เมื่อข้อมูลกลายเป็นศูนย์กลางสำคัญของทุกการตัดสินใจเชิงธุรกิจ ปริมาณของข้อมูลในหลายองค์กรนั้นก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว การเลือกใช้เทคโนโลยี Enterprise Storage ที่เหมาะสมกับงานแต่ละรูปแบบนั้นก็จะช่วยให้ธุรกิจองค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว และสามารถสร้างคุณค่าใหม่ๆ จากข้อมูลที่มีอยู่ได้อย่างยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น
Enterprise Object Storage ถือเป็นเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในตลาดธุรกิจองค์กร ทั้งจากความสามารถและความคุ้มค่าในการลงทุนที่สูง รวมถึงทางเลือกใหม่ๆ ในการติดตั้งใช้งาน Enterprise Object Storage ได้ทั้งภายในองค์กรและการเช่าใช้งานได้จากผู้ให้บริการ Cloud ในประเทศไทย ทำให้การใช้งานนั้นมีความคุ้มค่ามากกว่าการเช่าใช้จากผู้ให้บริการ Cloud ในต่างประเทศเป็นอย่างมาก
ในบทความนี้จะเป็นการสรุป Webinar ของ CSL ที่จะพาทุกท่านไปรู้จักกับความแตกต่างของ Object Storage เมื่อเทียบกับเทคโนโลยี Storage อื่นๆ ไปจนถึงตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานจริงที่เป็นไปได้และคุ้มค่าสำหรับธุรกิจไทย
File Storage vs Block Storage vs Object Storage: 3 เทคโนโลยีนี้แตกต่างกันอย่างไร?
CSL ในฐานะของผู้ให้บริการ Cloud และโซลูชัน Enterprise IT ชั้นนำของธุรกิจองค์กรไทย ได้เล่าถึงกรณีที่เหมาะสมสำหรับการเลือกใช้ 3 เทคโนโลยี Enterprise Storage ที่แตกต่างกันเอาไว้ดังนี้
File Storage
เหมาะสำหรับการจัดเก็บไฟล์ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดปานกลางที่มีจำนวนตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักล้านไฟล์ แต่สำหรับระบบที่มีขนาดใหญ่หลายร้อยล้านหรือหลายพันล้านไฟล์นั้นก็อาจไม่รองรับ โดยสามารถจัดการด้านการกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงไฟล์ได้ถึงระดับผู้ใช้งาน
อย่างไรก็ดี File Storage นั้นมักจะมีการแบ่งแยกข้อมูลด้วยโครงสร้างของ Directory เป็นหลัก แต่ยังคงขาดความสามารถในการระบุว่าแต่ละ File นั้นมีเนื้อหาภายในที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใดบ้าง ทำให้ถึงแม้ File Storage จะรองรับการใช้งานร่วมกับ Application สมัยก่อนได้ดี แต่สำหรับงานประเภท Data Analytics นั้นก็อาจยังไม่ตอบโจทย์นัก
โดยทั่วไปเรามักพบ File Storage ในฐานะของระบบ File Sharing สำหรับผู้ใช้งานภายในองค์กร และเป็นระบบจัดเก็บข้อมูลกลางสำหรับ Server ภายในองค์กร
Block Storage
เหมาะสำหรับงานที่เน้นประสิทธิภาพในการเขียนอ่านข้อมูล เช่น ระบบ Database, Transactional Data หรือ Virtualization เนื่องจากมีความซับซ้อนน้อย และสามารถเลือก Filesystem ที่เหมาะสมกับประเภทของงานได้
