เนื่องจากปัจจุบันนี้แนวโน้มของการเช่าใช้อุปกรณ์ IT ภายใน Data Center และจ่ายเป็นรายเดือนนั้น ได้เริ่มกลายมาเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจแก่เหล่าองค์กรทั้งหลายที่สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายการลงทุนในระยะสั้นได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังรองรับต่อการเติบโตในระยะยาว บทความนี้จึงจะสรุปประเด็นหลักๆ ว่าสิ่งที่ควรจะต้องคำนึงถึงในการเปลี่ยนไปเช่าใช้อุปกรณ์ IT ต่างๆ ภายใน Data Center นั้นมีประเด็นใดบ้างที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
1. รวบรวมข้อมูลการใช้งานเดิม และแนวโน้มการเติบโตภายในอนาคต
ถือเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่จะต้องเกิดขึ้นในทุกๆ การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในระบบใดๆ ก็ตาม ที่เหล่าผู้ดูแลระบบ IT นั้นจะต้องทำความเข้าใจกับความต้องการของระบบในปัจจุบัน และการออกแบบเผื่ออนาคตอยู่ตลอด เพราะถึงแม้การเปลี่ยนจากการลงทุนเองทั้งหมดไปเป็นการเช่าใช้นั้น จะทำให้องค์กรสามารถค่อยๆ ลงทุนตามการใช้งานจริงได้เรื่อยๆ จนไม่ต้องกังวลมากนักเกี่ยวกับการอัปเกรดระบบ แต่ในเชิงเทคนิค การประเมินเผื่ออนาคตไว้บ้างนั้นก็จะทำให้อุ่นใจมากขึ้นได้ทีเดียว
ประเด็นแรกคือการออกแบบระบบที่เช่าไว้เผื่อการเกิด Spike ขึ้นในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าใช้งานพร้อมๆ กันจำนวนมากจากผู้ใช้งาน หรือการชนกันของระบบ Automation ต่างๆ ที่อาจทำให้ระบบมี Workload สูงผิดปกติในบางช่วง ไปจนถึงกรณีคลาสสิคอย่างเช่นการออกรายงานขนาดใหญ่ในทุกๆ สิ้นเดือน สิ้นไตรมาส หรือสิ้นปีก็ตามแต่
ในขณะเดียวกัน การออกแบบให้ระบบ IT ภายใน Data Center มีทรัพยากรเหลือสำหรับเป็นพื้นที่ “ทดลอง” เองนั้นก็ถือว่าสำคัญไม่น้อย ทั้งการทดลองใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ, การ PoC ระบบใหม่ๆ ที่จะนำมาใช้งาน, การทดลองพัฒนา Application ต่างๆ ขึ้นมาใช้ปรับปรุงกระบวนการการทำงาน, การมีพื้นที่เผื่อสำหรับสำรองข้อมูล, การรองรับการเพิ่มขยายบางระบบได้อย่างชั่วคราว และอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นถึงแม้เราจะเปลี่ยนระบบไปเป็นการเช่าใช้ที่สามารถเพิ่มขยายได้อย่างง่ายดายแล้ว แต่การเผื่อพื้นที่ทรัพยากรเอาไว้สำหรับกิจกรรมเหล่านี้ก็ยังถือว่าสำคัญไม่น้อยอยู่ดี เพราะจะได้เกิดความคล่องตัวในการทำงานมากขึ้นนั่นเอง
2. ประเมินว่าต้องการใช้ความสามารถใดของระบบเดิม และต้องการเพิ่มเติมความสามารถใดใหม่ๆ บ้าง
นอกจากในแง่ของปริมาณและขนาดของทรัพยากรที่ต้องการแล้ว ประเด็นด้านความสามารถเองก็สำคัญเช่นกัน เพราะการเปลี่ยนจากการลงทุนซื้อขาดมาเป็นรูปแบบของการเช่าใช้นั้น จะทำให้ค่าใช้จ่ายทางด้านลิขสิทธิ์ความสามารถต่างๆ ของระบบลดลงเป็นอย่างมากเพราะถูกเฉลี่ยกลายเป็นรายเดือนไปแทน หรือเหล่าผู้ผลิตอาจสร้างแรงจูงใจด้วยการลดราคาในส่วนของลิขสิทธิ์ต่างๆ ลงให้ด้วยอีกทางหนึ่ง ดังนั้นการเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนจากการซื้อขาดไปเป็นการเช่าใช้นี้ ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้เพิ่มความสามารถใหม่ๆ ให้กับระบบ IT Infrastructure ภายใน Data Center ไปด้วยพร้อมๆ กัน
3. ประเมินว่าจะย้ายระบบเดิมและข้อมูลรวมถึงการตั้งค่าระบบเครือข่ายจากระบบเดิมมาระบบใหม่ได้อย่างไร
ขั้นตอนถัดมาก็คือเรื่องของการ Migrate จากระบบเดิมมาเป็นระบบใหม่อย่างไรให้เกิด Downtime น้อยที่สุดหรือไม่เกิดเลย ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ก็ต้องปรึกษากับทั้งทีมงานที่ดูแลระบบเดิม ร่วมกับผู้ผลิตที่มาเสนอระบบเช่าใช้รายเดือนเหล่านี้ไปพร้อมกัน เนื่องจากผู้ดูแลระบบเดิมนั้นจะทราบดีถึงข้อจำกัดของเทคโนโลยีที่มีอยู่ และผู้ผลิตเองก็อาจจะมีเครื่องมือต่างๆ ที่มาช่วยให้การย้ายระบบหรือข้อมูลสามารถทำได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น โดยผู้ผลิตบางรายนั้นก็มีเครื่องมือสำหรับย้ายระบบจาก Hardware รุ่นเดิมของตนเองไปยังรุ่นใหม่ ในขณะที่ผู้ผลิตบางรายก็สามารถย้ายข้อมูลได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงยี่ห้อของผลิตภัณฑ์เดิมที่ใช้งานอยู่มากนัก โดยอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือไม่มีเลยก็แล้วแต่ผู้ผลิตแต่ละรายแตกต่างกันไป
