Black Hat Asia 2023

[Guest Post] เอ็นทีทีชี้ การพัฒนาอย่างยั่งยืน ดัน 44% ขององค์กรธุรกิจ ผลการดำเนินงานพุ่ง

ผลการสำรวจล่าสุดของเอ็นทีทีย้ำ แนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนช่วยองค์กรเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน สร้างความสามารถในการพัฒนานวัตกรรม หนุนธุรกิจโต 

เอ็นทีที เผยผลการสำรวจความยั่งยืนขององค์กรระดับโลกในรายงาน Innovating for a Sustainable Futureพบว่า 44 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรธุรกิจสร้างผลกำไรเพิ่มขึ้นจากแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยรายงานระบุว่า การพัฒนาอย่างยั่งยืนมีความจำเป็นตามหลักจริยธรรมและต่อการดำเนินธุรกิจในการช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในเชิงบวกและสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้น นอกจากนี้ 69 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริหารทั่วโลก ยอมรับว่านวัตกรรมดิจิทัลเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้องค์กรบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม

รายงาน Innovating for a Sustainable Future” เป็นการสำรวจความยั่งยืนขององค์กรระดับโลก จัดทำขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างเอ็นทีทีและ ThoughtLab เพื่อนำเสนอแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพสูงสุดต่อการก้าวสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน

สาระสำคัญของผลการศึกษา

รายงานฉบับนี้ ได้สำรวจบริษัท 500 แห่งทั่วโลก เพื่อศึกษาแนวทางที่บริษัทต่างๆ ได้นำแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนผสานเข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจ รวมถึงผลที่ได้รับ โดยผลการศึกษามีสาระสำคัญ ดังนี้

  • ผลการสำรวจพบว่า ปัจจุบันองค์กรต่างๆ ให้ความสำคัญอย่างจริงจังกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนมากขึ้น โดย 68 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรที่ทำการสำรวจยอมรับว่า บอร์ดและคณะกรรมการของบริษัทให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนเป็นอันดับแรก
  • การระบาดของ COVID-19 ได้แสดงให้เห็นถึงจุดพลิกผันครั้งสำคัญของหลายองค์กร โดย 47 เปอร์เซ็นต์ระบุว่าการระบาดที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทต้องให้ความสำคัญกับเป้าหมายด้านความยั่งยืน
  • ผลจากการประยุกต์ใช้แนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน พบว่า 33 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรสามารถลดต้นทุนจากประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น ขณะที่ 32 เปอร์เซ็นต์สามารถพัฒนานวัตกรรม และ/หรือโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ได้มากขึ้น และ 24 เปอร์เซ็นต์ มีการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้น
  • องค์กรทั่วโลกเพียง 12 เปอร์เซ็นต์มองว่า ความยั่งยืนเป็นเพียงเรื่อง “ดีแต่พูด” และองค์กร 4 ใน 10 ระบุว่า ลูกค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น และชุมชน คาดหวังให้องค์กรมีการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก

นาย Vito Mabrucco หัวหน้าฝ่าย Global Marketing ของเอ็นทีทีกล่าวว่า “เนื่องจากประชากรโลกกลับมาให้ความสำคัญกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของโลกและผู้คนมากขึ้น เราจึงได้เห็นพันธะสัญญาจากองค์กรต่างๆ ในการประยุกต์ใช้และพัฒนาแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน และเมื่อเราไม่จำเป็นต้องเลือกเพียงสุขภาพของผู้คน หรือการเติบโตของผลกำไรอย่างใดอย่างหนึ่ง ความยั่งยืนและความสามารถในการทำกำไรทางธุรกิจ จึงเป็นสองสิ่งที่กำลังพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน”

รายงานฉบับนี้ ได้วางขอบเขต “การพัฒนาอย่างยั่งยืน” สอดคล้องกับ 17 Sustainable Development Goals (SDGs) หรือเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน 17 ประการขององค์การสหประชาชาติ  ซึ่งเป็นแนวทางการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนภายในปี 2573 โดยเอ็นทีทีได้ปรับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจให้สอดคล้องกับ SDGs ครอบคลุม 3 หมวดหมู่หลัก ประกอบด้วย สังคมที่ดี สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ เอ็นทีที และ ThoughtLab ได้จัดกลุ่มบริษัทต่างๆ เป็น 3 กลุ่ม (กลุ่มเริ่มต้น กลุ่มระดับกลาง และกลุ่มผู้นำ) โดยพิจารณาจากความก้าวหน้าของบริษัท ภายใต้กรอบแนวทาง 10 ประการสำหรับการขับเคลื่อนนวัตกรรมที่ยั่งยืน ประกอบด้วย

