
ทีมงาน TechTalkThai ได้มีโอกาสสัมภาษณ์คุณไพศิลป์ ลิมป์ทองทิพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเซีย แปซิฟิค ปิโตรเคมิคอล จำกัด ถึงการวางโครงสร้างพื้นฐานระบบ IT รวมไปถึงการดูแลอย่างครบวงจรโดยใช้บริการ Managed Services ของ CSL ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถดำเนินธุรกิจที่มียอดขายเกือบ 5,000 ล้านบาทต่อปีได้อย่างมั่นใจ

เกี่ยวกับบริษัท เอเซีย แปซิฟิค ปิโตรเคมิคอล จำกัด
บริษัท เอเซีย แปซิฟิค ปิโตรเคมิคอล จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 1997 เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และไทย ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ประกอบธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์จากคู่ค้าคุณภาพมากมายทั่วโลก เพื่อตอบสนองต่อความต้องการอันหลากหลายของอุตสาหกรรมไทย ปัจจุบันมีสำนักงานตั้งอยู่ใน 6 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย และพม่า นับเป็นหนึ่งในผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมียอดจำหน่ายสินค้ารวมกันทั้ง 6 ประเทศปริมาณมากถึง 700,000 ตันต่อปี
สำหรับประเทศไทย สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ถนนรามอินทรา จังหวัดกรุงเทพมหานคร และมีคลังสินค้า 3 แห่ง ได้แก่จังหวัดสมุทรปราการ 2 แห่งและจังหวัดชลบุรี 1 แห่ง มีพนักงานรวม 71 คน และ Outsource อีก 150 คน มีปริมาณการขายสินค้าเคมีภัณฑ์ 150,000 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่ายอดขายสูงเกือบ 5,000 ล้านบาท
“ธุรกิจที่เราทำไม่ใช่ปลาใหญ่กินปลาเล็กอีกต่อไป ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เราได้เพิ่มนโยบายการบริหารงานขึ้นมาใหม่ คือ ‘ปลาเร็วคว้าโอกาส’ ซึ่งประกอบด้วย 3 แนวทางสำคัญ คือ การพัฒนาอย่างไร้ขีดจำกัด การบริการเป็นเลิศ และการช่วยเหลือสังคม รวมถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม” — คุณไพศิลป์กล่าวถึงการทำธุรกิจเมื่อต้องเข้าสู่ยุคดิจิทัล
การรับทราบข้อมูลแบบเรียลไทม์เป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ
คุณไพศิลป์กล่าวว่า การนำเข้าและส่งออกเคมีภัณฑ์ที่ทำอยู่นี้ เป็นธุรกิจที่มีความละเอียดอ่อน เนื่องจากสินค้ามีราคาผันผวนไม่เว้นในแต่ละวัน การกำหนดราคาซื้อขายให้ได้ผลตอบแทนสูงสุดจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ในขณะที่การบริหารจัดการสินค้าในคลังก็มีความท้าทายสูง จำเป็นต้องกะเกณฑ์ระยะเวลาของเรือที่จะนำสินค้าเข้ามาเติมในคลังให้ถูกจังหวะ ไม่ให้สินค้าหมดสต็อก นอกจากนี้ ลูกค้าแต่ละรายก็มีความต้องการแตกต่างกันออกไป ต้องให้บริการอย่างเหมาะสมเพื่อเพิ่มความพึงพอใจ เหล่านี้ ทำให้การใช้แรงงานคนอย่างเดียวอาจทำให้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น จำเป็นต้องพึ่งพาระบบ IT เข้ามาสนับสนุน โดยทุกภาคส่วนต้องมีการเชื่อมต่อถึงกันและกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้แบบออนไลน์และเรียลไทม์ เพื่อให้การอัปเดตข้อมูลทุกอย่างทำได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยให้การวิเคราะห์สถานการณ์และการประเมินธุรกิจมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

