[Guest Post] Fujitsu Smart Factory โซลูชันเสริมพลังจากนวัตกรรมเพื่อโรงงานอัจฉริยะ

ด้วยความมุ่งมั่นของภาครัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจ ในการก้าวไปสู่เป้าหมาย Thailand 4.0 เพื่อบรรลุถึงความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจยุคใหม่ อุตสาหกรรมการผลิตจึงได้รับประโยชน์จากการพัฒนาเข้าสู่โลกดิจิทัลภายใต้ Industrial 4.0 ด้วยการอาศัยแนวทางการดำเนินงานที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ มองเห็นภาพรวมของทั้งกระบวนการผลิต เชื่อมโยงองค์ประกอบต่าง ๆ เข้าหากัน สามารถคาดการณ์และปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์

Fujitsu Smart Factory เป็นการทำงานร่วมกันของหลากหลายโซลูชัน เพื่อให้การปรับใช้และยอมรับนวัตกรรมใหม่เป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งขึ้น เส้นทางสู่การเป็น ‘โรงงานอัจฉริยะ’ จึงไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นพร้อมกันทั้งหมดในครั้งเดียว หรือมีโซลูชันสำเร็จรูปเพื่อการเปลี่ยนไปสู่อุตสาหกรรมอัจฉริยะได้แบบทันที หากแต่สามารถเลือกและนำไปปรับใช้ให้เข้ากับความต้องการที่ต่างกันของแต่ละอุตสาหกรรม บางธุรกิจต้องการเปลี่ยนข้อมูลในรูปของกระดาษที่จดด้วยมือไปสู่โซลูชันดิจิทัล หรือต้องการนำข้อมูลจากตัวควบคุม PLC (Programmable Logic Controller)  มาแสดงในแดชบอร์ดเพื่อให้มองเห็นภาพรวมของโรงงานได้ก็อาจจะเพียงพอ ขณะที่ธุรกิจอื่น ๆ อาจต้องการระบบอัตโนมัติ เครือข่ายระบบควบคุมอุตสาหกรรม เพื่อเชื่อมโยงเครื่องจักรเข้าหากัน ใช้เทคโนโลยีการทำนายผล (Predictive Technology) และเครื่องจักรที่เรียนรู้ได้ (Machine Learning) เป็นต้น

โดยหัวใจหลักของโซลูชัน Fujitsu Smart Factory เพื่อสร้างความยั่งยืนให้แก่การขับเคลื่อนสู่โรงงานอัจฉริยะก็คือ 

การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมดิจิทัลด้วยข้อมูล เพื่อทำให้การตัดสินใจต่าง ๆ ใช้เวลาน้อยที่สุด ทั้งการให้ผู้ประกอบการรู้ว่า
ในระบบของตนเองมีข้อมูลอะไรอยู่บ้าง สามารถนำมาวิเคราะห์ และนำไปใช้เพื่อการตัดสินใจได้

เพิ่มประสิทธิภาพการติดต่อสื่อสาร เพราะการทำงานของอุตสาหกรรมการผลิตในปัจจุบัน อาจไม่ได้อยู่แต่ที่หน้างาน
หรือภายในโรงงานอีกต่อไป ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องมีโซลูชันที่ช่วยให้ทำงานและสื่อสารกันได้จากทุกเวลาทุกสถานที่

โซลูชัน Fujitsu Smart Factory ช่วยขับเคลื่อนผู้ประกอบการไปสู่อุตสาหกรรมการผลิตยุคดิจิทัล ด้วยแนวคิดด้านประสบการณ์ใช้งาน (Experiences) อันน่าประทับใจ ซึ่งครอบคลุมถึงความสามารถในการรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดจึงเกิดขึ้น และเกิดขึ้นได้อย่างไร รวมถึงระบุวิธีการแก้ไขปัญหา ได้แก่ Worker Experience, Factory Operation Experience และ Ecosystem Experience เพื่อให้การพัฒนาไปสู่โรงงานอัจฉริยะสามารถบรรลุผลลัพธ์ ได้แก่

