9 แนวทางการทำตลาดสำหรับบริการ Cloud และ Managed Service ในประเทศไทย ฉบับ TechTalkThai

ในปี 2016 ที่ผ่านมานี้มีผู้ให้บริการ Cloud และบริการ Managed Service เกิดขึ้นมาค่อนข้างมาก หลายผู้ให้บริการก็ได้มาปรึกษากับทีมงาน TechTalkThai ถึงแนวทางการทำการตลาดให้กับบริการเหล่านี้ ซึ่งที่ผ่านมาทางทีมงาน TechTalkThai ก็ได้ไปค้นคว้าและทดลองอะไรกันมาค่อนข้างเยอะ เลยอยากเขียนสรุปเอาไว้เผื่อให้เป็นประโยชน์แก่วงการกันดังนี้ครับ

 

***ออกตัวไว้ก่อนเลยว่าทีมงาน TechTalkThai ไม่ใช่คนที่มีประวัติการศึกษาทางด้านการตลาดมานะครับ แต่เขียนสรุปเอาจากประสบการณ์และสิ่งที่ได้ไปเรียนรู้ค้นคว้ามาเอง ถ้ามีอะไรผิดพลาดหรือขาดตกบกพร่องกันไปก็แจ้งมาได้ที่ info@techtalkthai.com ได้เลยครับผม

Credit: ShutterStock.com

 

1. ทดสอบให้แน่ใจก่อนว่าบริการของตนเองนั้นเสถียรดีแล้ว

ถึงแม้ความเร็วจะเป็นสิ่งสำคัญในการแข่งขันทุกวันนี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่เราจะ Deliver ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพออกมาให้ลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบริการระดับองค์กรที่ระบบสำคัญของธุรกิจของลูกค้านั้นอาจต้องมาอยู่ภายใต้การดูแลของเรา

แนวทางที่ผู้ผลิตต่างประเทศชอบใช้นั้นก็คือการแบ่ง Phase ในการ Roll Out บริการต่างๆ ออกมาก่อน โดยชุดแรกๆ อาจจะจำกัดไว้ที่ลูกค้ารายที่สนิทๆ กันและคุยกันตรงๆ ว่าอยากให้ช่วยลองเป็นลูกค้ารายแรก ซึ่งอาจจะยังมีขลุกขลักอะไรบ้างก็ว่ากันไป แล้วตอนเปิดตัวบริการก็เปิดมาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ที่เสถียรและลูกค้ากลุ่มแรกที่ฝ่าฟันปัญหามาด้วยกันจนมั่นใจได้แล้วว่าใช้งานได้จริง ในขณะที่ทีมงานของผู้ให้บริการเองก็มีประสบการณ์มาแล้วระดับหนึ่ง พร้อมกับขัดเกลากระบวนการต่างๆ มาแล้วในระดับหนึ่งด้วย

ประเด็นนี้ค่อนข้างอันตรายมากหากผลิตภัณฑ์หรือบริการที่นำเสนอออกไปนั้นยังไม่เสถียรดี และมีผู้ใช้งานกลุ่มแรกๆ ซึ่งเป็นคนภายนอกได้ทดลองและเกิดความรู้สึกเชิงลบจนเป็นกระแสปากต่อปากไป จนกลายเป็นประเด็นที่แก้ไขยากในภายหลัง โดยเฉพาะในวงการเล็กๆ อย่าง IT ในบ้านเรา

 

2. หากมีคู่แข่ง ต้องสร้างจุดแตกต่างอย่างชัดเจน

ในปี 2016 ที่ผ่านมาในไทยเรามีผู้ให้บริการ Infrastructure-as-a-Service (IaaS) ผุดขึ้นมาอย่างกับดอกเห็ด ในขณะที่บริการ Managed Service เองนั้นก็นำเสนอข้อมูลได้ดูจะไม่แตกต่างจากการจัดซื้อแบบเดิมๆ กันซักเท่าไหร่นักนอกจากวิธีการจ่ายเงิน ความยากจึงเกิดขึ้นมาทันทีว่าแล้วบริการจากผู้ให้บริการแต่ละรายเหล่านี้แตกต่างกันอย่างไรในมุมมองของลูกค้า?