จุดอ่อนของ Block Storage นั้นก็คือการที่ระบบอาจไม่ได้รองรับการใช้งานที่ความจุขนาดใหญ่มากนัก และยังไม่มีความสามารถในการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลหรือกำหนดสิทธิ์ได้อย่างซับซ้อน ดังนั้นในการใช้งานหากต้องการทำสิ่งต่างๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากความสามารถพื้นฐาน ก็อาจต้องอาศัยความสามารถของระบบอื่นๆ ภายนอกเข้ามาเสริม และสำหรับการทำ Data Analytics นั้น Block Storage ก็สามารถให้บริการในฐานะพื้นที่จัดเก็บข้อมูลประสิทธิภาพสูงได้เป็นหลัก แต่ไม่สามารถจำแนกข้อมูลใดๆ ได้เลย
โดยทั่วไปเรามักพบ Block Storage ในฐานะของเครื่องมือเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลให้กับ Server หรือระบบจัดเก็บข้อมูลประสิทธิภาพสูงสำหรับระบบ Business Application และ IT Infrastructure ที่มีความสำคัญ เช่น Virtualization หรือ Database เป็นต้น
Object Storage
เหมาะสำหรับการจัดเก็บข้อมูลปริมาณมหาศาลในระดับหลายร้อยล้านหรือหลายพันล้านชุด หรือจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่มากๆ ที่ต้องการ Throughput ในการอ่านข้อมูลปริมาณมาก อีกทั้งยังสามารถกำหนด Metadata ที่ต้องการเองได้โดยไม่มีการจำกัดปริมาณ Tag ทำให้สามารถรองรับงาน Data Analytics ได้ดี และยังมีความคุ้มค่าในการลงทุนที่สูง
ข้อเสียของ Object Storage นี้ก็คือถึงแม้จะรองรับการใช้งานในระบบขนาดใหญ่มากๆ ได้ดี แต่ก็ไม่สามารถรองรับการใช้งานที่เป็นจุดแข็งของ Block Storage หรือ File Storage ได้ดีนัก
โดยทั่วไปเรามักพบ Object Storage ในฐานะของระบบจัดเก็บข้อมูลบน Cloud, ระบบจัดเก็บข้อมูล Static Content ขนาดใหญ่ และระบบ Backup Storage
ตัวอย่างการใช้งาน Enterprise Object Storage ในรูปแบบต่างๆ สำหรับธุรกิจองค์กร
สำหรับการประยุกต์ใช้งาน Enterprise Object Storage ในภาคธุรกิจนั้น ก็มีทางเลือกที่หลากหลาย ดังนี้
- Backup/DR/Archive ด้วยความคุ้มค่าต่อความจุที่สูงที่สุดในบรรดาเทคโนโลยี Storage ทำให้ Backup Storage เหมาะสำหรับงาน Backup/DR/Archive เป็นอย่างมาก เพราะจะสามารถช่วยลดต้นทุนขององค์กรได้โดยตรง อีกทั้งยังปกป้องไม่ให้ Ransomware เข้ามาโจมตีข้อมูลที่สำรองเอาไว้ได้อีกด้วย
- Big Data/Machine Data ซึ่งต่างเป็นระบบที่ต้องการจัดเก็บข้อมูลปริมาณมหาศาลรวมกันมีขนาดใหญ่ และต้องการการเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างยืดหยุ่น รวดเร็ว ง่ายดาย จากหลายแหล่งประมวลผล พร้อมมี Tag ระบุความหมายของข้อมูลให้พร้อมนำไปใช้งานได้ทันทีนั่นเอง
- Biometrics/Research Data เป็นกรณีของการจัดเก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งมีการเพิ่มเติมอยู่ตอด และต้องมีการเข้าถึงข้อมูลได้จากหลายแหล่ง แต่ก็ต้องมีการกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลที่ดี
- Security/Surveillance สำหรับการจัดเก็บข้อมูล Security Event และ Video ปริมาณมากที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาจากอุปกรณ์ IoT ทางด้านการรักษาความปลอดภัย ในขณะที่การนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้งานนั้นต้องสามารถทำได้ง่ายดาย พร้อมต่อยอดไปสู่การทำ Data Analytics หรือ Video Analytics ได้
