Forcepoint ผู้ให้บริการโซลูชันด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แบบครบวงจร จัดงาน Forcepoint Solution Experience Day อัปเดตแนวโน้มทางด้านความมั่นคงปลอดภัย รวมไปถึงโซลูชันสำหรับปกป้ององค์กรจากภัยคุกคามประเภทต่างๆ ตั้งแต่ภัยคุกคามจากภายใน ภัยคุกคามจากภายนอก ไปจนถึงภัยคุกคามบนระบบ Cloud ตอบรับการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้สนับสนุนธุรกิจในยุค Digital Transformation
โลกกำลังเข้าสู่ยุค Digital หลายองค์กรต่างมีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เช่น ระบบ Cloud, Mobile Workforce หรือ Data Analytics เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการเชิงธุรกิจ อย่างไรก็ตาม การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้โดยไม่มีมาตรการควบคุมที่ดีเพียงพอมักก่อให้เกิดปัญหา Shadow IT และการขาดความตระหนักด้านความมั่นคงปลอดภัย เลวร้ายกว่านั้นคือ แฮ็คเกอร์เริ่มรวมกลุ่มกันเพื่อสร้างแคมเปญการแฮ็คซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่การคิดค้นเทคนิคใหม่ๆ แต่ยังใช้การทำ Social Engineering เพื่อหลอกพนักงานภายในองค์กรให้ดำเนินกิจกรรมตามที่ตนต้องการด้วย เหล่านี้จึงกลายเป็นความท้าทายด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในปัจจุบัน
“สมัยก่อนเราเน้นที่การตีกรอบการป้องกันเพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญภายใน แต่เมื่อธุรกิจเริ่มย้ายไปใช้ระบบ Cloud ทำให้องค์กรไม่สามารถกำหนดกรอบที่ชัดเจนได้อีกต่อไป องค์กรควรระลึกไว้เสมอว่าระบบของตนจะถูกแฮ็คแน่นอน เพียงแต่ว่าเมื่อไหร่เท่านั้น ดังนั้นองค์กรจึงควรเปลี่ยนแนวคิดจากที่เน้นการป้องกัน (Prevention) เพียงอย่างเดียว ไปให้น้ำหนักกับการตรวจจับและตอบสนอง (Detection and Response) มากขึ้น เพื่อจำกัดความเสียหายและรับมือกับภัยคุกคามให้ได้เร็วที่สุด” — Alex Lim, Senior Director – Regional Sales SEA จาก Forcepoint กล่าว
Forcepoint ให้บริการทั้งระบบป้องกัน ตรวจจับ และตอบสนองอย่างครบวงจร
Forcepoint ให้บริการโซลูชันสำหรับป้องกันระบบเครือข่ายตั้งแต่ตรวจสอบพฤติกรรมที่ผิดปกติของผู้ใช้ภายใน การป้องกันภัยคุกคามจากภายนอก ไปจนถึงการรักษาความมั่นคงปลอดภัยบนระบบ Cloud โดยครอบคลุมตั้งแต่การป้องกัน การตรวจจับ และการตอบสนอง เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถป้องกันการบุกรุกโจมตี และตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่ความเสียหายแพร่กระจายเป็นวงกว้าง
โซลูชันของ Forcepoint แบ่งออกเป็น 3 โซลูชันหลัก คือ
- Data & Insider Threat Security: ป้องกันข้อมูลสำคัญรั่วไหลสู่สาธารณะ และภัยคุกคามจากภายในองค์กรเอง
- Network Security: ปกป้องระบบเครือข่ายจากภัยคุกคามภายนอก
- Cloud Security: ควบคุมการใช้บริการต่างๆ บนระบบ Cloud เช่น เว็บ อีเมล และแอพพลิเคชัน ให้มั่นคงปลอดภัยจากภัยคุกคามไซเบอร์ และเป็นไปตามนโยบายที่องค์กรกำหนด
1. Data & Insider Threat Security
Data & Insider Threat Security เป็นโซลูชันที่ผสานรวมระบบ Data Loss Prevention (DLP) และ User Behavior Analytics (UBA) เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้มั่นใจสามารถวิเคราะห์และตรวจจับความเสี่ยงอันเนื่องมากจากพฤติกรรมที่ผิดปกติของพนักงานภายใน รวมไปถึงป้องกันข้อมูลสำคัญรั่วไหลออกสู่สาธารณะได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าข้อมูลนั้นจะอยู่ในสถานะ At Rest, In Transit หรือ In Use ก็ตาม ที่สำคัญคือ DLP ของ Forcepoint ใช้แนวคิด “การส่งออกข้อมูลอย่างมั่นคงปลอดภัย” หรือก็คือสามารถเลือก “ปล่อยผ่าน”, “ยืนยัน” หรือ “เข้ารหัส” ข้อมูลก่อนส่งออกไปได้ ไม่ใช่แค่ “บล็อก” เพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของเหตุการณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน ช่วยให้สามาถระบุความเสี่ยงและตรวจจับเหตุผิดปกติได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
ส่วน UBA นั้น เป็นระบบวิเคราะห์พฤติกรรมต้องสงสัยของพนักงานภายในองค์กร โดยพิจารณาจากการดำเนินกิจกรรมที่ผิดไปจากการพฤติกรรมปกติ หรือแตกต่างจากพฤติกรรมของพนักงานคนอื่นๆ ภายในทีมเดียวกัน จากนั้นระบุออกมาเป็นคะแนนความเสี่ยง ซึ่งผู้ดูแลระบบสามารถตรวจสอบ Timeline ของกิจกรรมต่างๆ รวมไปถึงเล่นวิดีโอแสดงช่วง 5 นาทีก่อนและหลังกิจกรรมที่สนใจ เพื่อนำมาประมวลผลความเสี่ยงของพนักงานคนนั้นๆ ได้
รายละเอียดผลิตภัณฑ์: DLP, DLP Endpoint, Insider Threat