  1. ความพร้อมใช้งานและความปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้น: เพราะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลการดำเนินงานในสายการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยให้ผู้ผลิตวางแผนการใช้ทรัพยากร และลดเวลาหยุดทำงานโดยไม่ได้วางแผนได้
  2. ประสิทธิภาพการทำงาน: ผู้ผลิตสามารถมองเห็นภาพรวมของปริมาณงานและผลผลิตได้ดีขึ้น ลดเวลาหยุดทำงานและค่าใช้จ่าย รวมทั้งปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม
  3. การประกันคุณภาพ: การใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้กระบวนการตรวจสอบเป็นไปโดยอัตโนมัติ เพิ่มความแม่นยำและประสิทธิผล โดยลดความจำเป็นในการตรวจสอบด้วยสายตาตนเอง

Worker Experience

เป็นแกนหลักด้านหนึ่งในชุดโซลูชัน Fujitsu Smart Factory เต็มรูปแบบ ซึ่งมุ่งเพิ่มศักยภาพให้แก่พนักงานด้วยความเป็นเลิศในการดำเนินงาน (Operational Excellence) โดยสามารถแบ่งเป็นหมวดหมู่ได้ดังนี้

  1. Smart Digitalization Operation จากการทำงานแบบเดิมที่ผู้ใช้จะบันทึกข้อมูลการตรวจสอบหรือข้อมูลต่าง ๆ
    ลงในกระดาษ ดังนั้นขั้นตอนแรกของการนำไปสู่ Smart Factory คือ การแปลงข้อมูล (Convert Data)
    จากกระดาษไปเป็นข้อมูลในรูปแบบดิจิทัล เพื่อให้หัวหน้างานสามารถยืนยันคำสั่ง ตรวจสอบ หรือช่วยให้คำแนะนำแก่ผู้ปฏิบัติงานได้ทันที หรืออีกกรณีคือ วิศวกรสามารถเข้าถึงข้อมูลหรือคู่มือเพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาที่เคยเกิดขึ้น ให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ถูกต้องและรวดเร็วยิ่งขึ้น ขั้นตอนต่อมาคือการทำ Centralize Apps Platform เพื่อให้สามารถเก็บข้อมูลได้ในเวลาจริง (Real-Time) และผู้ปฏิบัติงานได้รับข้อมูลชุดเดียวกันโดยทั่วถึงและทันท่วงที ส่งผลให้ประสิทธิภาพการดำเนินงานของพนักงานเพิ่มสูงขึ้น
  2. Collaborative Field Inspection การทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมจะมีการแบ่งช่วงเวลาทำงานเป็นกะทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินในช่วงที่ผู้เชี่ยวชาญหรือหัวหน้างานไม่ได้ทำงานอยู่ ก็จะยังคงแก้ไขปัญหาหรือสถานการณ์นั้นได้ ด้วยการเข้าถึงข้อมูลจากปัญหาที่ได้เคยถูกบันทึกไว้ รวมถึงคำแนะนำในการแก้ไข และการเข้าถึงจากระยะไกล (Remote) เพื่อแก้ไขปัญหาโดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งหากเป็นการบันทึกข้อมูลด้วยกระดาษจะมีข้อจำกัดเรื่องการบริหารจัดการข้อมูล รวมถึงประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาของผู้ปฏิบัติงานอีกด้วย
  3. Advance Digital Simulation การเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่พนักงาน โดยการใช้เทคโนโลยีความจริงเสริม (Augmented Reality) ความจริงเสมือน (Virtual Reality) และความจริงผสม (Mixed Reality) เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการฝึกอบรมเพื่อถ่ายทอดความรู้ รวมถึงการจำลองสถานการณ์ให้เกิดประสบการณ์ในการปฏิบัติงานจริง เป็นการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน

Factory Operation Experience

แกนหลักด้านที่ 2 ในชุดโซลูชัน Fujitsu Smart Factory คือ การพัฒนาด้านการบริหารจัดการภายในโรงงานที่ระดับของแผนก โดยมีความแตกต่างจากด้าน Worker Experience ซึ่งมุ่งพัฒนาในระดับรายบุคคล ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการปรับปรุงของกระบวนการผลิต (Production Improvement) โดยการใช้ระบบดิจิทัลเข้ามาช่วยสนับสนุน ได้แก่

