Microsoft Azure by Ingram Micro (Thailand)

10 อันดับ เทรนด์ Manufacturing (2023 & 2024)

ข้อมูลจากองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติระบุว่าอัตราการเติบโตทั่วโลกอยู่ที่ 18.2% ในปี 2022 อุตสาหกรรมกำลังฟื้นตัว ความยืดหยุ่นคือประเด็นหลักที่ก่อให้เกิดแนวโน้มที่กำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์การผลิตทั่วโลก
 
Image Credit : blog.copadata.com
การสำรวจความคิดเห็นของผู้มีอำนาจตัดสินใจระดับ C-suite กว่า 200 รายในบริษัทผู้ผลิตระดับโลกพบว่า 68% ระบุว่าความยืดหยุ่นและความคล่องตัวที่ดีขึ้นเป็นลำดับความสำคัญสูงสุดทางธุรกิจในปีต่อๆ ไป
 

เทรนด์ #1 – Smart Factories หรือ โรงงานอัจฉริยะ

“โรงงานอัจฉริยะ” หรือ “อุตสาหกรรมอัจฉริยะ” อันที่จริงแนวคิดนี้มีมานานแล้ว แต่ด้วยขาดการสนับสนุนอย่างจริงจังจากแต่ละภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะภาครัฐที่เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจ จนกระทั้ง ณ ปัจจุบันได้มีนโยบาย “Industry 4.0” ขึ้นมา จึงทำให้เทคโนโลยีสำหรับภาคอุตสาหกรรมถูกพูดถึงกันมากขึ้น
 
โรงงานอัจฉริยะกลายเป็นส่วนสำคัญของการขับเคลื่อน “Industry 4.0” ในวงกว้างมากขึ้น เพื่อปรับปรุงสู่มาตรฐานระดับสากลทั้งในยุโรป อเมริกาเหนือ และจีน โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงเรื่องการดำเนินงาน และคุณภาพสิ่งแวดล้อมทั้งภายในหรือนอกโรงงานที่ต่างฝ่ายมุ่งเน้นให้ความสำคัญมากกว่าเดิม เพราะคุณภาพของแรงงานที่เป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนผลผลิตจากโรงงานสู่ตลาดผู้บริโภค
  • การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกและครั้งที่สอง เราเห็นการนำเครื่องจักรที่ขับเคลื่อนด้วยไอน้ำและการเพิ่มขึ้นของ assembly lines
  • การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สาม เราเห็นการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการผลิต
Industry 4.0 ยังคงผลักดันไปสู่ระบบอัตโนมัติ ด้วยการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาประยุกต์ใช้งานร่วมกัน เช่น IIoT (อินเทอร์เน็ตของสิ่งต่างๆ ในอุตสาหกรรม) ข้อมูลขนาดใหญ่ การเรียนรู้ของเครื่องกล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการวิเคราะห์ขั้นสูง
 
The industrial internet of things (IIoT) สำหรับอุตสาหกรรมเป็นองค์ประกอบหลักของ Industry 4.0 โดย IIoT จะผสานการทำงานระหว่างเซ็นเซอร์และเครื่องจักรที่ถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างภาพของข้อมูลที่สมบูรณ์แบบในกระบวนการผลิตทั้งหมด เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการตัดสินใจ ถึงแม้ว่าในช่วงต้นปี 2020 ที่ผ่านมา ได้มีองค์กรสายการผลิตจำนวนเพียง 10% เท่านั้นที่มีการนำ IIoT ไปปรับใช้งาน
 
จากการคาดการณ์ ภายในปี 2025 จำนวนการบูรณาการ IIoT เพื่อปรับใช้งานภายในองค์กรสายการผลิตจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่าตัวเลขสถิติปีที่ผ่านๆ มาถึง 50% คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
มาดูข้อมูลด้านเทคนิคกันบ้าง ปัจจุบันพบว่า องค์กรที่มีการตั้งค่า IIoT ขั้นสูงพบว่าสายการประกอบชิ้นส่วนแห่งเดียวสามารถสร้างปริมาณข้อมูลได้มากถึง 70 เทราไบต์ต่อวัน จะเห็นว่าข้อมูลระดับนี้จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีการรับส่งที่มีประสิทธิภาพระดับสูงเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความต่อเนื่องที่รวดเร็วให้กับข้อมูล
 
