Black Hat Asia 2023

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จับมือ อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส ยกระดับการศึกษาไทยด้วยเทคโนโลยีคลาวด์ [Guest Post]

กรุงเทพฯ 1 กุมภาพันธ์ 2566 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับ Amazon Web Services (AWS) ซึ่งเป็นบริการคลาวด์ที่ครอบคลุมและได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากรด้านเทคโนโลยีคลาวด์ของกระทรวงฯ เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของประเทศไทย

ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่าพันธกิจของ อว. คือการพัฒนากำลังคน สร้างความรู้ และสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อให้ความรู้และหล่อหลอมผู้นำในอนาคต อว. ได้สร้างระบบนิเวศเพื่อเตรียมคนไทยให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงนี้สอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ในด้านดิจิทัล ซึ่งกำหนดให้ภาครัฐและรัฐวิสาหกิจสร้างรากฐานดิจิทัลเพื่อให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และแก้ปัญหาต่าง ๆ ในสังคม

ซึ่งภายใต้บันทึกความเข้าใจนี้ AWS จะให้การสนับสนุน อว. โดยทำการทดลองเพื่อทดสอบความเป็นไปได้และการย้ายปริมาณงานมายังระบบคลาวด์ รวมถึงใช้การฝึกอบรมของ AWS เพื่อเพิ่มทักษะด้านระบบคลาวด์ให้กับบุคลากรในสถาบันการศึกษากว่า 200 แห่ง และหน่วยงานวิจัยในสังกัด อว. อีก 20 แห่งทั่วประเทศภายในต้นปี 2569

การเปลี่ยนแปลงของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของภาคอุดมศึกษาของประเทศไทย เพื่อส่งเสริมให้นักวิจัยและนักศึกษาใช้ความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ในการขับเคลื่อนประเทศสู่การเป็น Smart Nation ได้อย่างเต็มที่ ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า “AWS ในฐานะผู้ให้บริการระบบคลาวด์ที่เราเลือกใช้ จะนำเทคโนโลยีระบบคลาวด์เข้ามาเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาการศึกษาและการวิจัย สร้างแนวคิดและนวัตกรรมใหม่ ๆ รวมถึงส่งเสริมความเสมอภาคทางการศึกษาและก้าวสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต

เทคโนโลยีคลาวด์จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ อว. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถประหยัดต้นทุนและมีความคล่องตัวในการบริหารงานมากขึ้น ตลอดจนพัฒนาความก้าวหน้าในการดำเนินงาน และการใช้โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า นอกจากนี้ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนสถาบันอุดมศึกษาไทยให้เป็นมหาวิทยาลัยอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การประมวลผลประสิทธิภาพสูง ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิง (ML)

มีสถาบันอุดมศึกษาของไทยที่ได้ใช้ประโยชน์จากคลาวด์ในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลแล้ว ตัวอย่างเช่น สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ที่มีความจำเป็นต้องลดช่องว่างและสร้างทักษะด้านคลาวด์ให้กับนักศึกษาและบุคลากร เพื่อให้ประเทศไทยมีบุคลากรที่มีความพร้อมในด้านดิจิทัล โดย สจล. ได้ร่วมมือกับ AWS เพื่อนำเนื้อหาระบบคลาวด์ของ AWS Educate และ AWS Academy มาใช้ในหลักสูตรของมหาวิทยาลัย ทำให้นักศึกษาที่ผ่านการอบรมได้รับใบรับรองที่เป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมคลาวด์ทั่วโลก และเข้าสู่ตลาดงานในด้านที่เป็นที่ต้องการสูงได้อย่างง่ายดาย

อีกตัวอย่างหนึ่ง คือมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) ที่ย้ายปริมาณงานทั้งหมดมาอยู่บนระบบคลาวด์ของ AWS เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ในการเป็นมหาวิทยาลัยดิจิทัลและขับเคลื่อนการเรียนรู้ไปทั่วโลก ก่อนหน้านี้โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่ตั้งอยู่ภายในองค์กรของ มสธ. ไม่สามารถรองรับผู้ใช้งานที่มีมากกว่า 7,000 คนที่เข้ามาใช้งานพร้อมกันได้ ซึ่งจํากัดความสามารถของมหาวิทยาลัยในการปรับขนาด จัดหลักสูตรและการสอบออนไลน์ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อย้ายมายังระบบคลาวด์ทำให้มหาวิทยาลัยสามารถรองรับการเรียนออนไลน์และการสอบออนไลน์ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ในช่วงที่มีสถานการณ์โรคระบาด ไม่เพียงเท่านั้น มหาวิทยาลัยยังได้วางรากฐานที่เหมาะสมในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง และแนะนำซอฟต์แวร์เพื่อการเรียนรู้และแอปพลิเคชันใหม่ ๆ ให้แก่ผู้เรียน 200,000 คนใน 64 ประเทศทั่วโลกในช่วงสองปีที่ผ่านมา