  1. Collaborative Development (สำหรับแผนกออกแบบ) เริ่มต้นตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design) หรือการออกแบบสายการผลิต (Production Line) ซึ่งสามารถใช้เทคโนโลยียุคใหม่ให้สามารถทำงานร่วมกันบนแบบร่างเดียวกันได้ (Collaborative Design) รวมไปถึงการจำลองผลิตภัณฑ์ (Product Simulation) และการจำลองสายการผลิต (Production Line Simulation) เพื่อให้งานต่าง ๆ ดำเนินต่อไปได้ โดยพนักงานยังคงสามารถทำงานอยู่ที่บ้านของตนเอง
  2. Manufacturing Intelligence (สำหรับแผนกการผลิต) การนำข้อมูลของเครื่องจักรในการผลิตที่ได้ มาแสดงเป็นข้อมูลสำคัญ (KPIs) บนแผงควบคุม (Dashboard) เพื่อให้สามารถพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานและแก้ไขข้อผิดพลาดได้อย่างตรงจุด
  3. Asset Tracking and Optimization (สำหรับแผนกซ่อมบำรุง) เป็นระบบรายงานแสดงจำนวนของอุปกรณ์ สถานะของทรัพยากรที่อยู่ในคลังทั้งที่เป็นสินทรัพย์ชั่วคราวและถาวร การบริหารจัดการทั้งในด้านการใช้งาน สถานที่จัดเก็บ การซ่อมบำรุง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสายงานผลิตต่อไป
  4. Real-Time Quality and Conformance (สำหรับแผนกควบคุมคุณภาพ) การยกระดับด้วยการใช้ AI รวมถึงการใช้ข้อมูลดิจิทัล โดยการเก็บข้อมูลจากเซ็นเซอร์ (Sensors) ของกล้องวิดีโอ เพื่อให้สามารถควบคุมประสิทธิภาพการผลิตได้อย่างทันท่วงที ทำให้สามารถควบคุมการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการและเกิดความพึงพอใจจากลูกค้า

Ecosystem Experience 

แกนหลักด้านที่ 3 ในชุดโซลูชัน Fujitsu Smart Factory คือส่วนที่มุ่งเน้นด้านการเชื่อมโยงระหว่างองค์กร โดยเน้นเรื่องของการรวบรวมและใช้ประโยชน์จากข้อมูล ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการลดต้นทุนให้ได้ดีที่สุด (Cost Optimization) โดยแบ่งตามหมวดหมู่ได้ดังนี้

  1. Data Factory Platform โซลูชันสำหรับการรวบรวมข้อมูลของโรงงานมาไว้ในจุดเดียว ให้ความสามารถในการจัดการกับปริมาณของข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น โดยทำงานร่วมกับข้อมูลหลากหลายประเภท ทั้งแบบที่เป็นข้อมูลแบบมีโครงสร้าง (Structured Data) และข้อมูลแบบไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Data) เพื่อนำข้อมูลต่าง ๆ
    มาวิเคราะห์ให้เกิดประโยชน์ต่อไปในอนาคต โดยคำนึงถึงการจัดเก็บข้อมูล เพื่อให้เกิดการใช้งานข้อมูลที่สะดวกและเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
  2. Edge Intelligence โซลูชันการใช้เทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนให้อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถส่งข้อมูลไปยัง Data Factory Platform รวมถึงการส่งข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับตัวอุปกรณ์ไปยังผู้ดูแลระบบผ่านทางอุปกรณ์เครือข่าย (Network Devices) ซึ่งข้อมูลจะถูกจัดเก็บและนำมาใช้ในการวิเคราะห์ต่อไป เช่น ล็อก (Log) การใช้งานระบบไฟฟ้า รวมถึงระบบ IoT อื่น ๆ ซึ่งนอกจากเรื่องการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างแผนก IT และแผนก OT (Operation Technology) แล้ว โซลูชันยังครอบคลุมถึงความปลอดภัยของข้อมูล (Data Security) ด้วยเช่นกัน
  3. Predictive Monitoring and Diagnostics เมื่อนำเข้าข้อมูลเข้าสู่ Data Factory Platform เรียบร้อยแล้ว ผู้ใช้จะสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้ ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์ถึงการซ่อมบำรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์ รวมถึงสามารถประเมินวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพของอุปกรณ์และงานบำรุงรักษาอุปกรณ์ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจสามารถบรรลุถึงประสิทธิภาพและความคุ้มค่าสูงสุด (Cost Optimization) นั่นเอง