- Compliance จัดเก็บข้อมูลที่มีข้อบังคับว่าต้องเก็บย้อนหลังเอาไว้นานเป็นระยะเวลาที่กำหนด ก่อนจะมีการลบทิ้งโดยอัตโนมัติ เช่น ข้อมูลเอกสารบางประเภทที่อาจต้องเก็บย้อนหลังเป็นเวลาหลายปี หรือข้อมูลระบบ IT บางส่วนที่บังคับว่าต้องมีการเก็บย้อนหลังเอาไว้เป็นเวลาหลายเดือน หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่ห้ามเก็บเกินระยะเวลาที่กำหนด เป็นต้น
- Media/Entertainment จัดเก็บข้อมูลย้อนหลังของ Footage หรือไฟล์สุดท้ายในแต่ละงาน เพื่อให้ธุรกิจสื่อสามารถลงทุนในระบบตัดต่อที่มีประสิทธิภาพสูงแต่อาจมีความจุไม่มากได้ และนำข้อมูลที่ไม่ได้ต้องใช้งานบ่อยนักมาเก็บบน Object Storage เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายแทน
- Healthcare จัดเก็บข้อมูล Unstructured Data ที่มักมีขนาดใหญ่ เช่น PET Scan, MRI, CT Scan, X-Ray, PACS และอื่นๆ โดยสามารถทำการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วยได้
- Financial Services จัดเก็บข้อมูลการทำธุรกรรมต่างๆ ทางการเงินที่ต้องมีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล, ข้อมูลทางการเงิน, การทำ Compliance ไปจนถึงการปกป้องข้อมูลสำคัญจาก Ransomware
สำรองข้อมูลสำคัญขององค์กรบน Object Storage รับมือ Ransomware ได้อย่างหายห่วง ด้วยโซลูชันจาก CSL และ Veeam
CSL นั้นได้มีการร่วมมือกับ Veeam ในการนำบริการ VMware Cloud และ Cloudian มาให้บริการ Cloud Backup ที่สามารถปกป้องข้อมูลสำคัญขององค์กรจาก Ransomware ได้ แม้ว่า Ransomware จะพยายามทำการเข้ารหัสโจมตีข้อมูลที่สำรองเอาไว้ก็ตาม
แนวทางของโซลูชันนี้ ก็คือการใช้งาน Cloud Enterprise Object Storage ของ CSL ที่ใช้ Cloudian บน VMware Cloud มาทำงานร่วมกับโซลูชันการสำรองข้อมูลของ Veeam อย่าง Veeam Cloud Tier เพื่อทำการสำรองข้อมูลที่ธุรกิจองค์กรต้องการเอาไว้ภายในองค์กร ก่อนที่จะทำการ Copy หรือ Move ข้อมูลที่สำรองเอาไว้นั้นมาเก็บบน Cloud อีกทีหนึ่ง
ทั้งนี้บน Cloud Enterprise Object Storage ที่ทำงานร่วมกับ Veeam ก็จะมีการเปิดความสามารถที่เรียกว่า S3 Object Lock ซึ่งเป็นการจัดเก็บข้อมูลแบบ WORM หรือ Write Once, Read Many เอาไว้ เพื่อให้ข้อมูลใดๆ ที่ถูกบันทึกลงไปนั้นจะไม่สามารถถูกลบได้จนกว่าข้อมูลเหล่านั้นจะมีอายุครบตามที่กำหนด ทำให้ถึงแม้ Ransomware จะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เราสำรองเอาไว้บน Cloud Enterprise Object Storage ได้ แต่ Ransomware นั้นๆ ก็จะไม่สามารถทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูลด้วยการเข้ารหัสหรือลบข้อมูลที่สำรองเอาไว้ได้อย่างเด็ดขาด
รับชม Webinar ย้อนหลังได้ทันที
สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดฉบับเต็ม สามารถรับชม Webinar นี้ย้อนหลังได้ทันทีดังนี้
สนใจใช้งาน Enterprise Object Storage ติดต่อทีมงาน AIS หรือ CSL ได้ทันที
ผู้ที่สนใจใช้งาน Enterprise Object Storage สามารถติดต่อทีมงาน AIS หรือ CSL ได้ที่อีเมล csl-presales@ais.co.th หรือโทร 02-263-8185