  • การพัฒนาวิสัยทัศน์ กลยุทธ์ แผนการดำเนินงาน และงบประมาณ
  • การพัฒนาโครงสร้างองค์กร ทักษะและทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ
  • เป้าหมายการสื่อสารไปยังผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด เช่น นักลงทุน ลูกค้า และพนักงาน
  • การกำหนด ติดตาม และรายงานตัวชี้วัดสำหรับผลการดำเนินงานที่ยั่งยืน
  • การขับเคลื่อนประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานและการสร้างให้เกิดนวัตกรรมในการดำเนินงาน
  • การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมสินค้าและบริการ
  • การประยุกต์ใช้รูปแบบธุรกิจในเชิงนวัตกรรม
  • การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง
  • การบูรณาการเป้าหมายความยั่งยืนและตัวชี้วัดเพื่อการตัดสินใจในการลงทุน
  • การใช้ประโยชน์จากแนวทางการวัดผลที่ใช้กันอยู่ทั่วไป (เช่น GRI, SASB หรือ TCFD)

เมื่อพิจารณาถึงความสำเร็จของผู้นำองค์กร เอ็นทีทีได้สรุปแนวทางปฏิบัติ (Best Practices) โดยอิงจากการวิเคราะห์ศึกษาเพื่อช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยแนวทางปฏิบัติดังกล่าว ประกอบด้วย

  1. สร้างรากฐานสู่ความเป็นเลิศด้านความยั่งยืน (Build the Foundation for Sustainability Excellence) โดยกำหนดวิสัยทัศน์ กลยุทธ์ และโครงสร้างองค์กรเพื่อความยั่งยืนอย่างชัดเจน มีการตรวจสอบประสิทธิภาพโดยเทียบกับตัวชี้วัดความยั่งยืน และผสมผสานการพัฒนาอย่างยั่งยืนเข้าสู่การทำธุรกิจ
  2. ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืน (Harness Digital Innovation to Drive Sustainability Results) ผู้บริหารองค์กรควรตระหนักว่า ความยั่งยืนและนวัตกรรมดิจิทัลเป็นสองด้านของเหรียญ เมื่อมีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น โดยเฉพาะระบบคลาวด์ AI และ IoT ผู้บริหารต้องเข้าใจว่า การได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเกิดจากกลยุทธ์การผสานความยั่งยืนและนวัตกรรมดิจิทัลเข้าด้วยกัน
  3. สร้างพันธมิตรที่ทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน (Build Partnerships that Work Together to Deliver on Common Sustainability Goals) ผู้บริหารองค์กรไม่เพียงทำงานอย่างใกล้ชิดกับส่วนต่างๆ ในซัพพลายเชน หากยังต้องพัฒนาความสัมพันธ์กับพันธมิตรที่หลากหลาย ตั้งแต่องค์กรพหุภาคี เอ็นจีโอ (NGOs) ไปจนถึงกลุ่มอุตสาหกรรมและผู้บริโภค

ผลการศึกษานี้ได้เผยแพร่พร้อมกับการเปิดตัวโครงการนวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของเอ็นทีที NTT Innovation for a Sustainable Future Program เพื่อนำเสนอผลกระทบเชิงบวกของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล (Digital Transformation) และการวิจัยและพัฒนา เพื่อส่งมอบความยั่งยืนและสร้างให้เกิดประโยชน์ทางสังคม โดยได้วางแนวทางการผสานการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ากับความต้องการในการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว

ภายใต้โครงการนี้ เอ็นทีทีจะสนับสนุนด้านข้อมูลและทรัพยากรที่จำเป็น เพื่อให้องค์กรต่างๆ นำแนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืนไปประยุกต์ใช้ผ่านการลงทุนด้านเทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์และการพัฒนานวัตกรรม โดยมีเป้าหมายเพื่อให้องค์กรทุกระดับมีส่วนร่วมสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลทางบวกต่อความเจริญรุ่งเรืองของโลกและผู้คน

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอ็นทีที และการพัฒนาอย่างยั่งยืน สามารถเยี่ยมชมได้ที่ https://www.global.ntt/isf/index.html

รายงาน Innovating for a Sustainable Future” ฉบับเต็ม สามารถเข้าชมได้ที่ https://www.global.ntt/isf/pdf/Innovating-for-a-sustainable-future.pdf

โครงการ NTT Innovation for a Sustainable Future ริเริ่มขึ้นหลังจากการเปิดตัวโครงการระดับโลก NTT’s August 2021 Launch of a Worldwide Initiative ในเดือนสิงหาคม 2564 เพื่อส่งสัญญาณให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้ทบทวนถึงความสำคัญของสุขภาพและการสร้างความเป็นอยู่ที่ดี

