Wi-Fi นับเป็นหนึ่งในการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ ในทุกวันนี้ เนื่องจากการเติบโตของการใช้งานอุปกรณ์พกพา และความเร็วของระบบ Wi-Fi ที่สามารถรองรับ Application ได้ด้วยความเร็วที่ไม่แพ้ระบบ LAN นั่นเอง การนำ Wi-Fi เข้าไปใช้เป็นการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายหลักขององค์กรจึงมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว
แต่หลายๆ องค์กรหลังจากที่ได้ทำการติดตั้งระบบ Wi-Fi ไปนั้น ก็พบกับปัญหาต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบ Wi-Fi ขาดความเสถียร, ไม่สามารถยืนยันตัวตนผู้ใช้งานได้, ระบบ Wi-Fi ไม่มีความปลอดภัย, ไม่สามารถทราบสถานะการทำงานของระบบ Wi-Fi ได้, Wi-Fi ไม่สามารถรองรับผู้ใช้งานชั่วคราวได้ หรืออย่างเลวร้ายที่สุดเลยก็คือ ระบบ Wi-Fi ไม่สามารถตอบสนองการใช้งานทางธุรกิจได้เลย
ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นจากการเลือกใช้ระบบ Wi-Fi ที่ไม่เหมาะสมกับการใช้งานระดับองค์กรนั่นเอง ดังนั้นการเลือกใช้ระบบ Wi-Fi ระดับองค์กรเพื่อให้ตอบรับความต้องการต่าง ได้อย่างครอบคลุมในระยะยาวจึงเป็นหนทางของการลงทุนระบบ IT Infrastructure ที่ดีสำหรับองค์กร ซึ่งผู้อ่านหลายๆ คนอาจจะยังไม่ทราบว่าระบบ Enterprise Wi-Fi นั้นจะมีความสามารถที่แตกต่างไปจาก Wi-Fi ทั่วๆ ไปอย่างไรบ้าง บทความนี้จึงถูกเขียนขึ้นมาเพื่อให้เข้าใจความแตกต่างของระบบ Enterprise Wi-Fi จากระบบ Wi-Fi ทั่วๆ ไป ดังนี้
ความสามารถพื้นฐานของระบบ Enterprise Wi-Fi

1. บริหารจัดการได้จากศูนย์กลางผ่าน Wireless Controller หรือเทคโนโลยีอื่นๆ
Wireless Controller ได้กลายเป็นหัวใจหลักของระบบ Enterprise Wi-Fi มาต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 10 ปี ด้วยความสามารถในการบริหารจัดการ Wireless Access Point ทั้งหมด, การกำหนดการยืนยันตัวตน, การกำหนดนโยบายความปลอดภัย, การติดตามการทำงานของระบบ Wi-Fi และอื่นๆ จนปัจจุบันระบบ Wireless Controller ได้ถูกต่อยอดมานำเสนอในรูปแบบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำ Wireless Access Point มาทำหน้าที่แทน Wireless Controller (ตัวอย่างเช่น Aruba Instant) หรือมีระบบ Cloud Controller (ตัวอย่างเช่น Aruba Central) ทำให้สามารถรองรับรูปแบบของธุรกิจได้อย่างหลากหลายยิ่งขึ้น
Wireless Controller กลายเป็นศูนย์รวมของทุกอย่างของระบบ Wi-Fi ระดับองค์กร โดยรองรับการควบคุม Wireless Access Point ตั้งแต่ต่ำกว่า 10 เครื่องไปจนถึงหลายหมื่นเครื่อง และทำการติดตามการทำงานและบริหารจัดการการตั้งค่าการกระจายคลื่นสัญญาณ, การยืนยันตัวตน, ความปลอดภัย และอื่นๆ อีกมากมายได้จากศูนย์กลาง ทำให้การดูแลรักษาระบบ Wi-Fi สำหรับ Access Point จำนวนมากเป็นไปได้อย่างมีระบบ
2. สามารถใช้งานในระบบเครือข่ายระดับองค์กรได้
ด้วยการรองรับทั้งการทำ VLAN และการกำหนด QoS ได้ ก็ทำให้สามารถทำงานร่วมกับระบบ Switch ที่มีอยู่ได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ Enterprise Wi-Fi ยังมีความสามารถในการทำ Authentication, Authorization และ Accounting อย่างครบถ้วน ทำให้สามารถตอบโจทย์ทางด้านการยืนยันตัวตนตามข้อกำหนดของกฎหมายได้ อีกทั้งยังรองรับการสร้าง SSID สำหรับ Guest โดยเฉพาะได้อีกด้วย
ในของการติดตั้ง Access Point ระดับ Enterprise ก็มักจะรองรับการจ่ายไฟแบบ Power over Ehternt (PoE) ทำให้สามารถประหยัดการเดินสายได้ ด้วยการจ่ายไฟผ่านสาย LAN ไปยัง Access Point ได้เลย
3. มีความสามารถในการรักษาความปลอดภัยระบบเครือข่าย
Enterprise Wi-Fi ส่วนใหญ่จะสามารถทำการควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงและใช้งานระบบเครือข่าย สำหรับผู้ใช้งานแต่ละคนให้แตกต่างกันได้ รวมถึงยังสามารถทำการเข้ารหัส Traffic ของผู้ใช้งานทำให้ไม่สามารถถูกดักฟังได้ อีกทั้งยังมีระบบสำหรับตรวจจับและยับยั้งการโจมตีระบบเครือข่ายไร้สาย ทำให้มีความปลอดภัยครอบคลุมสำหรับการปกป้องระบบเครือข่ายขององค์กร
4. มีความเสถียรในการใช้งานต่อเนื่องได้เป็นระยะเวลานาน
ด้วยการออกแบบให้ Access Point สามารถเปิดใช้งานต่อเนื่องได้เป็นระยะเวลานานโดยไม่ต้องทำการ Restart และผู้ใช้งานสามารถทำการ Roaming ข้าม Wireless Access Point ได้โดยสัญญาณไม่ขาด ทำให้การนำ Enterprise Wi-Fi ไปใช้งานสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งในแง่ของความเสถียรและความคล่องตัวในการทำงาน
5. รองรับการใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์
Access Point ระดับองค์กรส่วนใหญ่จะถูกออกแบบมาให้สามารถรองรับผู้ใช้งานที่ทำการเชื่อมต่อพร้อมๆ กันได้ตั้งแต่ 25 – 50 คนหรือมากกว่าได้ตามแต่อุปกรณ์ และมีผลการทดสอบให้นำไปอ้างอิงได้ จึงสามารถนำไปใช้ออกแบบระบบ Wi-Fi สำหรับห้องประชุมได้ อีกทั้งยังมีรุ่นที่เป็นทั้ง Indoor, Outdoor หรือเปลี่ยน Antenna ได้ ทำให้รองรับการนำไปใช้งานในหลากหลายสถานที่
นอกจากนี้ Enterprise Wi-Fi ส่วนใหญ่ยังรองรับการทำ Point-to-Point หรือ Mesh เพื่อให้การออกแบบระบบ Wi-Fi มีความยืดหยุ่นสูงสุดอีกด้วย
6. ต่อยอดได้ด้วยระบบ Wi-Fi Analytics
ด้วยความสามารถในการติดตาม Location และการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่าน API บน Wireless Controller ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ เพื่อสร้างระบบ Wi-Fi Analytics เช่นระบบ Loyalty Program สำหรับร้านค้าแบรนด์ หรือระบบติดตามพฤติกรรมลูกค้า เพื่อให้แบรนด์ต่างๆ สามารถนำเสนอสินค้าและบริการต่าง ได้อย่างถูกต้อง
ทั้งหมดนี้คือความสามารถพื้นฐานที่ระบบ Wi-Fi ระดับองค์กรสามารถทำได้ จะเห็นได้ว่าแทบทุกความสามารถนั้นออกมาเพื่อตอบรับความต้องการสำหรับองค์กรจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นความทนทาน, ความปลอดภัย, การติดตั้ง, การบริหารจัดการ และการรองรับ Access Point จำนวนมากได้ภายในระบบเดียว
Aruba Networks กับระบบ Controller-based Wi-Fi ที่ตอบทุกโจทย์ความต้องการขององค์กร

เพื่อให้ตอบรับความต้องการในการใช้งานเครือข่าย Wi-Fi ขององค์กรได้อย่างครอบคลุมทุกความต้องการ นอกเหนือจากความสามารถของระบบ Enterprise Wi-Fi ตามปกติแล้ว Arube Networks ซึ่งมี Mobility Controller ที่ติดตั้ง ArubaOS เอาไว้ ก็ยังมีการพัฒนาความสามารถต่างๆ เพิ่มเติมขึ้นมาอย่างมากมาย และทำให้ระบบ Wi-Fi สำหรับองค์กรมีความคุ้มค่า, ใช้งานได้ง่ายขึ้น และมีความปลอดภัยสูงขึ้นได้ดังต่อไปนี้
1. Wi-Fi เสถียรและรวดเร็วด้วยเทคโนโลยี ClientMatch
ArubaOS จะช่วยจัดการให้ผู้ใช้งานแต่ละคนได้เชื่อมต่อกับ Access Point ที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดให้อยู่เสมอ
2. ควบคุมการใช้งาน Application ด้วยเทคโนโลยี AppRF
Wireless Controller ของ Aruba นั้นมีความสามารถในการทำ L3/4 Firewall และ L7 ทำให้สามารถควบคุมการใช้งาน Application ในเครือข่ายได้ทั้งการอนุญาต, ไม่อนุญาต หรือแม้แต่การจำกัด Bandwidth ก็ตาม
3. ควบคุมการเข้า Website และตรวจจับ Malware ด้วย Web Content Policy & Reputation Control
ArubaOS สามารถช่วยให้ผู้ดูแลระบบจำกัดการเข้าถึงเว็บไซต์แต่ละหมวดได้อย่างง่ายดาย รวมถึงมีระบบช่วยตรวจจับและยับยั้งความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีด้วย Malware, Phishing และอื่นๆ ได้อีกด้วย
4. เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ อย่างง่ายดายด้วยเทคโนโลยี AirGroup
ผู้ดูแลระบบสามารถกำหนดให้ผู้ใช้งานเครือข่ายมีสิทธิ์ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการทำงานได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็น Printer, Apple TV, Google Chromecast หรืออุปกรณ์ที่ใช้งาน mDNS อื่นๆ
5. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครือข่ายไร้สายด้วยเทคโนโลยี Adaptive Radio Management (ARM)
เทคโนโลยี ARM บน ArubaOS จะช่วยบริหารจัดการการใช้คลื่นความถี่ย่านต่างๆ และความแรงสัญญาณบน Access Point ทั้งหมดให้โดยอัตโนมัติ เพื่อให้สัญญาณ Wi-Fi มีความครอบคลุมและไม่ซ้อนทับกัน ทำให้ระบบเครือข่ายไร้สายมีความเสถียรสูงขึ้น
6. ตรวจจับและยับยั้ง Threat ได้อย่างรัดกุม
ArubaOS จะทำให้ Access Point ทั้งหมดสามารถทำหน้าที่เป็น RF Sensor ได้พร้อมๆ กับการให้บริการเครือข่ายไร้สาย เพื่อตรวจจับการโจมตีต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ท้นทีโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มเติม รวมถึงยังตรวจจับสัญญาณกวนในย่านความถี่ที่มีการใช้งานอยู่ได้ ช่วยเพิ่มทั้งความปลอดภัยและประสิทธิภาพของเครือข่ายไปพร้อมๆ กัน
7. รองรับการทำ VPN ได้อย่างสมบูรณ์
ด้วย Virtual Internet Access Client (VIA Client) ทำให้ทุกคนในองค์กรสามารถเชื่อมต่อ IPsec/SSL VPN เข้ามายัง Wireless Controller ได้ผ่านเครือข่าย Wi-Fi จากที่บ้าน, Public Wi-Fi, 3G, 4G และอื่นๆ ได้อย่างปลอดภัยจากทุกอุปกรณ์ ทำให้การทำงานมีอิสระสูงสุด เข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้จากทุกที่ทุกเวลา
สำหรับองค์กรไหนที่มีแผนจะวางระบบ Wi-Fi ใหม่สำหรับองค์กร หรือต้องการอัพเกรด Wi-Fi ให้เป็นมาตรฐาน 802.11ac สามารถติดต่อทีมงานของ Aruba Networks ได้ทันทีที่ คุณจิตต์วรางค์ คุณาสินกิจจา jkunasinkijja@arubanetworks.com หรือโทร 0814902009
สำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถกรอกข้อมูลในฟอร์มดังต่อไปนี้ เพื่อ Download ข้อมูลเกี่ยวกับ ArubaOS และโซลูชั่น Branch and Remote Networking ได้ทันที