การรับส่งข้อมูลในปริมาณมากเช่นนี้เป็นปัจจัยช่วยกระตุ้นให้เทคโนโลยี 5G สำหรับอุตสาหกรรมเติบโตอย่างรวดเร็ว
 
ด้วยความเร็วที่เร็วกว่า Wi-Fi หรือ 4G (สูงสุด 10 Gbps) อย่างมีนัยสำคัญ เวลาแฝงใกล้ศูนย์ และการเชื่อมต่อไร้สาย 5G นำความยืดหยุ่นในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนสู่สภาพแวดล้อมการผลิตความเร็วสูง พร้อมศักยภาพในการเชื่อมต่อเซ็นเซอร์หรืออุปกรณ์แทบทุกชนิด
 
การคาดการณ์ล่าสุดคาดการณ์ว่าจะมีหน่วย 5G อย่างน้อย 22 ล้านหน่วยในภาคการผลิตภายในปี 2573 และมีมูลค่ากว่า 605,000 ล้านดอลลาร์
The manufacturing sector is expected to demand more 5G IoT devices than any other sector.
Audi เป็นตัวอย่างของผู้เริ่มนำ 5G มาใช้ โดยได้ทำสัญญากับ Ericsson เพื่อนำระบบอัตโนมัติขั้นสูงที่ขับเคลื่อนโดย 5G มาใช้ในห้องปฏิบัติการการผลิตของตน
 

เทรนด์ #2 – AI, การเรียนรู้ของเครื่องจักร และการวิเคราะห์ขั้นสูงช่วยขับเคลื่อนประสิทธิภาพ

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนมากที่สุด คือ แท่นขุดเจาะน้ำมันทั่วไปมีเซ็นเซอร์มากกว่า 80,000 ตัว ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับทุกอย่างตั้งแต่พารามิเตอร์กระบวนการ (อุณหภูมิ ความดัน และอัตราการไหล เป็นต้น) ไปจนถึงสถานะของเครื่องจักรและอุปกรณ์ ซึ่งช่วยให้สามารถตรวจสอบจากระยะไกลและการผลิตที่มุ่งเน้น ซึ่งทั้งสองอย่างนี้จะถูกป้อนโดยข้อมูล
 
แต่โดยเฉลี่ยแล้ว เซ็นเซอร์จำนวนมากจะส่งข้อมูลประมาณสองเทราไบต์ต่อวัน ซึ่งเกินกว่าขอบเขตของสิ่งที่สามารถวิเคราะห์ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเดิม
 
ก่อนหน้านี้คาดการณ์ว่าการลงทุนใน AI สำหรับสายการผลิตจะเพิ่มขึ้น 8 เท่าในช่วง 5 ปีไปจนถึงปี 2021 และเพิ่มขึ้น 3 เท่าใน IT ขั้นสูง เช่น การประมวลผลแบบคลาวด์และการวิเคราะห์
 
ภายในต้นปี 2020 ที่ผ่านมา ธุรกิจการผลิตระดับชั้นนำเกือบหนึ่งในสี่ได้เริ่มนำโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาปรับใช้ และในปี 2021 มีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 76% โดยเฉพาะในยุโรปมีการนำ AI มาใช้ในการดำเนินงานด้านการผลิตในแต่ละวันนั้นสูงมากเป็นพิเศษ
  • อิตาลี ร้อยละ 80%
  • เยอรมนี ร้อยละ 79%
  • สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 64%
  • ญี่ปุ่น ร้อยละ 50%
  • เกาหลีใต้ ร้อยละ 39%
AI use by manufacturers in different countries.
ในอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องจักรหนัก อิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ และโลหะ มีการปรับใช้งาน AI มากที่สุด ซึ่งอุตสาหกรรมเหล่านี้ ต้องการประสิทธิภาพจากการตัดสินใจมากขึ้น โดยใช้ AI ตั้งแต่กระบวนการตรวจสอบคุณภาพ ไปจนถึงกระบวนการจัดการห่วงโซ่อุปทาน การตรวจสอบสายการผลิต และการจัดการสินค้าคงคลัง
 
