Black Hat Asia 2023

3 เหตุผลที่ผู้ให้บริการโครงข่าย ควรแยกโครงข่ายสำหรับ Internet of Things โดยเฉพาะ

ทั่วโลกเวลานี้ ผู้ให้บริการโครงข่ายยักษ์ใหญ่หลายรายได้เริ่มมีการให้บริการโครงข่ายเฉพาะสำหรับ Internet of Things (IoT) กันแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Comcast, SoftBank, Orange, SKT, KPN, Swisscom, Verizon, Vodafone และอื่นๆ โดยผู้ผลิตอย่าง Cisco, Samsung, Nokia และ Ericsson ต่างก็พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นมาตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ ใน TechCrunch ได้มีบทความวิเคราะห์ถึง 3 เหตุผลที่ควรแยกโครงข่ายของ IoT ออกมาโดยเฉพาะดังนี้

Credit: ShutterStock.com
Credit: ShutterStock.com

 

1. ประเด็นด้านอายุการใช้งาน Battery ของอุปกรณ์ IoT

โครงข่ายสำหรับระบบโทรศัพท์นั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้เชื่อมต่อโครงข่ายได้จากทุกที่ทุกเวลาเป็นหลัก ทำให้ต้องมีการรองรับฟีเจอร์ที่เรียกว่า Hand-off หรือการรองรับผู้ใช้งานที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง เช่น ขณะกำลังขับขี่รถยนต์ ให้ยังคงเชื่อมต่อโครงข่ายได้อยู่ตลอด ซึ่ง Algorithm ในส่วนนี้จะกินพลังงานแบตเตอรี่ของโทรศัพท์ค่อนข้างมาก

ในทางกลับกัน อุปกรณ์ IoT นั้นโดยส่วนมากจะทำงานในแบบ Sleep ที่จะเชื่อมต่อโครงข่ายก็ต่อเมื่อต้องการจะรับหรือส่งข้อมูลเท่านั้น ซึ่งโครงข่ายสำหรับโทรศัพท์ไม่สามารถรองรับการทำงานลักษณะนี้ได้ และการเปิดปิดการเชื่อมต่ออยู่ตลอดเวลาของอุปกรณ์ IoT นั้นก็จะกินแบตเตอรี่เป็นอย่างมาก

ระบบโครงข่ายสำหรับ IoT จึงต้องถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้ประหยัดพลังงานสูงสุด ทั้งในการรับส่งข้อมูลที่ใช้ชิปพิเศษเพื่อประหยัดพลังงาน, การยอมให้อุปกรณ์ IoT เข้าสู่ Sleep Mode ได้ และสามารถเชื่อมต่อกับโครงข่ายใหม่ได้โดยกินพลังงานน้อยที่สุด

 

2. ประเด็นด้านราคา

การให้บริการโครงข่ายสำหรับ IoT บนโครงข่ายเดิมนั้นถือว่าไม่คุ้มค่า เนื่องจากอุปกรณ์ IoT นั้นต้องการการเชื่อมต่อที่เสถียรและรับส่งข้อมูลได้ทันทีตามต้องการ ในขณะที่ต้องรองรับอุปกรณ์จำนวนมากได้ แต่ด้วยโครงข่ายปัจจุบันที่มีการใช้งานโทรศัพท์เป็นจำนวนมากอยู่แล้วและผู้ใช้งานโทรศัพท์นั้นก็สร้างรายรับให้กับธุรกิจผู้ให้บริการโครงข่ายเป็นอย่างมาก การที่อุปกรณ์ IoT ซึ่งต้องการรับส่งข้อมูลเพียงจำนวนเล็กน้อยต่ออุปกรณ์จะมี Priority ในการรับส่งข้อมูลที่เหนือกว่าผู้ใช้งานเหล่านี้ที่ยอมจ่ายเงินในราคาสูงต่อเดือนต่ออุปกรณ์จึงเป็นไปไม่ได้เลย

สิ่งที่ผู้ให้บริการโครงข่ายต้องทำก็คือ การย้ายไปใช้สัญญาณย่าน Unlicensed Band หรือ Guard Band แทนเพื่อประหยัดค่าเช่าลง และหันไปใช้เทคโนโลยีโครงข่ายที่ประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้นในการให้บริการแทน เพื่อให้การลงทุนของฝั่งผู้ให้บริการเอง และค่าบริการที่ต้องคิดกับผู้ใช้งานนั้นมีต้นทุนที่ต่ำที่สุด และไม่ไปเบียดบังบริการหลักเดิมอย่างโครงข่ายสำหรับโทรศัพท์

 

3. ประเด็นด้านความครอบคลุมของสัญญาณ

IoT นั้นต้องการการเชื่อมต่อที่มีความครอบคลุมไปถึงพื้นที่ที่ห่างไกล เช่น พื้นที่เพาะปลูกทางการเกษตร แต่ไม่ได้ต้องการปริมาณ Bandwidth ที่สูงหรือการเชื่อมต่อที่ต้องเกิดขึ้นสม่ำเสมอตลอดเวลาอย่างอุปกรณ์โทรศัพท์ ในขณะเดียวกัน IoT นั้นก็ไม่ได้ต้องการการเชื่อมต่อที่ทะลุทะลวงเข้าถึงบ้านหรืออาคารทุกหลังได้เสมอไป เพราะสำหรับพื้นที่ที่เชื่อมต่อภายในอาคารได้นั้น ผู้ใช้อุปกรณ์ IoT ก็อาจจะใช้งานได้ทันที แต่หากพื้นที่ไหนที่สัญญาณไม่ครอบคลุม โดยปกติอุปกรณ์ IoT ก็รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi อยู่แล้ว และผู้ใช้งานก็สามารถติดตั้ง Wireless Access Point เองได้อยู่ดี

 

ก็ถือเป็นแนวคิดที่น่าสนใจดีครับ และเหตุผลหลายข้อก็ดูสมเหตุสมผลดีทีเดียว

ที่มา: https://techcrunch.com/2016/10/28/three-reasons-carriers-are-building-new-cell-networks-for-the-internet-of-things/


About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

กลับมาอีกครั้ง! จีเอเบิล พร้อมปั้นคนเทคฯ สายงาน Data กับโครงการ “Tech Scoop Academy” รุ่นที่ 2 เฟ้นหาคนรุ่นใหม่สู่อุตสาหกรรมไอที [Guest Post]

ปัจจุบันความต้องการของคนทำงานที่มีทักษะทางด้านดิจิทัลเทคโนโลยีเพิ่มสูงมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้องค์กรทั่วโลกต่างต้องปรับตัว เพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่พร้อมจะเติบโตไปกับองค์กร ให้เข้ามาทำงาน รวมทั้งต้องสามารถสร้างสภาพแวดล้อมในองค์กรให้เหมาะแก่การเรียนรู้ ติดอาวุธ และเพิ่มพูนทักษะทางด้านดิจิทัลเทคโนโลยีให้พนักงานได้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

AIS Business เดินหน้าปี 2023 พร้อมเป็นพันธมิตรดิจิทัลของทุกองค์กรไทย พลิกโฉมธุรกิจให้ “เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน”

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอาจถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากสำหรับทุกองค์กรธุรกิจ มีเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นทั้งเรื่องของสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ความไม่แน่นอนในเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ จนกระทบมาถึงเรื่องเงินเฟ้อและเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ที่อาจจะเกิดขึ้นทั่วโลกในปีนี้ ทุกองค์กรธุรกิจจึงจำเป็นจะต้องเร่งปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังเป็นไปในอนาคตอันใกล้ AIS Business ในฐานะ Digital Service …