จุดนี้เป็นประเด็นที่น่าคิดมาก เพราะจากที่ทางทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้เข้าไปพูดคุยนั้น ส่วนใหญ่ผู้ให้บริการแต่ละรายยังไม่ค่อยได้นึกถึงประเด็นนี้กันมากซักเท่าไหร่ นอกจากแค่ทำ Cloud หรือ Managed Service ขึ้นมาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับฐานลูกค้าเดิมอยู่แล้ว แต่ในระยะยาวถัดไปหากต้องการขยายตลาดให้มากขึ้น เรื่องนี้ก็ควรเป็นเรื่องที่ต้องคิดให้ดีทีเดียว

สำหรับแนวทางที่เหล่าผู้ผลิตต่างประเทศใช้กันนั้น ก็มีด้วยกันค่อนข้างหลากหลาย ตั้งแต่การวางกลยุทธ์ของ Cloud หรือ Managed Service ตนเองทั้งหมดให้สอดคล้องไปกับตลาดที่ต้องการรุก, มีเทคโนโลยีเสริมเพื่อสนับสนุนการใช้งานในรูปแบบที่เฉพาะ, มีบริการเสริมเพื่อตอบโจทย์ตลาดบางกลุ่มที่ต้องการ, การวาง Pricing Model ที่ตอบโจทย์ความต้องการในระดับองค์กรได้จริงๆ และอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าการจะขายแต่บริการพื้นฐานไปเปล่าๆ นั้นเริ่มที่จะไม่เพียงพออีกแล้ว

ทั้งนี้จุดสำคัญของการสร้างความแตกต่างที่เห็นชัดเจนและถูกคู่แข่งเข้ามาเบียดบังได้ยากที่สุด ก็คือความแตกต่างในเชิงเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาต่อยอดเอง และการให้บริการที่ดีตั้งแต่ก่อนการขายไปจนถึงหลังการขายนั่นเอง ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้ก็เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่น้อยและต้องวางแผนให้ดีครับ (และจริงๆ ก็ไม่เกี่ยวกับแผนกการตลาดด้วย แต่เป็นระดับนโยบายเลย)

โจทย์นี้ไม่เป็นปัญหากับผู้ให้บริการ Software as a Service เท่าไหร่นัก เพราะแต่ละรายแตกต่างกันค่อนข้างชัดอยู่แล้ว

 

3. หากไม่แตกต่าง ต้องมีตลาดหรือช่องทางของตัวเองอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ดีในบางกรณีนั้นความแตกต่างก็อาจไม่จำเป็นนักหากเดิมทีมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว การเปิดบริการ Cloud ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่ในมือนั้นก็ถือว่าเพียงพอ ถ้าหากตลาดเดิมนั้นเป็นตลาดที่คู่แข่งรายอื่นเข้าถึงได้ยาก และเราได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ดังนั้นสโคปของการทำการตลาดก็จะเหลือแค่การสื่อสารกับลูกค้าเดิมที่มีอยู่เป็นหลักแทน (แต่ประเด็นนี้จะปวดหัวมากขึ้นไปอีก เมื่อคิดว่ามันคือการ Convert ลูกค้าเดิมที่จ่ายเงินเราแบบ Project-based กลายเป็นจ่ายเงินแบบรายเดือนหรือรายปีแทน ก็อย่าลืมไปคิดถึง Cash Flow กันดีๆ ด้วยนะครับ)

แต่ในระยะยาว การหมั่นพัฒนาบริการของเราให้ตอบโจทย์ตลาดที่มีอยู่ในมือให้มากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ก็เป็นแนวทางที่ต้องทำ ซึ่งแน่นอนว่าทิศทางเหล่านี้ก็อาจจะกำหนดมาจากลูกค้าในมือที่เรามีอยู่และมีความต้องการใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมา เราก็นำความต้องการนั้นๆ มาปรับเป็นบริการใหม่ๆ เพิ่มเติมต่อยอดไปเรื่อยๆ ได้เช่นกัน

ประเด็นสำคัญคือ อย่าหยุดนิ่ง ถ้าวันนี้ไม่แตกต่าง เราก็ต้องพยายามพัฒนาตัวเองให้แตกต่างให้ได้

 

