มาอัปเดตคำศัพท์ใหม่ของการ์ทเนอร์กันเสียหน่อย สั้นง่ายๆ SSE ก็คือ SASE ที่ไร้ SD-WAN แต่เหตุผลหรือประเด็นความน่าสนใจคืออะไร มาติดตามได้ในบทความนี้
เราทราบกันดีเรื่อง SASE อยู่แล้ว โดยหลักๆประกอบด้วย CASB, Firewall as a Service, Zero-trust Network Access(ZTNA), Secure Web Gateway และ SD-WAN แต่สำหรับ SSE จะมีองค์ประกอบน้อยกว่าคือ
- Secure Web Gateway – ช่วยให้ผู้ใช้งานออกสู่อินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัย เพราะยังไงก็ต้องผ่านประตูของโลกอินเทอร์เน็ต
- Cloud Access Security Broker (CASB) – SaaS เป็นสิ่งที่หลบเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น Office 365, Salesforce หรือ Google Workspace และอื่นๆ
- Zero-trust Network Access (ZTNA) – เป็นการดูแลการเชื่อมต่อแต่มีประเด็นที่เหนือกว่าการทำ VPN สนใจศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ “รู้จักกับ ZTNA หนึ่งในหัวใจสำคัญแห่ง Zero Trust และความสามารถที่เหนือกว่า VPN“
การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าในปี 2025 องค์กรที่สนใจองค์ประกอบแค่บางส่วนใน SSE จะตัดสินใจใช้ SSE ทั้งหมดแทน ซึ่งยังไงแนวโน้มของ SSE ก็มาแน่เพราะสอดคล้องกับการทำงานในปัจจุบันและอนาคต ส่วนแนวคิดว่าทำไมต้องมี SSE ซึ่ง SASE ดูครอบคุลมกว่าหลักๆที่ SD-WAN หายไป มีความน่าสนใจ 2 ประเด็นคือ
1.) ในเมื่อองค์กรมี SD-WAN ของตัวเองที่ใช้การได้ดีอยู่แล้วเช่น Velo Networks ซึ่งก็สามารถทำงานร่วมกับผู้ให้บริการ SSE ได้ การพยายามจับยัดทุกอย่างเป็นแพ็กเดียวอาจจะขายได้ยากกว่า
2.) ในเมื่อบางองค์กรย้ายการทำงานไปบน Cloud เกือบทั้งหมด แล้ว SD-WAN ยังจำเป็นแค่ไหนหากทราฟฟิค 90% เป็น SaaS แล้ว
ส่วน Vendor ที่เข้าในกลุ่มผู้นำของ SSE Magic Quadrant คือ ZScaler, Netskope และ McAfee ซึ่งทีมงาน TechTalkThai เคยรีวิวถึง NetSkope มาแล้ว ท่านใดสนใจติดตามเพิ่มเติมได้ที่ https://www.techtalkthai.com/netskope-sase-review-by-techtalkthai/
ที่มา : https://www.networkworld.com/article/3652568/sse-is-sase-minus-the-sd-wan.html