จากรายงาน Harvard Business Review ประจำปี 2021 ประเมินว่ามูลค่ารวมที่สร้างขึ้นโดย AI นั้นใกล้เคียงกับ 13 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยสองในสามของบริษัทผู้ผลิตชั้นนำสามารถเพิ่มรายได้อย่างมีนัยสำคัญ จากการใช้แมชชีนเลิร์นนิงและการวิเคราะห์ขั้นสูง
 
ภายในปี 2026 ตลาดการวิเคราะห์การผลิตคาดว่าจะมีมูลค่า 28,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมากจากมูลค่าปัจจุบันที่ 8,450 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
 

เทรนด์ #3 – Predictive Maintenance และ Digital Twin Technology ช่วยลดข้อผิดพลาด

IIoT เมื่อรวมกับการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ทำให้สามารถใช้อัลกอริทึมที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อความสามารถในการคาดการณ์ความล้มเหลวในกระบวนการผลิตได้อย่างแม่นยำ “รู้ก่อนที่มันจะเกิดขึ้นจริง”
 
ตัวอย่างเช่น ความล้มเหลวของคอมเพรสเซอร์ที่โรงงานปิโตรเลียมอาจมีค่าใช้จ่ายระหว่าง 1 ถึง 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวัน ในขณะที่การศึกษาแสดงให้เห็นว่าการหยุดทำงานโดยไม่ได้วางแผนส่งผลเลวร้ายให้ผู้ผลิตต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายมากถึง 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี
 
ข้อมูลบ่งชี้ว่าการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์สามารถลดเวลาหยุดทำงานได้ถึง 30% ถึง 50% เพิ่มอายุการใช้งานของเครื่องจักรได้ 20% ถึง 40% และลดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า 30% โดย 35% ของผู้ผลิตขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาใช้เทคนิคการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์แล้ว
 
Airbus เป็นลูกค้ากลุ่มแรกๆ ที่ช่วยลูกค้าของสายการบินในการนำเทคนิคการคาดการณ์ขั้นสูงไปปรับใช้ โดยในปี 2022 Airbus ได้ร่วมมือกับ GE เพื่อปรับใช้ซอฟต์แวร์การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ที่อิงตาม AI และ ML ที่ซับซ้อน เพื่อคาดการณ์ความล้มเหลวของชิ้นส่วนในเครื่องบิน และดำเนินการซ่อมแซมและเปลี่ยนอะไหล่อย่างทันท่วงที เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยและความสามารถในการทำกำไร
 
ตลาดสำหรับโซลูชันการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์มีมูลค่า 3,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นปี 2020 และคาดว่าจะเติบโตเป็น 13,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2026 ทำให้เห็นถึงภาพการเติบโตของ IIoT, AI และ ML และยังได้สร้างอีกเทรนด์ย่อยที่สำคัญของวิวัฒนาการของโรงงานอัจฉริยะ นั่นคือ Digital Twin
 
การประยุกต์ใช้ Digital Twins มีตั้งแต่การทำนายอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ตามการออกแบบ (เช่นเดียวกับที่ GE ทำกับเครื่องยนต์ไอพ่นของเครื่องบิน) ไปจนถึงการจัดการโรงงานทั้งหมดและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานผ่านการจำลองและการวิเคราะห์แบบ What-if (ดังที่แสดงโดย Siemens)
 