4. การเปิดให้ทดลองใช้งาน และการทำให้เห็นภาพของบริการ คือหัวใจสำคัญ

การขายบริการนั้นมักจะยากกว่าการขายสินค้า เพราะการนำเสนอให้ลูกค้าเห็นภาพหรือคุณค่าของบริการเราซึ่งอาจจะเป็น Cloud หรือ Managed Service นั้นทำได้ยาก(มาก) ดังนั้นองค์กรต่างๆ จึงควรใช้เวลาครุ่นคิดให้เยอะถึงวิธีการนำเสนอบริการเหล่านี้ออกไปสู่ตลาดให้ทุกคนเห็นภาพรวมและคุณค่าของสิ่งที่เรานำเสนอให้ได้ชัดเจนที่สุด

โจทย์ข้อนี้บริการของเมืองนอกแก้กันด้วย 5 แนวทางหลักๆ ได้แก่

  • เปิด Free Trial ให้ลูกค้าได้เข้ามาลองใช้บริการของเราฟรีๆ ก่อนเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจซื้อหรือปรึกษาปัญหาต่างๆ ต่อไป วิธีนี้ถือว่าค่อนข้างดีเพราะจะทำให้เราได้รู้จักลูกค้าใหม่ๆ และติดตามการทดลองใช้งานของลูกค้ารายนั้นๆ ได้ด้วยว่าน่าจะเป็นลูกค้าที่มี Potential หรือไม่ แต่ทั้งนี้ระบบที่เปิดให้ใช้ฟรีนี้ก็ต้องมีคุณภาพดีพอที่จะไม่เกิดปัญหาในระหว่างทดลองใช้งาน ซึ่ง Cloud นี้อาจเปิด Free Trial แบบเต็มๆ ได้เลย ในขณะที่ Managed Service เองอาจต้องตัดบางส่วนออกไปก่อน และหากลูกค้าต้องการทดสอบอย่างจริงจังจึงค่อยทดสอบกันแบบเต็มที่อีกทีหนึ่ง (แต่การเลือกตัดบางส่วนก็เป็นโจทย์ที่ยากอยู่ดี) ทำให้การทำ Free Trial นี้ Managed Service จะไม่สามารถ Scale ได้เท่ากับ Cloud อย่างแน่นอน
  • ทำ Product Tour เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ค่อนข้างเหมาะสมกับทั้ง Cloud และ Managed Service ที่ไม่สะดวกจะเปิด Free Trial นักให้กับลูกค้า ซึ่งสำหรับ Cloud นั้นอย่างน้อยการได้ดูหน้าค่าตาของหน้าจอบริหารจัดการ, การตั้งค่าและกำหนดค่าต่างๆ ก็อาจจะเพียงพอต่อที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจติดต่อมาหรือไม่ติดต่อแล้ว ส่วนในขณะที่ Managed Service นั้นอาจต้องนำเสนอ Deliverables ต่างๆ ให้ลูกค้าได้เห็น เช่น ตัวอย่างข้อความพูดคุยระหว่างลูกค้ากับผู้ให้บริการ (Mockup เอานะครับ อย่าเอาของจริงมาเปิด), ตัวอย่างรายงานสำหรับแต่ละเดือน, ตัวอย่างข้อมูลผลการใช้บริการ เป็นต้น
  • จัด Training Session อันนี้เป็นมุกมาตรฐานที่เหล่าผู้ให้บริการ Cloud รายใหญ่มักจะใช้กัน แต่ก็เป็นแนวทางที่เหล่าผู้ให้บริการ Cloud และ Managed Service จะนำไปปรับใช้ได้อยู่ ซึ่ง Training Session ในลักษณะของ Hands-on Workshop นี้เองก็อาจจะไม่ได้นำเสนอแค่ส่วนของบริการเราเท่านั้น แต่ผูกไปเป็นโซลูชันใหญ่ๆ ที่ผู้มาอบรมจะได้ประโยชน์ไป
  • เปรียบเทียบกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์แบบเดิมๆ ให้ชัด หลายครั้งถึงแม้จะเห็นว่าบริการของเราเป็นอย่างไร ทำอะไรได้ แต่ลูกค้าเองก็ไม่เห็นภาพว่าหากเลือกที่จะไม่ใช้บริการของเราแล้ว แต่เลือกที่จะลงทุนในรูปแบบเดิมๆ นั้นจะต้องลงทุนอะไรบ้าง จุดนี้เป็นจุดที่ควรนำเสนอให้ลูกค้าเห็นชัดเจน ว่าการใช้บริการของเรานั้นเทียบเท่ากับการลงทุนระบบอะไรและใช้คนที่มีความรู้จำนวนมากน้อยแค่ไหน (อันที่จริงแล้วประเด็นนี้เป็นเรื่องของการทำให้เห็นภาพในเชิงการลงทุนมากกว่า แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญอยู่ดีครับ)
  • สร้างความน่าเชื่อถือด้วย Reference Customer การมีลูกค้าตัวอย่างที่พร้อมจะเปิดเผยเรื่องราวและประสบการณ์นั้นสำคัญมาก เพราะนอกจากจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นแล้ว การเล่าเรื่องราวในการใช้บริการของเราในแง่มุมเชิงลึก และประโยชน์ที่องค์กรได้รับจริงๆ นั้นจะช่วยให้ลูกค้าเห็นภาพได้ง่ายขึ้นอีกมากสำหรับการตัดสินใจ

