CDIC 2023

[Guest Post] คุณค่าทางธุรกิจใหม่ที่คุณจะได้รับจากการใช้ระบบ Low-Code ร่วมกับทรัพยากรที่มีอยู่เดิม โดย OutSystems

ผู้เชี่ยวชาญทางธุรกิจที่ทำงานทางด้านเทคโนโลยีนั้นมักจะหลงลืมไปว่าในบางครั้ง อุตสาหกรรมอื่นนั้นก็อาจมีความก้าวหน้าในการทำ Digital Transformation ที่เหนือกว่าอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีเสียเองด้วยซ้ำ

ตัวอย่างหนึ่งนั้นก็คือในงานด้านวิศวกรรมที่มักถูกมองว่าเป็นพนักงานกลุ่ม “Blue Collar” ซึ่งมักจะทนใช้งานเทคโนโลยีด้าน IT เดิมๆ เป็นเวลานานแม้ว่าเทคโนโลยีเหล่านี้มักจะมีอายุสั้นและมีสิ่งใหม่ๆ ออกมาตลอด อย่างไรก็ดี งานด้านวิศวกรรมและการผลิตนั้นก็ยังนำหน้าอุตสาหกรรมอื่นๆ เมื่อเปรียบเทียบถึงการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้งาน อย่างเช่น 5G, AI หรือ IoT เป็นต้น

ในเชิงของการพัฒนา Application ภายในองค์กรเองนั้น ธุรกิจด้านวิศวกรรมเองก็นำหน้าอุตสาหกรรมอื่นๆ อยู่หลายก้าวเช่นกัน

Schneider Electric ถือเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจจากการที่เมื่อเร็วๆ นี้ได้ออกมาประกาศว่ามีการใช้งาน Low-Code Development Framework ในการพัฒนา Application ใหม่ถึง 60 ระบบโดยใช้เวลาน้อยกว่า 40% ของกระบวนการพัฒนาระบบแบบเดิมที่เคยใช้ในอดีต
Application เหล่านี้ได้ถูกใช้งานในหลากหลายแผนกของยักษ์ใหญ่ทางวิศวกรรมนี้ ตั้งแต่แผนก HR ไปจนถึงการเงิน, การบริหารจัดการ Portfolio, การทำนายแนวโน้มการผลิต, การขนส่ง และระบบ Supply Chain ทั้งหมด

ทุกวันนี้เทคโนโลยีทรงพลังมากเสียจนทำให้ตำแหน่งที่เรียกว่า Citizen Developer ที่สามารถทำงานควบคู่ไปกับนักพัฒนาแบบดั้งเดิมในการพัฒนา Application และสร้างบริการใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงและสร้างคุณค่าทางธุรกิจอย่างมีนัยยะสำคัญได้ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ทุกสิ่งเริ่มต้นจากผู้คน

ผู้บริหารธุรกิจทุกคนย่อมมีมุมมองที่เหมือนกันว่าพนักงานคือทรัพยากรที่สำคัญที่สุด เพราะพนักงานที่มีประสบการณ์นั้นจะเข้าใจงานอย่างทะลุปรุโปร่ง ทั้งกระบวนการ, ความซับซ้อน และแนวทางที่ง่ายดายในการปรับปรุงการทำงานและองค์กร

แทนที่จะต้องแยกส่วนของการพัฒนาระบบออกจากแต่ละส่วนของธุรกิจ สิ่งที่ Low-Code ได้เข้าไปเปลี่ยนแปลงนั้นก็คือทำให้แต่ละแผนกสามารถนำองค์ความรู้เชิงลึกที่ตนเองมีอยู่มาสร้าง Application และบริการต่างๆ ด้วยตนเองได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงลึกต่อการทำงานของทั้งองค์กรได้

ไม่เพียงแต่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงวิธีการพัฒนา Application ใหม่ๆ แล้ว งานด้านการพัฒนาระบบ Application ที่เคยมีอยู่เดิมก็ได้รับประโยชน์ด้วยเช่นกัน นอกเหนือจากการที่เครื่องมือ Low-Code ได้เข้าไปเป็นเครื่องมือหลักหนึ่งในการทำงานแล้ว (โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ Library และส่วนประกอบสำเร็จรูปในการทำงานได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น) ทีมงาน DevOps เองก็สามารถหันไปทำงานที่มีความท้าทายมากยิ่งขึ้นได้ จากความไว้วางใจในระบบ Low-Code ว่าจะทำงานได้อย่างมั่นคงและปลอดภัยภายใต้แนทางการพัฒนาที่ถูกกำหนดเอาไว้ล่วงหน้า

ซึ่งนี่ก็หมายรวมถึงการตรวจสอบด้านการควบคุมการทำงาน, การตรวจสอบประเด็นด้านความมั่นคงปลอดภัย, การตรวจสอบขั้นตอนในการพัฒนาระบบ และการตรวจสอบสถาปัตยกรรมของระบบที่กำลังใช้งานอยู่

นอกจากนี้ พนักงานใหม่ด้านการพัฒนาระบบเพียงอย่างเดียวก็จะสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น, ใช้เวลาในการฝึกอบรมด้านความซับซ้อนเชิงลึกของธุรกิจน้อยลง และสามารถสร้างประสบการณ์สำหรับผู้ใช้งานที่สอดคล้องกันทั้งระบบได้ เพื่อเร่งสร้างคุณค่าทางธุรกิจให้เกิดมากยิ่งขึ้น

เริ่มต้นใช้งานและสร้างผลลัพธ์ได้ทันที

เนื่องจากระบบ Low-Code มีเครื่องมือที่ผู้ใช้งานทุกคนต้องการในการสร้าง Application ได้อย่างรวดเร็วด้วยตนเอง ธุรกิจจึงสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ที่อาจจะเกิดขึ้นจาก Applicationใหม่ที่ถูกสร้างขึ้น หรือบริการใหม่นี้สามารถถูกนำเสนอและเริ่มต้นใช้งานได้รวดเร็วกว่าเดิมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะสำหรับพนักงานคนที่ต้องไปพบลูกค้า หรือทำงานภายในเพื่อช่วยให้การทำงานร่วมกันเป็นทีมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ด้วยการทำงานแบบ Drag-and-Drop และการแสดงผลแบบกราฟฟิกเป็นหลักของ OutSystems ซึ่งเป็นระบบ Low-Code นี้ ก็ทำให้กระบวนการการพัฒนาระบบเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิมเมื่อเทียบกับทีมงานที่ต้องพัฒนาระบบด้วยการเขียนโปรแกรมเองทั้งหมดตั้งแต่เริ่ม โดยระบบนี้สามารถถูกสร้างขึ้นได้จากส่วนประกอบต่างๆ ที่เคยมีอยู่เดิม และนำมารวมเข้ากับ Business Logic ที่เกิดขึ้นจาก Citizen Developer และสนับสนุนโดยความรู้ในเชิงลึกถึงความเป็นไปได้เชิงเทคโนโลยีของแผนก IT

การพัฒนาระบบแบบ Waterfall ที่เคยใช้งานในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้สามารถถูกทดแทนได้ด้วยวิธีการพัฒนาที่มุ่งเน้นถึงผลลัพธ์ในการแก้ปัญหาต่าๆ เป็นหลักที่พนักงานและลูกค้าต้องเผชิญอยู่ทุกวัน เรียกได้ว่าเป็นการแก้ไขปัญหาด้วยเทคโนโลยีโดยทีมงานที่มีเครื่องมือที่เหมาะสมและมีความรู้ที่จะเปลี่ยนแปลงให้สิ่งต่างๆ เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง

ทำงานร่วมกับระบบเดิมและเติมเต็มนวัตกรรมใหม่

ความสามารถในการเชื่อมโยงระบบของระบบ Low-Code ที่เยี่ยมยอดที่สุดนี้ทำให้ธุรกิจสามารถเพิ่มและต่อยอดความสามารถให้กับระบบที่มีอยู่เดิมได้ โดยไม่ต้องจ้างนักพัฒนาเฉพาะทางหรือคู่สัญญาที่มีราคาสูงอีกต่อไป

