Ver.ID สตาร์ทอัพยืนยันตัวตนดิจิทัล ระดมทุน 2 ล้านยูโร ช่วยบริษัทในยุโรปปรับตัวตามมาตรฐาน eIDAS 2.0

Ver.ID ซึ่งรู้จักอย่างเป็นทางการในชื่อ Subst.id ได้ประกาศว่า บริษัทสามารถระดมทุนได้ 2 ล้านยูโร (ประมาณ 71 ล้านบาท) จากกลุ่มนักลงทุนอิสระ (Angel Investors) สำหรับนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์และเพิ่มจำนวนพนักงาน เพื่อสนับสนุนบริษัทในยุโรปให้ปฏิบัติตามมาตรฐานใหม่ด้านกระเป๋าเงินสำหรับตัวตนดิจิทัล (Digital Identity Wallet) ที่สหภาพยุโรปบังคับใช้เมื่อปีที่ผ่านมา

Credit: Ver.ID

Ver.ID เป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยียืนยันตัวตนดิจิทัลขั้นสูง โดยเทคโนโลยีดังกล่าวถูกนำไปใช้ในด้านการชำระเงินข้ามพรมแดน การค้าโลก และการบริหารสภาพคล่อง ที่สำคัญแพลตฟอร์มของบริษัทสอดคล้องกับกรอบการทำงาน eIDAS 2.0 ของสหภาพยุโรป ซึ่งกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับบริการยืนยันตัวตนในประเทศสมาชิก

บริษัทที่มีฐานอยู่ในอัมสเตอร์ดัมเผยว่า ความต้องการในเครื่องมือยืนยันตัวตนดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากความจำเป็นที่บริษัทในหลายอุตสาหกรรมต้องปฏิบัติตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยและการกำกับดูแล นอกจากนี้ Ver.ID ยังอ้างอิงผลการศึกษา ซึ่งคาดการณ์ว่ารายได้จากตลาดเครื่องมือยืนยันตัวตนดิจิทัลทั่วโลก อาจเติบโตถึง 72 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.5 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2028

แพลตