Amazon ได้ออกมาประกาศความสำเร็จในการย้ายฐานข้อมูลของกลุ่มธุรกิจ Consumer ที่มีขนาดมากกว่า 75 Petabytes บนฐานข้อมูล Oracle Database ไปยังบริการของ Amazon Web Services (AWS) ทั้งหมดแล้ว
ก่อนหน้านี้ Amazon ได้มีการใช้งานฐานข้อมูล Traditional Database อยู่มากกว่า 7,500 ฐานข้อมูล ที่มีข้อมูลขนาดมากกว่า 75 Petabytes กับกลุ่มธุรกิจ Consumer ได้แก่ Alexa, Amazon Prime, Amazon Prime Video, Amazon Fresh, Kindle, Amazon Music, Audible, Shopbop, Twitch และ Zappos รวมไปจนถึงระบบ Back Office ของ Amazon เองอีกด้วย โดย Amazon ค่อยๆทยอยทำการ Migrate ฐานข้อมูลเดิมที่ทำงานอยู่บน Oracle Database ไปใช้บริการฐานข้อมูลของ Amazon Web Services (AWS) แบบ Cloud-native ซึ่งเป็นบริการของตัวเองมาระยะหนึ่งแล้ว ส่วนหนึ่งเนื่องจากประสบปัญหาการ Scale ระบบไม่ทันตามลักษณะของธุรกิจ
ล่าสุด Amazon ได้ออกมาประกาศความสำเร็จในการทำ Migrate ด้วยการปิดระบบ Oracle database ตัวสุดท้ายลง และหันมาใช้บริการ Cloud Service ของตัวเองทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อย ซึ่ง Amazon ได้เล่าถึงจุดที่น่าสนใจดังนี้
-
ทีมงานภายในสามารถเลือกระบบฐานข้อมูลที่เหมาะสมตามลักษณะของการใช้งานได้เอง เช่น Amazon DynamoDB, Amazon Aurora, Amazon RDS และ Amazon Redshift
-
ทีม Amazon Wallet ทำการย้ายฐานข้อมูลมากกว่า 1 หมื่นล้าน Records ไปยัง DynamoDB ช่วยลด Latency ได้มากกว่า 50% และลดค่าใช้จ่ายลงไปได้ 90%
-
ย้ายข้อมูลมากกว่า 120TB บนระบบบัญชีไปใช้งาน DynamoDB ช่วยลด Latency ลง 50% และลดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า 70%
-
ทีมงาน Database Administrator (DBA) เดิม มีการปรับ Career Path ใหม่ มีเวลามากขึ้นในการทำหน้าที่ตรวจสอบ Performace ของระบบโดยรวมและทำ Query optimization และทีมงาน Oracle DBA จำนวนหนึ่งผันตัวกลายเป็น Database migration specialists แทน