A Siemens digital twin of a Jet Engine
จากคาดการณ์มองว่าเมื่อจบสิ้นปี 2021 เกือบครึ่งหนึ่งของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ทั้งหมดจะนำ Digital Twins ไปปรับใช้ และคาดว่าธุรกิจต่างๆ จะประหยัดเงินได้มากถึง 1,00,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการใช้ Digital Twins
 

เทรนด์ #4 – การปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานกำลังเปลี่ยนแปลงสถานที่ผลิตผลิตภัณฑ์

การหยุดชะงักเนื่องจากโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโดยตรง และคาดว่าการฟื้นฟูจะมีมูลค่าสูงถึง 443,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ในการจัดการห่วงโซ่อุปทานไม่ได้จำกัดเฉพาะสถานที่ตั้งของโรงงานผลิตเท่านั้น โดยในปี 2021 กว่า 83% ของบริษัทผู้ผลิตในสหรัฐฯ ยืนยันว่าพวกเขาจะย้ายฐานการผลิตใหม่ เมื่อเทียบกับในปี 2020 มีสัดส่วนเพียงแค่ 54% เท่านั้น
 
การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ในการจัดการห่วงโซ่อุปทานไม่ได้จำกัดเฉพาะสถานที่ตั้งของโรงงานผลิตเท่านั้น แหล่งที่มาของวัตถุดิบและส่วนประกอบ เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญในเชิงกลยุทธ์ เช่น การจัดหาแบบใกล้แหล่ง การจัดหาแบบหลายแหล่ง การจัดหาในท้องถิ่น สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อต้นทุนที่จะเกิดขึ้นโดยตรง
Search interest in “Reshoring” over the last 10 years.
Just-in-time คือ ปรัชญาการจัดการสินค้าคงคลังที่มุ่งเน้นให้แน่ใจว่ามีชิ้นส่วนพร้อมใช้ในสายการผลิตเมื่อต้องการ ในระยะเวลาที่เหมาะสม หรือไม่ล่าช้าจนเกินไป ยกตัวอย่างจากวิกฤติในอุตสาหกรรมกว่า 169 แห่งเข้าสู่ภาวะขาดแคลนชิปคอมพิวเตอร์ทั่วโลก ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะคงอยู่เช่นนี้ไปจนถึงสิ้นปี 2023 เป็นอย่างน้อย
 
จากข้อมูลบ่งชี้ว่า 50% ของผู้ผลิตกำลังมองหาซัพพลายเออร์ทางเลือกและซัพพลายเออร์สำรอง และคาดว่าสินค้าที่จะถูกผลิตขึ้นจะมีจำนวนมากถึง 25% ซึ่งจะถูกจัดสรรใหม่หรือย้ายฐานทั่วโลก ซึ่งมีมูลค่ากว่า 4,500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
 

เทรนด์ #5 – โรงงานขนาดเล็กถือกำเนิดขึ้นเมื่อการค้าพัฒนาขึ้น

การเปลี่ยนแปลงแนวความคิดนี้นำไปสู่การเติบโตของโรงงานขนาดเล็ก ซึ่งเป็นโรงงานที่มีโมดูลสูงที่ปรับใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เช่น ปัญญาประดิษฐ์ วิทยาการหุ่นยนต์ และข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อเปิดใช้งานการผลิตแบบ hyper-autonomous
 
แนวโน้มของโรงงานขนาดเล็กเป็นการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบของสองเมกะเทรนด์ (โรงงานอัจฉริยะและการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทาน) การแสวงหาความยืดหยุ่นทำให้ผู้ผลิตพยายามปรับปรุงความยืดหยุ่นเพื่อรองรับการรันด์ชิ้นส่วนขนาดเล็ก และการปรับเปลี่ยนสายการผลิตเพื่อประกอบโมเดลใหม่อย่างรวดเร็ว
 