“AWS รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้สนับสนุน อว. ในการเดินทางสู่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ด้วยบริการนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่คุ้มค่าและปลอดภัย รวมถึงการยกระดับบุคลากรให้มีทักษะด้านดิจิทัล เพื่อพัฒนานวัตกรรมด้านการศึกษาและการวิจัยในประเทศไทย จูเลี่ยน เลา ผู้จัดการฝ่ายขาย กลุ่มลูกค้าภาครัฐ ภาคพื้นเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ของ AWS กล่าวว่า อว. มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการใช้ประโยชน์จากคลาวด์และทำให้ทุกห้องเรียน สำนักงาน และหน่วยงานต่าง ๆ สามารถใช้ประโยชน์ของคลาวด์ได้ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย


About Pawarit Sornin

- จบการศึกษา ปริญญาตรี สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต - เคยทำงานด้าน Business Development / Project Manager / Product Sales ดูแลผลิตภัณฑ์ด้าน Wireless Networking และ Mobility Enterprise ในประเทศ - ปัจจุบันเป็นนักเขียน Full-time ที่ TechTalkThai

Check Also

พลิกมุมคิดการจัดการคลาวด์ไอทีอย่างสมาร์ตฉบับวีเอ็มแวร์ [Guest Post]

แม้คลาวด์จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการพาองค์กรก้าวข้ามวิกฤตไปสู่การสร้างสรรค์โมเดลธุรกิจหรือกลยุทธ์การแข่งขันใหม่ ด้วยคุณลักษณะที่คล่องตัว (Agility) ในการปรับความต้องการใช้งานโดยอัตโนมัติ (Auto-Scaling) ได้ด้วยตัวเอง (Self-Services) ทว่าหลายองค์กรซึ่งเลือกปฏิวัติระบบธุรกิจขึ้นสู่คลาวด์กลับประสบปัญหาการจัดการทรัพยากรที่ยิบย่อยบนคลาวด์ไม่ไหว แถมหัวจะปวดกับภัยคุกคามที่ยุ่งยากในการป้องกัน ด้วยเหตุนี้ ความคาดหวังต่อไอทีคลาวด์ยุคถัดไป คือ การปรับแต่งแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มคลาวด์ไอทีให้ทันสมัยตรงต่อความต้องการทางธุรกิจ ภายใต้ระบบการรักษาความปลอดภัยแบบองค์รวมที่แข็งแกร่ง ทั่วถึง และเป็นอัตโนมัติกว่าเดิม

เสริมแกร่งความมั่นคงปลอดภัยในที่ทำงานด้วยบริการไอทีฉลาดล้ำกว่าเคย

บทความโดย คุณธเนศ อังคศิริสรรพ ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคอินโดจีน เลอโนโว ด้วยรูปแบบการทำงานแบบไฮบริดและยืดหยุ่นในองค์กรหลายแห่ง บริษัทหลายแห่งต่างกำลังพยายามตอบสนองต่อความคาดหวังและลำดับความสำคัญของพนักงาน ฝั่งทีมไอทีเองก็ต้องรักษามาตรฐานการให้บริการจากทางไกลในระดับสูงเพื่อสนับสนุนให้พนักงานยังคงสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง การทำให้พนักงานมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลนั้น บริษัทจะต้องสร้างระบบไอทีที่แข็งแกร่งทนทานยิ่งขึ้นพร้อมกับคงไว้ซึ่งแนวทางใหม่ในการทำงาน  อย่างไรก็ตาม ความท้าทายคือ สภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริดในทุกวันนี้ทำให้การจัดการจากระยะไกลนั้นซับซ้อนยุ่งยาก ระบบการจัดการทรัพยากรรุ่นเก่ายิ่งทำให้ผู้ดูแลระบบไอทีจัดการงานและภัยคุกคามเชิงรุกได้ยากกว่าเดิม …