บริการ Amazon Relational Database Service (RDS) Proxy ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อและความปลอดภัยสำหรับฐานข้อมูล RDS และ Aurora พร้อมใช้งานแล้วในประเทศไทย

Amazon Web Services (AWS) ประกาศเปิดให้บริการ Amazon RDS Proxy เพิ่มเติมใน 3 ภูมิภาคใหม่ ได้แก่ Asia Pacific (Malaysia), Asia Pacific (Thailand) และ Mexico (Central) โดย RDS Proxy เป็นบริการ database proxy แบบ fully managed และ highly available สำหรับฐานข้อมูล Amazon RDS และ Aurora ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความยืดหยุ่น ความปลอดภัย และความสามารถในการขยายตัวของแอปพลิเคชัน
แอปพลิเคชันสมัยใหม่ โดยเฉพาะที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ serverless มักเปิดการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลจำนวนมากหรือมีการเปิด-ปิดการเชื่อมต่อบ่อยครั้ง ซึ่งสร้างภาระให้กับหน่วยความจำและประสิทธิภาพการประมวลผลของฐานข้อมูล Amazon RDS Proxy ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างแอปพลิเคชันและฐานข้อมูล โดยรวมและแชร์การเชื่อมต่อที่มีอยู่แล้ว (connection pooling) ช่วยลดการใช้ทรัพยากรและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน นอกจากนี้ ในกรณีที่เกิดความล้มเหลว RDS Proxy จะเชื่อมต่อไปยังฐานข้อมูล standby โดยอัตโนมัติภายในภูมิภาค ช่วยลดเวลาในการ failover ลงได้ถึง 66%
การใช้งาน RDS Proxy ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการจัดการข้อมูลรับรองของฐานข้อมูลผ่านการทำงานร่วมกับ AWS Secrets Manager และ AWS Identity and Access Management (IAM) ลดความจำเป็นในการฝัง database credentials ไว้ในโค้ดของแอปพลิเคชัน ผู้ดูแลระบบสามารถเปิดใช้งาน Amazon RDS Proxy สำหรับแอปพลิเคชันส่วนใหญ่ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงโค้ด และไม่จำเป็นต้องจัดเตรียมหรือจัดการโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม
ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเวอร์ชันของฐานข้อมูลที่รองรับและภูมิภาคที่ให้บริการ RDS Proxy ได้จากเอกสารของ RDS และ Aurora
ที่มา: https://aws.amazon.com/about-aws/whats-new/2025/04/amazon-rds-proxy-additional-aws-regions/