วางโครงสร้างระบบ IT โดยใช้บริการจาก CSL
สมัยเริ่มกิจการ บริษัท เอเซีย แปซิฟิค ปิโตรเคมิคอล จำกัด มีสำนักงานใหญ่เพียงแห่งเดียว ในขณะที่คลังสินค้าใช้วิธีเช่าใช้ ซึ่งผู้ดูแลคลังสินค้าเป็นผู้จัดการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ให้ แต่หลังจากที่ธุรกิจเติบโต บริษัทฯ มีคลังสินค้าเป็นของตัวเอง จึงต้องวางระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้าน IT ให้สำนักงานใหญ่และคลังสินค้าอีก 3 แห่งสามารถเชื่อมต่อหากันได้ จึงตัดสินใจว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญมาช่วยวางระบบและดูแลโครงสร้างพื้นฐานทางด้าน IT
ปี 2008 บริษัทฯ ตัดสินใจเลือกใช้บริการจาก CSL โดยเริ่มจากการวางเครือข่ายใยแก้วนำแสง (Fibre Optics) ก่อน ต่อมาก็วางโครงข่าย MPLS เชื่อมต่อระหว่างสำนักงานใหญ่และคลังสินค้าโดยมีเทคโนโลยี 3G เป็นโครงข่ายสำรอง หลังจากนั้นก็เริ่มวางโครงสร้างพื้นฐานระบบ IT ในองค์กรเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจและปกป้องผู้ใช้จากภัยคุกคามไซเบอร์ เช่น Public Internet, Web Hosting, Secure Email Gateway, Firewall และอื่นๆ
“หลังจากเปรียบเทียบบริการและค่าใช้จ่าย รวมไปถึงชื่อเสียงแล้ว เราเลือกใช้บริการวางโครงสร้างระบบ IT จาก CSL ซึ่ง CSL ให้บริการธรุกิจหลากหลายอุตสาหกรรม แสดงว่ามีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมที่ใกล้เคียงกับที่เราทำอยู่ จึงน่าจะนำความรู้และความเชี่ยวชาญมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของเราได้ แน่นอนว่าเราสัมผัสได้ถึงความเป็นมืออาชีพ การทำงานอย่างรวดเร็ว และสามารถช่วยเราแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที” — คุณไพศิลป์กล่าวถึงเหตุผลว่าทำไมถึงใช้บริการ CSL

ต่อยอดสู่บริการ Managed Services ดูแลระบบ IT แบบครบวงจร
เมื่อเข้าสู่ยุค Digital Transformation โครงสร้างพื้นฐานระบบ IT ขององค์กรเริ่มมีความซับซ้อน บริษัท เอเซีย แปซิฟิค ปิโตรเคมิคอล จำกัด จึงตัดสินใจยกระดับไปใช้บริการ Managed Services ของ CSL เพื่อให้เข้ามาจัดการและดูแลระบบ IT ของบริษัทฯ แบบครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษาในการวางระบบให้ตอบโจทย์ความต้องการเชิงธุรกิจ การออกแบบและติดตั้งระบบ IT การปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบให้ดียิ่งขึ้น ไปจนถึงการเฝ้าระวังและดูแลระบบให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ ลดภาระฝ่าย IT ของบริษัทฯ และช่วยขับเคลื่อนให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
คุณไพศิลป์ยังกล่าวถึงเหตุการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ระบุว่า ทางบริษัทฯ มีการเตรียมความพร้อมและประเมินความเสี่ยงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2020 และตัดสินใจที่จะดำเนินนโยบาย Work from Home ทันที ซึ่งบริษัทฯ มีโครงสร้างพื้นฐานระบบ IT ที่พร้อมรองรับการ Work from Home อยู่แล้ว ทาง CSL จึงเข้ามาช่วยออกแบบและวางระบบ Remote Access และ Video Conference สำหรับการทำงานจากระยะไกลให้ ช่วยให้สำนักงานใหญ่สามารถ Work from Home ได้ 100% เมื่อเกิดเหตุแพร่ระบาดในไทย ส่งผลให้ธุรกิจของบริษัทฯ ยังคงดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง ไม่สะดุด
“เราถูกใจบริการของ CSL และเรามอง CSL เป็นพาร์ทเนอร์คนสำคัญในการดำเนินธุรกิจ CSL เข้ามาช่วยจัดการและดูแลโครงสร้างพื้นฐานระบบ IT ให้กับเรา ช่วยให้เราสามารถโฟกัสกับการทำธุรกิจได้โดยไม่ต้องมาระแวง มาระวังหลัง ไม่ต้องห่วงว่าระบบ IT จะมีปัญหา และไม่ต้องกังวลว่าเมื่อธุรกิจก้าวไปข้างหน้าแล้วระบบ IT จะไม่ก้าวตาม การเป็นพาร์ทเนอร์ที่ร่วมเดินทางไปกับเรานี้ ช่วยให้เราสามารถเดินไปข้างหน้าได้เร็วยิ่งขึ้นและมั่นคงยิ่งขึ้น” — คุณไพศิลป์กล่าวปิดท้าย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการ Managed Services ติดต่อทีมงาน CSL ได้ที่อีเมล csl-presales@ais.co.th หรือโทร 02-263-8185