4. ประเมินความคุ้มค่าในการลงทุนทั้งปัจจุบันและอนาคต เทียบระหว่างการเช่าใช้และการลงทุนเอง
เมื่อวิเคราะห์ครบถ้วนทั้งสิ่งที่มีอยู่เดิม สิ่งที่ต้องการในอนาคต และขั้นตอนหรือกระบวนการต่างๆ หมดเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายระหว่างการลงทุนเอง กับการเปลี่ยนมาเช่าใช้ระบบ IT Infrastructure เพื่อเลือกหนทางการลงทุนที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดสำหรับองค์กร โดยอาจเปรียบเทียบระยะเวลา 3 ปีและ 5 ปีเพื่อดูแนวโน้มค่าใช้จ่ายในระยะยาวก่อนทำการตัดสินใจ
ในฝั่งของการลงทุนซื้อระบบเองทั้งหมดนั้น ก็ต้องรวมค่าใช้จ่ายในการอัปเกรด, การบริการติดตั้งเพิ่มเติม และการดูแลรักษารายปีเข้าไปด้วย ส่วนฝั่งของการเช่าใช้ระบบนั้นก็ต้องถามผู้ให้บริการให้ละเอียดรอบคอบเช่นกัน เพื่อให้เราสามารถประเมินค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้อย่างถูกต้องจริงๆ แต่ทั้งนี้ทั้ง 2 ทางเลือกอาจมีหน้าตาของระบบไม่เหมือนกันก็เป็นได้ เพราะการเช่าใช้นั้นจะง่ายต่อการอัปเกรดมากกว่า ทำให้การเปลี่ยนรุ่น Hardware เป็นรุ่นที่ใหม่กว่าสามารถเกิดขึ้นได้ตลอด
5. ตัดสินใจร่วมกันทั้งฝ่ายบริหาร, การเงิน และ IT
การเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนนี้ไม่ใช่เรื่องที่ฝ่าย IT จะตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น แต่ด้วยความสำคัญของ IT ที่เพิ่มขึ้น และประเด็นทางด้านการเงินที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ต้องหารือร่วมกันระหว่างทั้ง IT, ฝ่ายบริหาร และฝ่ายการเงินร่วมกันทั้งหมด เพื่อให้องค์กรได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเลือกรูปแบบการลงทุนที่แตกต่างกันไปนี้ ทั้งในแง่ของการทำงานและการเงินไปพร้อมๆ กันนั่นเอง
HPE พร้อมให้บริการเช่าใช้ทุกอุปกรณ์ IT ใน Data Center แบบเต็มตัวในประเทศไทยแล้ว ด้วย Consumption-based Model
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ HPE ได้เคยปล่อยโครงการ HPE Flash Now ที่ทำให้องค์กรสามารถเช่าใช้ HPE 3PAR All Flash Array ได้ในราคา 1 บาทต่อ 1GB ต่อเดือนกันไปแล้วนั้น HPE ก็ยังเปิดให้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งหมดในกลุ่ม Data Center ไม่ว่าจะเป็น Server, Storage, Network และอื่นๆ ต่างก็สามารถเช่าใช้ได้เป็นอีกทางเลือกด้วยเช่นกัน ทำให้องค์กรมีทางเลือกใหม่ในการลงทุนขยาย Data Center สำหรับองค์กรด้วยรูปแบบการเช่าใช้ที่จ่ายเงินเป็นรายเดือนและง่ายต่อการอัปเกรดมากขึ้นแล้ว
ด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างราคาที่ HPE Thailand ทำมาให้ดูสำหรับการเช่าใช้ HPE 3PAR ภายในองค์กรครับ โดยพื้นที่ 100TB และ 50TB นั้นเป็น Raw Capacity ในขณะที่การใช้จริงจะคำนวนรวมการทำ Data Reduction เข้าไปด้วย ทำให้สามารถบันทึกข้อมูลจริงได้สูงกว่า Raw Capacity และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก็จะเกิดขึ้นตามพื้นที่ที่สามารถใช้งานได้จริงนั่นเองครับ
ติดต่อทีมงาน HPE Thailand ได้โดยตรงสำหรับการเช่าใช้ผลิตภัณฑ์ HPE ภายใน Data Center
ผู้ที่สนใจอยากสอบถามราคาและเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายระหว่างการซื้อขาดและการเช่าใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ ภายใน Data Center สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คุณกอบศักดิ์ Kobsak.charoensakswan@hpe.com และคุณวิทยา Wittaya.wongvachirapanich@hpe.com จาก HPE Thailand ได้โดยตรงทันที
สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม อันนี้เป็นเอกสารจากทาง HPE ที่เล่าถึงวิธีการและขั้นตอนต่างๆ ในการเช่าใช้ Storage ในโครงการ HPE 3PAR Flash Now ครับ อ่านเข้าใจง่ายดีเหมือนกัน https://h20195.www2.hpe.com/V2/getpdf.aspx/4AA6-8703ENW.pdf?ver=1.0