 

5. นำเสนอบริการ ต้องทำให้ลูกค้าเข้าใจกระบวนการ

การนำเสนอบริการที่มีความลึกในเชิงเทคนิคนั้นถือว่าเป็นโจทย์ที่ยากมากสำหรับการนำเสนอคุณค่าให้ลูกค้าเข้าใจ หลายครั้งที่ลูกค้ามักจะมองว่าบริการเหล่านี้มีราคาสูงเกินไป แต่ในความเป็นจริงนั้นเรามีบริการและกระบวนการย่อยต่างๆ ข้างในอยู่เป็นจำนวนมากที่ลูกค้าไม่ได้คำนึงถึง ประเด็นนี้เลยอยากเขียนถึงเพื่อให้เน้นย้ำซักหน่อยครับสำหรับคนที่ทำบริการในระดับ Premium ทั้งหลายในไทย

ถ้าใครได้มีส่วนร่วมในทีมให้บริการ Cloud หรือ Managed Service มาก่อนนั้นจะรู้เลยว่าตอนวางแผนก่อนเปิดให้บริการนี้ประเด็นต่างๆ ที่ต้องฉุกคิดและความเสี่ยงที่ต้องจัดการเยอะมาก ในขณะเดียวกันการตระเตรียมทีมงานและกระบวนการเพื่อรับมือกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้เองก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่โดยมากสิ่งเหล่านี้เองที่มักสื่อไปไม่ถึงลูกค้าเลย ทำให้หลายๆ ครั้งลูกค้าไม่เข้าใจถึงคุณค่าที่แท้จริงของบริการเหล่านี้

อันที่จริงแล้วประเด็นนี้แก้ได้ค่อนข้างตรงไปตรงมาด้วยการตีบริการเหล่านี้ออกมาเป็น Man-hour / Man-day ที่ลูกค้าจะได้รับ, กระบวนการในการรับมือกรณีปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นซึ่งเรามีเตรียมไว้เป็น Template แล้ว, ตัวอย่างของ Deliverables ที่จะมาคู่กับบริการเหล่านี้, ตัวอย่างตัวเลขสถิติการใช้งานจริงจากลูกค้ารายอื่นๆ หรือข้อมูลใดๆ ที่จะสื่อถึงความคุ้มค่าของการใช้งานเรา ที่จะช่วยลดความยุ่งยากในการทำงานของลูกค้าลงนั่นเอง

 

6. บริการคือธุรกิจของผู้คน และมันต้องมีชีวิตชีวา มีความเคลื่อนไหว

เป็นอีกจุดที่น่าสนใจมาก เพราะหลักทั่วไปของการนำเสนอบริการคือการที่มีคนเก่งๆ ไว้คอยให้บริการ ในขณะที่แนวคิดของ Cloud และ Managed Service เองนั้นคือการที่ลูกค้าเช่าใช้ และเราคอยดูแลอัปเดตให้อย่างสม่ำเสมอ แต่ในความเป็นจริงนั้นเรากลับแทบไม่ได้สื่อสารเรื่องราวเหล่านี้ไปยังทั้งลูกค้าปัจจุบันและว่าที่ลูกค้าในอนาคตเลย

