Gartner ได้ออกมาทำนายถึงแนวโน้มของตลาดระบบ Business Intelligence และ Analytics จะเติบโตขึ้น 5.2% จากปี 2015 และมีมูลค่ารวมถึง 16,900 ล้านเหรียญในปี 2016 นี้ และเผยด้วยว่าตอนนี้โลกของเรากำลังอยู่ในช่วงสุดท้ายของการเปลี่ยนถ่ายจากโลกที่ฝ่าย IT ต้องทำทุกอย่างเกี่ยวกับการเตรียมและจัดการข้อมูล เหลือเพียงแค่ฝ่าย IT ต้องเตรียมระบบต่างๆ เผื่อให้ฝ่ายธุรกิจเข้ามาวิเคราะห์ข้อมูลด้วยตัวเองได้
ถัดจากนี้ไปจะเป็นยุคที่ทุกคนในทุกๆ ธุรกิจต้องใช้ระบบ Data Analytics ในการทำงานไม่แง่มุมใดก็แง่มุมหนึ่ง และผู้ดำรงตำแหน่ง C-Level ในแต่ละองค์กรก็จะต้องมีความรู้รอบด้านทางด้านระบบ Data Analytics ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตน และเพื่อให้ความสามารถในการแข่งขันสูงสุด แต่ละคนก็ต้องสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการและทำการวิเคราะห์ได้เองทันทีผ่านระบบ Self-service
และหลังจากนี้ระบบ Business Intelligence และ Analytics ก็จะเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก ดังต่อไปนี้
- Data Source – สามารถดึงข้อมูลต่างๆ มาใช้งานได้โโยไม่ต้องทำการแปลง Schema กันอีกต่อไป
- Data Ingestion and Preparation – ฝ่าย IT ไม่ต้องเป็นคนจัดการอีกแล้ว เพียงแค่เตรียม Platform ให้ผู้ใช้งานนำข้อมูลต่างๆ เข้ามาวิเคราะห์เองได้ก็พอ
- Content Authoring – พนักงานแต่ละคนสามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากฝ่าย IT
- Analysis – สามารถวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดร่วมกันได้อย่างอิสระ ไม่ได้ยึดติดกับโครงสร้างของข้อมูลอีกต่อไป
- Insight Delivery – แบ่งปันผลการวิเคราะห์ด้วยการแชร์, การเล่าเป็นเรื่องราว หรือการเปิดเป็น API แทนที่จะเป็น Report ตายตัวเหมือนเมื่อก่อน
ทั้งนี้ผู้บริหารฝ่ายธุรกิจเองก็ควรจะต้องเริ่มทำความเข้าใจและปรับองค์กรรวมถึงปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของฝ่าย IT จากการทำงานเชิงสนับสนุนโครงการ ให้กลายมาเป็นการทำงานสนับสนุนธุรกิจแทน เพื่อให้สามารถนำระบบ Data Analytics มาใช้ในการทำธุรกิจได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั่นเอง