Arrival’s Microfactory
ในปี 2020 บริษัทสตาร์ทอัพด้านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชื่อ Arrival สร้างกระแสอย่างมากเมื่อเซ็นสัญญาที่มีมูลค่ามากถึง 110 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับ Hyundai และได้รับคำสั่งซื้อรถตู้ไฟฟ้าจำนวน 10,000 คันจาก UPS ซึ่ง Arrival กำลังสร้างรถตู้ในโรงงานขนาดเล็ก ซึ่งมีขนาด (และต้นทุน) เพียงเศษเสี้ยวของโรงงานแบบดั้งเดิม และยังประกาศอีกว่าจะสร้างโรงงานขนาดเล็กเพิ่มมากกว่า 1,000 แห่งทั่วโลกภายในปี 2026 ด้วยการควบคุมพลังขับเคลื่อนจาก IIOT, หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติขั้นสูงผ่าน AI ตลอดจนการอนุญาตให้ย้ายจุดผลิตใกล้กับจุดซื้อขาย โรงงานขนาดเล็กจึงสามารถลดเวลาในการนำสินค้าเข้าสู่ตลาด ลดความไร้ประสิทธิภาพ และเปิดใช้งานความคล่องตัวเพื่อเปลี่ยนการผลิตที่ไม่เคยมีมาก่อน
 

เทรนด์ #6 – ผู้ผลิตขึ้นค่าแรงและปรับทักษะแรงงานเพื่อต่อสู้กับปัญหาการขาดแคลนแรงงาน

  • จากการสำรวจของ Deloitte เมื่อเร็วๆ นี้ มีการประเมินว่าภาคการผลิตจะขาดแรงงานที่มีทักษะ 2,100,000 คนภายในปี 2573
  • การสำรวจแสดงให้เห็นว่า 38% ของผู้บริหารกล่าวว่าการสรรหาพนักงานใหม่มีความสำคัญสูงสุดสำหรับพนักงานฝ่ายผลิตในปี 2022
  • ผู้ผลิตกล่าวว่าการค้นหาผู้มีความสามารถนั้นยากกว่าปี 2018 ถึง 36%
  • การสำรวจในเดือนสิงหาคม 2022 จากสมาคมผู้ผลิตแห่งชาติรายงานว่าการสรรหาบุคลากรเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับ 76% ของผู้ผลิตที่ทำการสำรวจ
  • การเพิ่มค่าจ้างเป็นวิธีหนึ่งที่ผู้ผลิตต้องการดึงดูดผู้มีความสามารถ ผู้ผลิตเกือบสามในสี่กล่าวว่าพวกเขาจะขึ้นค่าจ้างมากกว่าค่าเฉลี่ย 3% ในปี 2022
  • ในปี 2564 เมื่อค่าจ้างสำหรับพนักงานใหม่มีการเติบโต 6.8% และอุตสาหกรรมโดยรวมขึ้นค่าจ้าง 3.2%
  • ผู้ผลิตยังเพิ่มการรักษาและเพิ่มทักษะให้กับพนักงานปัจจุบันเป็นสองเท่า
Wages in the manufacturing sector grew modestly in 2021 and additional increases are expected.
ในแบบสำรวจของ Deloitte ผู้ตอบแบบสำรวจ 31% กล่าวว่าการรักษาพนักงานไว้มีความสำคัญสูงสุด และ 13% กล่าวว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับการปรับทักษะใหม่ เกือบ 70% ของพนักงานฝ่ายผลิตที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปีกล่าวว่าพวกเขายังคงยึดมั่นกับนายจ้างเพราะพวกเขาเสนอโอกาสประเภทนี้
 
อย่างไรก็ตาม เมื่อการใช้ความสามารถของ AI และหุ่นยนต์เพิ่มขึ้น ชุดทักษะของพนักงานฝ่ายผลิตก็จำเป็นต้องเปลี่ยนไป ซึ่งคาดการณ์ว่าความต้องการทักษะทางกายภาพและทักษะด้วยตนเองในงานที่ทำซ้ำๆ จะลดลงประมาณ 30% ในทศวรรษหน้า ในขณะเดียวกัน ความต้องการทักษะทางเทคโนโลยีจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% และความต้องการความเป็นผู้นำคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 30%
 