ถ้าหากสังเกตเหล่าผู้ให้บริการรายใหญ่นั้น การสื่อสารตรงนี้ถือเป็นหนึ่งใน Operation ที่สำคัญไม่น้อยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการคอยอัปเดตข่าวสารถึงการลงทุนเพิ่มขยายระบบ, การอัปเดตส่วนประกอบต่างๆ ภายในระบบ, ปัญหาที่เกิดขึ้นและการแก้ไข, การตรวจสอบสถานะการทำงานของระบบต่างๆ, การรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งข่าวสารตรงนี้เองที่จะทำให้ว่าที่ลูกค้านั้นมองเห็นว่านี่คือบริการที่ยังคง Active อยู่และมีทีมงานมืออาชีพคอยช่วยดูแลจริงๆ

อีกประเด็นที่สำคัญคือ ช่องทางการติดต่อ Support ซึ่งถือเป็น Criteria สำคัญในการประเมินเลือกใช้ Cloud ในทุกวันนี้ ก็ต้องทำให้ดีและนำเสนอออกมาให้ชัดเจนด้วยเช่นกันครับ

 

7. การทำ Lead Generation ต่างจากผลิตภัณฑ์ Consumer อย่างสิ้นเชิง และต้องใช้เวลาบ้าง

ด้วยความที่ Cloud และ Managed Service นั้นสามารถเข้าสู่ตลาด Mass ได้ยากมากถ้าเราไม่ได้พัฒนาให้ถึงระดับของผู้ให้บริการรายใหญ่ระดับโลก ดังนั้น 2 บริการนี้จึงกลายเป็นธุรกิจ B2B อย่างชัดเจน (และก็เป็นมาแต่แรกแล้ว หากไม่นับ Cloud Hosting ทั่วๆ ไป) แต่เราก็มักจะถูกทำให้สับสนจากการที่เหล่าผู้ให้บริการรายใหญ่ระดับโลกนั้นใช้วิธีโฆษณาที่เหมือนผลิตภัณฑ์ Consumer ทำให้เราคิดว่าเราเองก็ควรจะทำแบบนั้นบ้าง

ในความเป็นจริงหากวิเคราะห์ Customer Journey กันแล้ว เมื่อผลิตภัณฑ์ของเราไม่ได้ไปถึงขั้นอย่างผู้ให้บริการรายใหญ่ และยังมีความเป็น B2B อยู่นี้ การทำ Lead Generation บนโลกออนไลน์เองก็ไม่ค่อยจะต่างอะไรกับการขายผลิตภัณฑ์ IT สำหรับองค์กรเท่าไหร่นัก ซึ่งตรงนี้เอาเข้าจริงในไทยก็ยังแทบไม่มีใครที่มีประสบการณ์กันมากนักอยู่ดี จึงอาจยังไม่เห็นภาพกันมากนัก

ในมุมมองของ TechTalkThai ที่เคยผ่านเรื่องราวเหล่านี้มา ขอเล่าสรุปๆ สั้นๆ เลยว่ามันคือการยกทีมขายทั้ง Sales และ Presales ขึ้นมาบนโลกออนไลน์โดยตรง มากกว่าที่จะเป็นการให้ฝ่ายการตลาดขึ้นมาจัดการดูแลโลกออนไลน์เพียงคนเดียว และทั้ง 3 ฝ่ายนี้ก็ต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ (หรือมาดูแลเพียงตรงนี้ส่วนเดียวเลยเมื่อเริ่มมีลูกค้าเข้ามาเยอะ) รวมถึงต้องใช้เวลาในการพูดคุยกับลูกค้าแต่ละรายประหนึ่งการ Consult ตามปกติของงานในวงการนี้

ดังนั้นแนวคิดประเภทที่ว่า ถ้าทำการตลาดออกไป x บาท ต้องได้ลูกค้ากลับมา y ราย คงนำมาใช้กับกรณีของ Cloud และ Managed Service ไม่ได้ขนาดนั้นครับ แต่อย่างไรก็ดี Google, Facebook, Email และ Website ก็ยังเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพอยู่เหมือนเดิม

 

