[Guest Post] 4 หลักการพื้นฐาน สู่การพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ดี โดย OutSystems

เขียนโดย: Paulo Rosado – CEO, OutSystems

เราเริ่มก่อตั้ง OutSystems เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้วด้วยเป้าหมายสำคัญตั้งแต่วันนั้นจวบจนถึงวันนี้ เราอยากให้ทุกๆ บริษัทสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรม ขึ้นมาได้ด้วยพลังของซอฟต์แวร์ สำหรับองค์กรส่วนใหญ่ ความท้าทายเดิมๆ ที่เราเคยต้องเผชิญในอดีตนั้นก็ยังคงเป็นจริงอยู่จนถึงวันนี้ การสร้างแอปพลิเคชันสำหรับการใช้งานในระดับธุรกิจองค์กรนั้นยากเกินไป, มีนักพัฒนาไม่เพียงพอ, และธุรกิจก็เปลี่ยนแปลงไปเร็วกว่าที่ซอฟต์แวร์และระบบที่ลุกค้าใช้งานอยู่จะตามทัน

นวัตกรรมที่ OutSystems ส่งมอบ ซึ่งคุณสามารถทดลองใช้งานได้ฟรีนี้ ยิ่งมีคุณค่ามากยิ่งขึ้นในปัจจุบันจากการที่ความคาดหวังของลูกค้านั้นสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ในการใช้งานที่ดี ไปจนถึงการที่ความเปลี่ยนแปลงเชิงเทคโนโลยีและเศรษฐกิจนั้นมีความรวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าในอดีต

แล้วสิ่งที่ดีเยี่ยมนั้นควรจะเป็นอย่างไร? เราคิดถึงประเด็นพื้นฐานดังต่อไปนี้

1. คุณต้องสร้างความแตกต่าง

ซอฟต์แวร์บางระบบที่คุณต้องใช้ในการดำเนินธุรกิจทุกวันนั้นอาจสามารถทดแทนได้ด้วยบริการสำเร็จรูปจากผู้พัฒนาระบบ SaaS แต่ระบบเหล่านี้ก็มักมีความสามารถที่เหมือนๆ กันไม่ว่าลูกค้าที่ใช้งานจะเป็นใครก็ตาม ดังนั้นถึงแม้ว่าระบบเหล่านี้จะมีความสามารถเบื้องต้นที่เพียงพอ แต่ในทางกลับกันคู่แข่งทุกรายของคุณก็สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้เหมือนกับคุณ ด้วยเหตุนี้ ซอฟต์แวร์ที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับองค์กรของคุณนั้นจึงต้องมีความแตกต่าง ดังนั้นระบบเหล่านี้จึงต้องถูกพัฒนาขึ้นมาเอง และวิธีการเดียวที่จะสร้างนวัตกรรมที่แท้จริงขึ้นมาได้นั้น ก็คือการอาศัยองค์ความรู้และทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่มีอยู่เฉพาะในธุรกิจของคุณ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า, ทีมงาน หรือพันธมิตรของคุณก็ตาม

2. คุณต้องทำให้ทีมงานที่มีอยู่นั้นทำงานได้เต็มศักยภาพยิ่งขึ้น

ถึงแม้ว่าคุณจะมีทีมงานนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์และความกระตือรือร้น แต่ก็ดูเหมือนว่าทีมงานของคุณจะไม่เคยเพียงพอต่อโจทย์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในธุรกิจ ความจริงก็คือแม้แต่ที่ซิลิคอนแวลลีย์เองก็ยังไม่สามารถจ้างนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้เพียงพอ ดังนั้นปัญหาที่แท้จริงนั้นจึงไม่ใช่การขาดแคลนทีมงาน แต่เป็นเพราะวิธีการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบเดิมนั้นมีงานที่ซ้ำซากและไม่มีประสิทธิภาพมากเกินไป เป้าหมายถึงเราจึงเป็นการสร้างความเป็นไปได้ในการทำให้คุณสามารถใช้ทีมงานที่มีอยู่ได้อย่างเต็มศักยภาพและมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่เพียงแต่เราจะทำให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ทำงานได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่เรายังออกแบบระบบที่ช่วยเร่งกระบวนการการพัฒนาซอฟต์แวร์ทั้งหมดให้เร็วขึ้น เพื่อให้ประสิทธิภาพในการทำงานของทุกคนในโครงการดิจิทัลนี้สูงขึ้นไปพร้อมๆ กัน

3. ความเร็วในการปรับเปลี่ยนนั้น สำคัญกว่าความเร็วในการสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาทั้งหมด

การมองหาไอเดียใหม่เพียงไอเดียเดียวนั้นไม่เพียงพออีกต่อไป แม้แต่ที่ Google เองก็ยังต้องให้พนักงานใช้เวลา 20% ของตนเองกับไอเดียใหม่ๆ โดยไม่มีข้อจำกัดที่ยุ่งยากในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ขึ้นมา และทำให้ไอเดียใหม่ๆ นั้นเป็นจริงขึ้นมาให้ได้มากที่สุด แทนที่จะมองหาเพียงไอเดียเดียวที่ดีที่สุดเท่านั้น และเมื่อพวกเขาพบไอเดียใหม่ที่เป็นจริงขึ้นมาได้ พวกเขาก็จะเร่งปรับปรุงพัฒนาให้ไอเดียนั้นออกไปสู่มือของผู้ใช้งานจริง และรีบรับคำแนะนำหรือความคิดเห็นมาปรับปรุงต่อไป