เพื่อเป็นแนวทางให้องค์กรต่างๆ ในการปรับทักษะพนักงาน MxD (Manufacturing x Digital) ได้เผยแพร่คู่มือการจ้างงานที่นำธุรกิจผ่านกระบวนการยกระดับทักษะ 247 ตำแหน่งงาน ซึ่งหลายบทบาทอยู่ในความปลอดภัยทางไซเบอร์
 
อีกตัวอย่างหนึ่ง สถาบันเพื่อนวัตกรรมการผลิตคอมโพสิตขั้นสูง (IACMI) ได้เปิดตัวโปรแกรม ACE: America’s Cutting Edge เป็นการฝึกอบรมฟรี
 
The IACMI has partnered with the DoD and the Office of Industrial Policy in offering the ACE program.

เทรนด์ #7 – การสรรหาผู้มีความสามารถใหม่

Manufacturing Institute ระบุว่า 64% ของผู้ผลิตกล่าวว่าความหลากหลายและความพยายามในการรวมเป็นหนึ่งเดียวคือจุดสนใจหลักสำหรับบริษัทของตน โดยมีคำมั่นสัญญาระบุว่าผู้ผลิตจะดำเนินการที่จับต้องได้ 50,000 รายการเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ และสร้างเส้นทางสู่โอกาสในการทำงานสำหรับกลุ่มที่ยังไม่สามารถเข้าถึงโอกาสกว่า 300,000 แห่งภายในปี 2573
 
ผู้หญิงเป็นหนึ่งในกลุ่มประชากรที่มีบทบาทน้อยกว่าในภาคการผลิต โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตน้อยกว่า 1 ใน 3 คนเป็นผู้หญิง นอกจากนี้ ผู้หญิงยังมีแนวโน้มที่จะออกจากงานในภาคการผลิตมากกว่าผู้ชายถึง 1.8 เท่า
Women are one population segment that’s not well represented in manufacturing.
ในขณะที่ 68% ของคนงานเป็นคนผิวขาว มีเพียง 11% เท่านั้นที่เป็นชาวฮิสแปนิก 10% เป็นคนผิวดำ และ 6% เป็นชาวเอเชีย
The percentage of minorities working in manufacturing did not see any substantial changes from 2010-2019.

เทรนด์ #8 – ผู้ผลิตเอกชนและหน่วยงานรัฐบาลผลักดันอุตสาหกรรมไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

ทั่วโลก อุตสาหกรรมการผลิตมีการปล่อยคาร์บอนถึง 1 ใน 5 ของการปล่อยคาร์บอนทั้งหมด ท่ามกลางการผลักดันทั่วโลกสู่ความยั่งยืน บริษัทมหาชนขนาดใหญ่กว่า 20% ของโลกได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในอนาคตอันใกล้ บริษัทผู้ผลิตหลายแห่ง รวมถึงหน่วยงานของรัฐ กำลังร่วมมือกันผลักดันสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนบนเป้าหมายเดียวกัน
EPA data shows that industry and manufacturing is one of the major contributors of greenhouse gas emissions.
เป้าหมายของบริษัทต่างๆ คือ การบรรลุคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2583 ใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน 100% ภายในปี 2573 และเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญ
 

เทรนด์ #9 – การโจมตีทางไซเบอร์ทำให้เกิดการหยุดทำงานและข้อมูลรั่วไหล

ในดัชนี X-Force Threat Intelligence ของ IBM ภาคส่วนการผลิตได้รับการจัดอันดับให้เป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีทางไซเบอร์มากที่สุดในปี 2021 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่การถูกโจมตีในกลุ่มนี้พุ่งแซงหน้าสถาบันการเงินที่เคยเป็นเป้าหมายหลักของโจรไซเบอร์
IBM reports that manufacturing was the top-attacked industry of 2021.
PwC รายงานว่า 49% ของผู้ผลิตระบุความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ว่าเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่บริษัทของพวกเขาจะต้องเผชิญในอีกสองปีข้างหน้า
 