ผลตอบรับจากตลาด
- 2017 Gartner Enterprise Data Loss Prevention MQ: Leaders Quadrant
- 2016 Gartner Critical Capabilities for Enterprise DLP: คะแนนสูงสุดทางด้าน Regulatory Compliance และ Use Case
- 2016 Forrester Wave: Data Loss Prevention Suites: Leader
2. Network Security
Forcepoint ให้บริการโซลูชัน Next-generation Firewall ซึ่งมาพร้อมกับฟังก์ชัน Next-generation IPS, VPN และ Deep Packet Inspection สำหรับปกป้องระบบเครือข่ายขององค์กร โดยสามารถตรวจจับภัยคุกคามระดับสูงที่ใช้ Advanced Evasion Techniques เพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกันทั่วไปได้มากกว่า 800 ล้านรูปแบบ
คุณสมบัติเด่นของ Forcepoint NGFW ประกอบด้วย
- ทำ Clustering แบบ Active-Active ได้สูงสุดถึง 16 Nodes โดยไม่ขึ้นกับรุ่น แพลตฟอร์ม หรือเวอร์ชันของเฟิร์มแวร์
- ติดตั้ง บริหารจัดการ และดูแลรักษาง่าย สามารถลดค่าใช้จ่าย OpEx และ TCO ลงได้สูงสุดถึง 80%
- เทคโนโลยี Multi-Link สำหรับทำ Load Balance และ QoS ระหว่างแต่ละ ISP ช่วยลดค่าใช้จ่ายลิงค์ MPLS ลงได้สูงสุดถึง 90%
- NGIPS มีประสิทธิผลด้านความมั่นคงปลอดภัยสูงถึง 99.9% และสามารถบล็อกภัยคุกคามระดับแอพพลิเคชันได้ 100% อ้างอิงจากผลทดสอบของ NSS Labs
รายละเอียดผลิตภัณฑ์: NGFW, NGIPS
ผลตอบรับจตากตลาด
- 2016 NSS Labs Recommended Next-generation Firewall
- 2016 NSS Labs Recommended Next-generation IPS
- 2016 Radicati APT Protection Market Quadrant: Top Player
3. Cloud Security
Forcepoint ให้บริการทั้ง Web และ Email Security สำหรับป้องกันภัยคุกคามบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น Phishing, Malicious Websites, C&C Callback, Spam Emails และ Ransomware รวมไปถึงควบคุมการใช้แอพพลิเคชันของพนักงานภายในองค์กรให้เป็นไปตามที่นโยบายกำหนด โดยรองรับการติดตั้งแบบอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และ Software-as-a-Service (SaaS) ที่สำคัญคือสามารถผสานการทำงานร่วมกับระบบ Cloud ที่องค์กรใช้งานอยู่ เช่น Office 365 ได้อีกด้วย
ทราบหรือไม่ว่า อีเมลเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเกิด Data Breach เนื่องจากผู้ใช้มักเผลเปิดไฟล์แนบที่มีมัลแวร์หรือ Ransomware แฝงตัวอยู่
ล่าสุด Forcepoint ได้ควบรวมกิจการของ SkyFence ผู้ให้บริการโซลูชัน Cloud Access Security Broker (CASB) ชื่อดัง สำหรับปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาและข้อมูลสำคัญเมื่อมีการนำ Cloud Services มาใช้ในองค์กร ไม่ว่าจะเป็น Office 365, Salesforce หรือ Dropbox ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลต่างๆ เช่น PCI-DSS, SOX และอื่นๆ
รายละเอียดผลิตภัณฑ์: Cloud Email Security, Cloud Web Security, URL Filtering, Web security, Email security, Second Look, CASB
ผลตอบรับจากตลาด
- 2016 IDC MarketScape: WW Web Security: Leader
- 2016 IDC MarketScape: Worldwide Email Security: Leader
- 2016 IDC MarketScape: SaaS Email Security: Leader
- 2016 IDC MarketScape: Hardware Email Security: Leader
- 2015 Forrester Wave: SaaS Web Content Security Wave: Leader
เกี่ยวกับ Forcepoint
Forcepoint เป็นผู้นำด้านการให้บริการโซลูชันความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แบบครบวงจร เกิดจากการรวมตัวกันของ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ คือ Raytheon ผู้ให้บริการโซลูชันทางการทหารรวมไปถึง Security Intelligence และ Websense ผู้ให้บริการ Content Security และ DLP ชั้นนำของโลกมานานกว่า 20 ปี กลายเป็น Raytheon | Websense จากนั้น ได้ควบรวมกิจการของ Stonesoft ผู้ผลิต Next-generation Firewall ชื่อดัง แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น Forcepoint เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2016
Forcepoint เป็นบริษัทชั้นนำด้านการคุ้มครองผู้ใช้ ข้อมูล และระบบเครือข่าย จากภัยคุกคามรูปแบบต่างๆ ที่เกิดจากความประมาทหรือความตั้งใจของบุคคลภายใน และการบุกรุกโจมตีจากบุคคลภายนอก โดยอาศัยโมเดลทางด้าน Security ซึ่งประกอบด้วย Defend, Detect, Decide และ Defeat ซึ่งครอบคลุมการรับมือกับภัยคุกคามตั้งแต่ก่อนเริ่มโจมตี ระหว่างโจมตี และหลังโจมตีสำเร็จ ช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น ภายใต้แนวคิด “Forward without Fear”