8. คำแนะนำและคำบอกต่อ คือการตลาดที่ได้ผลที่สุด

ธุรกิจบริการเฉพาะอย่างในสาย B2B สำหรับ Cloud และ Managed Service นี้ การเข้าถึงลูกค้ารายใหม่ๆ ที่ง่ายที่สุดนั้นก็ยังคงเป็นการที่ลูกค้าบอกต่อกันเองจนเกิดเป็นลูกค้ารายใหม่ขึ้นมา ลองคิดดูว่าการขายที่เกิดจากระดับ C-Level แนะนำกันเอง กับการที่เราต้องเข้าไปแนะนำและอธิบายรายละเอียดต่างๆ มากมายนั้นอันไหนจะง่ายกว่ากัน (อยู่สายนี้มานานน่าจะเห็นภาพกันทุกคนนะครับ) ดังนั้นหากมีลูกค้าเดิมอยู่ในมืออยู่แล้ว ก็ดูแลเค้าดีๆ กันด้วยนะครับ

 

9. งานนี้ไม่ใช่แค่งานของฝ่ายการตลาด แต่เป็นงานของเซลส์, วิศวกร และผู้บริหารด้วย

อันนี้เป็นข้อที่หลายองค์กรที่เปิดบริการ Cloud และ Managed Service ควรปรับอย่างใหญ่หลวงและเร่งด่วนเลย เพราะหากอ่านทั้ง 8 ข้อที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าหลายๆ งานนั้นไม่ใช่งานที่ฝ่ายการตลาดทำได้คนเดียว แต่เซลส์และวิศวกรนั้นก็จะต้องลงมาเกี่ยวข้องบ้างไม่มากก็น้อย

ลองนึกภาพของการจัดงานสัมมนาดูครับ โดยปกติฝ่ายการตลาดนั้นจะรับบทบาทในการเชิญลูกค้าและดูแลให้งานออกมาดี ในขณะที่เซลส์จะเป็นคนพูดคุยกับลูกค้า, ผู้บริหารจะเป็นคนให้วิสัยทัศน์และความเชื่อมั่น ในขณะที่วิศวกรจะเป็นผู้ให้ความรู้และคำปรึกษา ภาพในโลกออนไลน์ของการทำการตลาดให้แก่ Cloud และ Managed Service เองก็ไม่ต่างกันครับ

แต่ต้องเตือนเล็กน้อยว่าบางงานนั้นอาจต้องใช้พลังในการ Development เพิ่มบ้างเช่นกัน ดังนั้นเตรียม Resource และประเมินเวลากันดีๆ นะครับ

 

สำหรับผู้ที่มีบริการ Cloud หรือ Managed Service อะไรในไทย ก็มาฝากโปรโมทกันได้นะครับ โดยเขียนข่าวมาให้เรียบร้อยพร้อมภาพประกอบส่งมาที่ info@techtalkthai.com ได้เลยครับ จะทะยอยลงให้ ส่วนใครอยากขอคำปรึกษาเรื่องนี้ก็ลองเมล์มาคุยได้เช่นกันครับ

อยากเห็นบริการ Cloud และ Managed Service ในไทยเกิดขึ้นดีๆ ดังๆ ไปไกลทั่วโลกครับ เลิกทำโฆษณาที่แปะแค่ตารางราคากันได้แล้วนะ

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

เปิด 4 มุมมองผู้นำองค์กร ดึง AI ออกแบบอนาคตดิจิทัล ยุคเปลี่ยนผ่าน [PR]

ผู้บริหาร 4 องค์กรชั้นนำ ร่วมแบ่งปันวิสัยทัศน์และแนวทางการออกแบบอนาคตดิจิทัล ผ่านการใช้เทคโนโลยี AI และการเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ Digital Transformation เวทีสัมมนา หัวข้อ “The New Leaders Perspective: …

CoreWeave พร้อมขยายธุรกิจด้วยวงเงินสินเชื่อ 650 ล้านดอลลาร์

CoreWeave ผู้ให้บริการคลาวด์สำหรับการประมวลผล AI ได้รับวงเงินสินเชื่อ 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากบริษัทการลงทุนชั้นนำเพื่อขยายธุรกิจทั่วโลกและเพิ่มขีดความสามารถในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ AI