Cybersecurity risks and supply chain management topped the list of top challenges for manufacturers in 2021.
องค์กรการผลิตเป็นเป้าหมายที่น่าดึงดูดใจเป็นพิเศษสำหรับแฮ็กเกอร์ เนื่องจากอุตสาหกรรมมีอดทนต่อการหยุดทำงานต่ำที่สุด ตามข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญด้านไอที จากปัญหาห่วงโซ่อุปทานของ COVID-19 อาชญากรไซเบอร์ได้ใช้ประโยชน์จากปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่มีอยู่เพื่อทำลายธุรกิจที่กำลังประสบปัญหาอยู่แล้ว
 
เมื่อ Industrial 4.0 กำลังเข้ามาอย่างเต็มตัว ผู้ผลิตกลับมีความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม อาชญากรไซเบอร์สามารถโจมตีซอฟต์แวร์ เฟิร์มแวร์ หรือฮาร์ดแวร์ จากข้อมูลของ X-Force Threat Intelligence Index จาก IBM พบว่า 23% ของการโจมตีในปี 2021 มาในรูปแบบของแรนซัมแวร์
 
ในเดือนมีนาคม 2022 กลุ่มแรนซัมแวร์ได้โจมตี Denso Corporation ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ที่เป็นผู้จัดหาให้กับบริษัทต่างๆ เช่น Toyota, Mercedes-Benz และ Ford แฮ็กเกอร์ได้เผยแพร่ข้อมูลที่สำคัญที่ถูกขโมยเกี่ยวกับโตโยต้า ซึ่งรวมถึงอีเมล การเขียนแบบทางเทคนิค ใบสั่งซื้อ และข้อมูลอื่นๆ จำนวน 14 เทราไบต์ของข้อมูล
Pandora, the ransomware group, announced the attack on their leak portal.
  • ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 Nvidia ผู้ผลิตชิปและหน่วยประมวลผลกราฟิกรายใหญ่ถูกโจมตี
  • กลุ่มแรนซั่มแวร์ชื่อ Lapsus$ อ้างความรับผิดชอบในการโจมตีดังกล่าว ซึ่งได้รั่วไหลของแผนงาน Nvidia, ไดรเวอร์, เฟิร์มแวร์ และข้อมูลประจำตัวของพนักงาน
  • ในการเผชิญกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้ องค์กรมากกว่า 50 แห่งได้รวมตัวกันในปี 2020 เพื่อก่อตั้ง Cybersecurity Manufacturing Innovation Institute (CyManII)
  • ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 องค์กรได้ประกาศการสร้าง Texas Manufacturing x Transformation Hub เป้าหมายของศูนย์กลางนี้คือการฝึกอบรมพนักงานฝ่ายผลิต 1 ล้านคนสำหรับการเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ภายในปี 2026
 

เทรนด์ #10 – Additive Manufacturing อุตสาหกรรมการผลิตแบบเติมเนื้อ กลายเป็นแนวโน้มที่สำคัญ

ผู้ผลิตสามารถใช้การพิมพ์ 3 มิติเพื่อพิมพ์ชิ้นส่วนภายในบริษัท และก้าวนำหน้าความล่าช้าของซัพพลายเชน การพิมพ์ 3 มิติ หรือที่เรียกว่าการผลิตแบบเติมเนื้อวัสดุ เคยเป็นการทดลองสำหรับผู้ผลิตส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบันเป็นวิธีประหยัดต้นทุนที่ถูกกฎหมายซึ่งนำไปใช้กับงานที่หลากหลาย โดยเฉพาะการผลิตอุปกรณ์จับยึดและฟิกซ์เจอร์มาใช้ภายในบริษัทได้ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและเงิน
 
ในตัวอย่างหนึ่ง Pankl Racing Systems ผู้ผลิตระบบกลไกสำหรับรถยนต์และเครื่องบิน ใช้การพิมพ์ 3 มิติสำหรับอุปกรณ์จับยึดแบบกำหนดเอง กระบวนการนี้เร็วขึ้น 48 เท่าและราคาถูกกว่าจิ๊กสำหรับเครื่องกลึง CNC ถึง 12 เท่า
 
