด

Acer Swift Go 14 จะเข้ามาเป็นคู่หูที่รู้ใจให้การทำงานในรูปแบบ Working from Anywhere มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ด้วยความบางเพียง 14.9 มม. มีน้ำหนักเบาถึง 1.25 กก. …

ขอเชิญร่วมงานสัมมนา THROUGHWAVE DIGITAL CONNECT 2023 [14 มิ.ย. 2023 – 13.00น. ณ Eastin Grand Sathorn Hotel]

Throughwave (Thailand) ขอเรียนเชิญ CIO, CTO, Digital Transformation Manager, IT Manager, IT Administrator, พันธมิตรของ Throughwave และผู้ที่สนใจทุกท่าน เข้าร่วมงานสัมมนาประจำปี “Throughwave – Digital Connect 2023” ในวันที่ 14 มิถุนายน 2023 เวลา 13.00น. เป็นต้นไป ณ โรงแรม Eastin Grand Sathorn Hotel