ความสามารถนี้ทำให้ผู้ใช้งาน OutSystems สามารถเพิ่มความคุ้มค่าในการลงทุนให้กับระบบเดิมที่มีอยู่ได้ และยืดอายุการใช้งานรวมถึงเกิดประโยชน์ใหม่ในการใช้งานระบบเดิมที่มีอยู่ พนักงานที่ใช้งานระบบเดิมอยู่และพนักงานที่ต้องพบปะกับลูกค้าในแต่ละวันนั้นสามารถทำงานร่วมกันเพื่อสร้าง Application ใหม่ที่ใช้งานร่วมกันได้, มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน, ปลอดภัย และมั่นคงทนทานได้ตามกระบวนการทางธุรกิจที่ต้องการได้

ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถให้กับเทคโนโลยีที่มีอยู่เดิมเพียงอย่างเดียว Low-Code ก็ได้สร้างคุณค่าอย่างมีนัยยะให้กับโครงการด้านการทำ Digital Transformation อย่างชัดเจนแล้ว และเมื่อนำประเด็นนี้มารวมกับแนวทางการทำงานมีเต็มเปี่ยมไปด้วยนวัตกรรมและความสร้างสรรค์ องค์กรที่ใช้ระบบ Low-Code ของ OutSystsems ก็จะมีความสามารถในการปลดล็อคศักยภาพที่มีอยู่ได้โดยไม่ต้องลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานหรือโซลูชันใหม่ทั้งหมดอีกต่อไป

ก้าวถัดไป

คำแนะนำสำหรับธุรกิจที่สนใจก็คือการเริ่มต้นกับระบบที่มีอยู่ในแผนกใดแผนกหนึ่งเสียก่อนเพื่อพิสูจน์คุณค่าของระบบ Low-Code ซึ่งระบบเหล่านี้ก็มักเป็นระบบ Application ที่มีอยู่ดั้งเดิมนั่นเอง

วิธีการนี้จะทำให้ทุกคนสามารถเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโครงการริเริ่มนี้ได้ และเห็นภาพตรงกันว่าระบบของ OutSystems จะสามารถทำสิ่งใดได้บ้าง

ข้อได้เปรียบของการใช้ Low-Code นี้ก็คือการที่ระบบเดิมที่มีอยู่จะสามารถถูกเพิ่มเติมต่อยอดหรืออาจถูกทดแทนได้เลยในบางกรณี โดยมีธุรกิจในหลายอุตสาหกรรม (ซึ่งบางอุตสาหกรรมนั้นก็อาจดูเหมือนว่าไม่เข้ากับการใช้เทคโนโลยีเสียเท่าไหร่) มีการเริ่มต้นใช้งานระบบและสร้าง Application ใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง

ผู้ที่สนใจสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับ Low-Code และคุณค่าทางธุรกิจได้ด้วยตนเอง โดยสามารถเริ่มต้นจาก eBook (ที่รวบรวมคำแนะนำที่น่าสนใจในการเริ่มต้นได้อย่างรวดเร็ว) และก้าวสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจแต่ละอุตสาหกรรมได้ และถ้าหากต้องการคำแนะนำใดๆ ก็สามารถติดต่อตัวแทนจาก OutSystems หรือพันธมิตรของ OutSystems เพื่อรับชมการสาธิตเทคโนโลยีได้ทันที


About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

Microsoft ประกาศเพิ่ม Copilot ลงใน Windows 11

Microsoft ได้ประกาศเพิ่ม Copilot ระบบ AI Chatbot ลงใน Windows 11

Cisco ประกาศเข้าซื้อกิจการ Splunk ด้วยมูลค่า 2.8 หมื่นล้านเหรียญ

Cisco ประกาศเข้าซื้อกิจการ Splunk ด้วยมูลค่า 2.8 หมื่นล้านเหรียญ