การขับเคลื่อน Smart Factory ให้อุตสาหกรรมต่างๆ

ที่ผ่านมาฟูจิตสึได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนา Smart Factory ให้กับองค์กรต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
ด้วยโซลูชันย่อยหลายรูปแบบ ตามแต่ความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันตามอุตสาหกรรม

ตัวอย่างเช่น ฟูจิตสึ (ประเทศไทย) ได้เข้าไปมีส่วนช่วยในการสร้าง “โรงงานดิจิทัลอัจฉริยะ” (Digital Connected Plant) แห่งแรกในประเทศไทยให้เกิดขึ้นจริง เพื่อขยายระบบดิจิทัลสู่อุตสาหกรรมการผลิต ในธุรกิจผลิตปูนซีเมนต์ โดยมีจุดมุ่งหมายในการเปลี่ยนระบบงานแบบเดิมที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก รวมถึงเอกสารที่เป็นกระดาษ
พร้อมปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในองค์กร โดยอาศัยการทำงานร่วมกันกับผู้เชี่ยวชาญผ่านการเชื่อมต่อระยะไกล (Remote Expert Collaboration) และเทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning)

ลดการสูญเสียจากการหยุดเครื่องจักรโดยไม่ได้วางแผน ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงในแต่ละปี ลดระดับสินค้า
คงคลัง เพิ่มระบบความปลอดภัยการทำงาน ลดระยะเวลาการทำงานพนักงานใหม่ เนื่องจากมีมาตรฐานและกระบวนการทำงานที่เข้าใจได้ง่ายมากขึ้น เพิ่มความโปร่งใสในการจ่ายเงิน และลดค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้รับเหมา

ขณะที่ในต่างประเทศโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ของอินเทล ในเมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่สุดของ
อินเทลภายนอกสหรัฐฯ  ได้มีการติดตั้งและใช้งานโซลูชัน Fujitsu Smart Factory และอุปกรณ์ IoT เพื่อบันทึกสถานะการทำงานของสายการผลิตเซมิคอนดักเตอร์และข้อมูลสภาพแวดล้อมผ่านระบบคลาวด์ของฟูจิตสึ ทั้งจากมิเตอร์ไฟฟ้าและน้ำประปา รวมไปถึงเซ็นเซอร์สภาพแวดล้อมที่ตรวจวัดอุณหภูมิและความชื้น และข้อมูลสถานะการปฏิบัติงานจากสายการผลิตเซมิคอนดักเตอร์

ระบบจะแสดงผลตัวบ่งชี้สำคัญ ๆ ด้านการจัดการ เช่น พลังงานที่ใช้ และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการใช้กำลังการผลิตของเครื่องจักร ผ่านทางแดชบอร์ดอัจฉริยะ (Intelligent Dashboard) ซึ่งแสดงผลข้อมูลที่เชื่อมโยงกัน ส่วนข้อมูลจากเครื่องจักรการผลิตในสายการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ จากที่เคยถูกเก็บรวบรวมและใช้งานเป็นรายกรณี โซลูชันนี้ช่วยให้สามารถตรวจสอบสถานะการทำงานของอุปกรณ์ทั่วทุกพื้นที่ภายในโรงงานในแบบเรียลไทม์ ผู้บริหารสามารถกำหนดมาตรการที่เหมาะสมสำหรับการแก้ไขปัญหาในสายการผลิตได้อย่างรวดเร็ว

ออมรอน คอร์ปอเรชัน หนึ่งในผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และระบบควบคุมในอุตสาหกรรมระดับโลก ก็ถือเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่น่าสนใจ  โดยร่วมมือกับฟูจิตสึในการนำโซลูชันเพื่อการมองเห็น การเคลื่อนไหวของสายการผลิตแบบเรียลไทม์ ด้วย Big Data ด้านอุตสาหกรรม โดยการเชื่อมผลิตแผงวงจรเข้ากับประเภทข้อมูลแต่ละประเภท ที่มีการบันทึก
ในระบบการผลิตแต่ละระบบในสายการผลิตเพื่อระบุจุดที่ต้องมีการปรับปรุง ซึ่งเป็นจุดที่หาได้ไม่ง่ายนัก แม้แต่พนักงานโรงงานที่มีประสบการณ์แล้วก็ตาม

โดยมีการพัฒนาระบบที่สร้างรายงาน “Timeline Data Visualization (การมองภาพข้อมูลตามแนวเวลา)” เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลตามจริง ที่ง่ายต่อการเข้าใจได้อย่างรวดเร็วภายในพริบตาเดียว ช่วยแก้ปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้ถึง
6 เท่า