4. ต้องทำลายกำแพงที่ขวางกั้นระหว่างทีมลง

ในอดีตนั้นนักพัฒนาซอฟต์แวร์จะต้องทำงานภายในทีมงานหนึ่ง และทีมผู้ดูแลระบบก็ทำงานในอีกทีมหนึ่ง และทีมฝ่ายธุรกิจก็มีทีมของตัวเองแยกขาดจากกัน ในการที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วนั้น องค์กรต้องผสมผสานทีมงานและทักษะที่หลากหลายเข้าด้วยกัน เพื่อให้สามารถระบุเป้าหมาย, ทำการพัฒนา และทดสอบสิ่งที่แต่ละทีมคิดสร้างสรรค์ขึ้นมาให้ได้อย่างรวดเร็ว

OutSystems ใช้แนวทางเหล่านี้ในการพัฒนาแนวทางที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยแนวคิด 3 ประการ – แอปพลิเคชันนั้นต้องถูกสร้างขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ถูกสร้างขึ้นมาด้วยวิธีการที่ถูกต้อง และถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับอนาคต การสร้างแอปพลิเคชันให้ได้อย่างรวดเร็วนั้นสำคัญต่อความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ และทุกส่วนของ OutSystems นั้นก็ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยนักพัฒนาในการสร้างโซลูชันซอฟต์แวร์ที่สมบูรณ์และตอบโจทย์ได้อย่งรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ด้วยแนวทางการพัฒนาที่มีประสิทธิผลและใช้ visual development approach

แต่ความเร็วเพียงอย่างเดียวนั้นย่อมไม่เพียงพอ คุณต้องสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมาด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ที่ใจกลางของระบบ OutSystems นั้นคือการผสมผสานเครื่องมือและบริการต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อให้มั่นใจว่าแอปพลิเคชันสำหรับใช้งานในระดับธุรกิจองค์กรนี้จะมีความมั่นคงปลอดภัย, ยืดหยุ่น, รองรับต่อการทำงานได้บน Cloud และสามารถเพิ่มขยายได้ในอนาคต

ท้ายที่สุด การสร้างแอปพลิเคชันให้รองรับต่ออนาคตนั้นก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญ และ OutSystems ก็ได้ช่วยลูกค้าให้สร้างแอปพลิเคชันที่ทันสมัยซึ่งสามารถรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วให้ทันต่อโลกที่ไม่หยุดนิ่ง, รูปแบบการทำธุรกิจของคุณที่เปลี่ยนไป และทีมงานที่เติบโตของคุณ ด้วยการผสมผสานระหว่างบริการระบบที่มีความสามารถครบถ้วน, AI, เครื่องมือในการออกแบบและพัฒนาในแบบแผนผัง พร้อมระบบสถาปัตยกรรมเบื้องหลังที่จะช่วยให้สามารถเปิดตัวความสามารถใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง OutSystems จึงถูกออกแบบมาเพื่อบริหารจัดการต่อความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้โดยเฉพาะ

เรามีคำพูดหนึ่งในภาษาโปรตุเกสว่า “afinal de contas” ซึ่งหมายถึง “การพูดและลงมือทำในสิ่งที่พูด” ท้ายที่สุดแล้ว ผลลัพธ์คือสิ่งที่สำคัญเสมอ และเราก็มุ่งเป้าที่จะช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถสร้างผลลัพธ์ขึ้นมาให้ได้ เมื่อคุณเห็นว่าลูกค้าของเราสามารถทำอะไรได้บ้างบนระบบ OutSystems ของเรา เรายิ่งทวีความตื่นเต้นถึงความเป็นไปได้ที่เกิดขึ้นจากทีมที่มีความกระตือรือร้นเหล่านี้ที่ได้ทำงานบนระบบที่เหมาะสม เรามุ่งมั่นที่จะสร้างประสิทธิภาพให้แก่ทีมนักพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อสร้างแอปพลิเคชันที่ต้องการใช้งานจริงจังขึ้นมา ซึ่งสิ่งนี้ก็ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับเราเล็กน้อย เนื่องจากตั้งแต่แรกเริ่ม เรามีเป้าหมายเดียวที่ชัดเจน และเราก็ตื่นเต้นที่แนวทางของเราได้รับการพิสูจน์แล้วว่าใช้งานได้จริง และเราก็ยิ่งตื่นเต้นกับโอกาสใหม่ๆ ที่รอคอยเราอยู่ในอนาคตหลังจากนี้

ถ้าคุณไม่สามารถอดใจรอที่จะเริ่มต้นใช้งานระบบ Modern Application Platform เพื่อสร้างแอปพลิเคชันใหม่ของคุณได้อย่างรวดเร็ว, ถูกต้อง และรองรับต่ออนาคตแล้วล่ะก็ คุณสามารถเริ่มต้นได้เลยทันที!

 

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

NetApp เปิดทดสอบบริการ Backup สำหรับ Google Cloud NetApp Flex service level

NetApp ได้เพิ่มความสามารถ Backup สำหรับกลุ่มผู้ใช้ Google Cloud NetApp ในบริการแบบ Flex

Acronis เปิดตัว Agentless Backup สำหรับ Nutanix AHV

Acronis ได้นำเสนอการสำรองข้อมูลในระบบ Nutanix AHV ได้โดยไม่ต้องมี Agent ติดตั้งแต่ละ Client แค่มี Virtual Appliance ใน AHV Cluster เท่านั้น