ด้วยความร่วมมือกับหน่วยธุรกิจต่างๆ ของเอ็นทีที ประกอบด้วย NTT DATA, NTT Ltd., NTT Research และ NTT Disruption โครงการได้นำเสนอแนวคิดและทรัพยากรที่เอื้อให้หน่วยงานรัฐบาล ชุมชน และองค์กรต่างๆ ทบทวนแนวทางปฏิบัติในการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล สุขภาพจิต สุขภาพสังคม สุขภาพผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งแนวทางการเข้าถึงอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อสนับสนุนและรองรับให้เกิดอนาคตที่ยั่งยืนต่อไป

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ NTT Health and Wellbeing สามารถเยี่ยมชมได้ที่ https://www.global.ntt/healthandwellbeing

ระเบียบวิธีวิจัย (Methodology)

เอ็นทีที และ ThoughtLab ได้ศึกษาวิจัยและสำรวจแนวปฏิบัติของผู้บริหารครอบคลุม 500 บริษัท ใน 7 กลุ่มอุตสาหกรรมและ 8 ตลาดระดับโลกตั้งแต่เดือนกันยายน เพื่อวางแนวทางปฏิบัติให้องค์กรผสานการพัฒนาอย่างยั่งยืนเข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจ เพื่อนำมาซึ่งผลลัพธ์ทางธุรกิจจากการประยุกต์ใช้แนวปฏิบัติดังกล่าว – ตุลาคม 2564

เกี่ยวกับเอ็นทีที

เอ็นทีทีเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหาสังคมผ่านการดำเนินธุรกิจด้วยการใช้เทคโนโลยีเพื่อให้เกิดผลลัทธ์ที่ดี เราช่วยลูกค้าสร้างความเติบโตและริเริ่มรูปแบบการดำเนินธุรกิจใหม่ๆ บริการของเราครอบคลุมการให้คำปรึกษาด้านธุรกิจดิจิทัล บริการด้านการจัดการและเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) แอปพลิเคชัน (Applications) ระบบการทำงาน (Workplace) ระบบคลาวด์ (Cloud) ศูนย์ข้อมูล (Data Center) และระบบเครือข่าย (Networks) โดยบริการทั้งหมดนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญในแต่ละอุตสาหกรรมและจากนวัตกรรมของเอ็นทีที

ในฐานะ 1 ใน 5 ผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีและธุรกิจระดับโลก เรามีทีมงานที่พร้อมให้บริการในกว่า 80 ประเทศในหลายภูมิภาค โดยสามารถส่งมอบบริการที่ดีให้ลูกค้าได้มากกว่า 190 แห่งทั่วโลก เราให้บริการลูกค้าในกลุ่มบริษัท Fortune Global 100 ถึงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งลูกค้าในกลุ่มอื่นๆ อีกหลายพันรายทั่วโลก

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอ็นทีที สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.global.ntt


About Maylada

Check Also

กลับมาอีกครั้ง! จีเอเบิล พร้อมปั้นคนเทคฯ สายงาน Data กับโครงการ “Tech Scoop Academy” รุ่นที่ 2 เฟ้นหาคนรุ่นใหม่สู่อุตสาหกรรมไอที [Guest Post]

ปัจจุบันความต้องการของคนทำงานที่มีทักษะทางด้านดิจิทัลเทคโนโลยีเพิ่มสูงมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้องค์กรทั่วโลกต่างต้องปรับตัว เพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่พร้อมจะเติบโตไปกับองค์กร ให้เข้ามาทำงาน รวมทั้งต้องสามารถสร้างสภาพแวดล้อมในองค์กรให้เหมาะแก่การเรียนรู้ ติดอาวุธ และเพิ่มพูนทักษะทางด้านดิจิทัลเทคโนโลยีให้พนักงานได้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

5 เทรนด์เทคโนโลยีธุรกิจห้ามพลาดแห่งปี 2023-2025

เมื่อเทคโนโลยีถูกพัฒนาอย่างก้าวกระโดด และเป็นตัวกำหนดความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็น ความต้องการประสบการณ์ใหม่ๆ ในการดำเนินชีวิต, ความรวดเร็วในการบริการ, ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน และการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ธุรกิจต้องมีการปรับตัวและอัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นอยู่เสมอ ซึ่งในบทความนี้ ทีมงานขอพาผู้อ่านไปพบกับ 5 เทรนด์เทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในปี 2023 – …