ก้าวต่อไปของผู้ผลิตไทย

การสร้างสภาพแวดล้อมโรงงานอัจฉริยะที่รวมเอาเทคโนโลยีคลาวด์และ IoT ไว้ด้วยกัน สามารถช่วยขับเคลื่อนโรงงานการผลิตของคุณไปสู่วิสัยทัศน์ Thailand 4.0 หรือเกินกว่านั้นได้ เนื่องจากโอกาสในการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน
ความปลอดภัยและคุณภาพที่มีเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้โรงงานผลิตของคุณแตกต่างไปจากคู่แข่ง

หนึ่งในประเด็นสำคัญจากข้อมูลข้างต้น คุณจะเห็นว่า การก้าวสู่เส้นทางของโรงงานอัจฉริยะ อาจไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินเอื้อม หรือต้องลงทุนด้วยเงินเป็นจำนวนมากอย่างที่หลายคนคิด เพราะสามารถเริ่มต้นได้ด้วยจุดเล็ก ๆ เมื่อมีความพร้อมหรือเห็นว่าได้ประโยชน์อย่างชัดเจนจึงค่อยต่อยอดไปสู่โซลูชันที่มีขนาดใหญ่ขึ้นก็ได้

ซึ่งสิ่งที่คุณต้องการคือมืออาชีพที่มีความเข้าใจธุรกิจ มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญโซลูชันอย่างรอบด้าน พร้อมเป็นที่ปรึกษาและสร้าง Smart Factory ในแบบที่คุณต้องการให้เกิดขึ้นจริง ซึ่งทั้งหมดนั้นจะพบได้จาก “ฟูจิตสึ”  

ร่วมสร้างสรรค์ความสำเร็จกับฟูจิตสึ

ฟูจิตสึเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลกในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจโรงงานไปสู่ยุคดิจิทัล เพราะฟูจิตสึได้ศึกษาและพัฒนาโซลูชันโรงงานอัจฉริยะส่วนหนึ่งขึ้นมาจากสายการผลิตของทางบริษัทฯ เอง จึงมีความรู้ในเชิงลึก รวมทั้งยังดำเนินธุรกิจในการให้คำปรึกษาและพัฒนาระบบ (System Integrator) อีกด้วย

มาร่วมสัมผัสบริการและเทคโนโลยีที่ช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของฟูจิตสึได้ที่ Fujitsu ActivateNow 2021

ดูข้อมูลและลงทะเบียนได้ที่นี่

หากคุณต้องการทราบว่า ฟูจิตสึสามารถช่วยพัฒนาให้ธุรกิจการผลิตของคุณกลายเป็นโรงงานอัจฉริยะได้อย่างไร สามารถติดต่อเราที่

บริษัท ฟูจิตสึ (ประเทศไทย) จำกัด

อาคาร เอ็กเชน ทาวเวอร์ ชั้น 22-23
เลขที่ 388 ถนนสุขุมวิท เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110
โทร. + 66 (0) 2302 1500 แฟ็กซ์ + 66 (0) 2302 1555
http://th.fujitsu.com
www.facebook.com/FujitsuThailand

 

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

AWS เพิ่มตัวเลือก WorkSpaces รุ่นใหม่รองรับ 32 vCPU สำหรับงานประมวลผลหนัก

AWS เปิดตัว WorkSpaces รุ่นใหม่พร้อม vCPU สูงสุด 32 คอร์และแรม 128GB สำหรับงานประมวลผลหนัก เพิ่มทางเลือกใหม่สำหรับการทำงาน Remote

เอสไอเอส บุกตลาดหุ่นยนต์ โคบอทจับมือ ดูบอท ผู้นำระดับโลกขยายตลาดในไทย

กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 17 มกราคม 2568 – เอสไอเอส ผู้จัดจำหน่ายสินไอทีชั้นนำของไทย รุกตลาดหุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน หรือโคบอท ทดแทนการขาดแรงคนในภาคอุตสาหกรรม คว้าเป็นตัวแทนจำหน่ายดูบอท ผู้ผลิตหุ่นยนต์โคบอทชั้นนำของโลก ตั้งเป้ากลุ่มการผลิต …