การพิมพ์ 3 มิติกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในอุตสาหกรรมการผลิตโลหะ ตลาดการพิมพ์โลหะ 3 มิติคาดว่าจะเติบโตที่ CAGR 19.5% จนถึงปี 2028 ซึ่งมีมูลค่ารวมเพิ่มขึ้นเป็น 11,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
 
Mantle เป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพที่ให้บริการเครื่องพิมพ์ 3 มิติเพื่อกำจัดหรือลดเวลาและเงินที่ใช้ไปกับการสร้างเครื่องมือเหล็กกล้าลงอย่างมาก โดยเทคโนโลยีของพวกเขาสามารถนำไปสู่การลดระยะเวลารอคอยสินค้าลง 80% และลดต้นทุนลง 50% อ้างอิงข้อมูลตามเว็บไซต์ของ Mantle
 
Mantle uses 3D printing to meet the extremely precise requirements regarding surface finish, temperature tolerance, and material durability in the tooling sector.
Limber Prosthetics and Orthotics ในซานดิเอโกจะสแกนแขนขาของผู้พิการทางดิจิทัล จากนั้นใช้การพิมพ์ 3 มิติเพื่อผลิตแขนขาเทียมเองภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง และมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าหนึ่งในสิบของต้นทุนของขาเทียมแบบดั้งเดิม
 
3D printing of a prosthetic leg from Limber Prosthetics.
ผู้ผลิต Kav ได้รับรางวัลหมวกกันน็อคจักรยานที่ทนทานต่อแรงกระแทกมากกว่ามาตรฐานความปลอดภัยในปัจจุบันถึง 25% หมวกกันน็อคจักรยานแบบสั่งทำพิเศษซึ่งผลิตขึ้นเพื่อให้พอดีกับศีรษะของนักขี่จักรยานผลิตด้วยการพิมพ์ 3 มิติเช่นกัน
 
Kav is able to print thousands of custom helmets per month with its 3D technology.
นอกเหนือจากความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นแล้ว หมวกกันน็อคเหล่านี้ยังผลิตด้วยโพลิเมอร์ที่เป็นเอกสิทธิ์ของเทอร์โมพลาสติกโพลียูรีเทน (TPU) และคาร์บอนไฟเบอร์ มีน้ำหนักเบากว่าวัสดุทั่วไปถึง 20% และคงความแข็งแรงไว้ได้ที่อุณหภูมิ -30°C และสูงถึง 70°C
 

บทสรุป

ทั้ง 10 เทรนด์ Manufacturing 2023 & 2024 ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ คือการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการออกแบบห่วงโซ่อุปทาน การปฏิวัติด้านอุตสาหกรรม และกำเนิดรูปแบบการผลิตใหม่ๆ เพื่อก้าวที่สำคัญสู่ Smart Factories ใน Industrial 4.0 อย่างยั่งยืน
 

About Pawarit Sornin

- จบการศึกษา ปริญญาตรี สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต - เคยทำงานด้าน Business Development / Project Manager / Product Sales ดูแลผลิตภัณฑ์ด้าน Wireless Networking และ Mobility Enterprise ในประเทศ - ปัจจุบันเป็นนักเขียน Full-time ที่ TechTalkThai

Check Also

เอชพี เปิดตัวพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ AI PCs [PR]

เอชพี เปิดตัวพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ AI PCs ขับเคลื่อน ด้วยขุมพลัง AI ยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน การสร้างสรรค์ และประสบการณ์ของผู้ใช้ในสภาพแวดล้อม การทำงานแบบไฮบริด

Imperva ออกรายงาน The State of API Security ประจำปี 2024

Imperva ผู้ให้บริการชั้นนำด้าน Web, API และ Data Security ออกรายงาน The State of API Security ประจำปี 2024 …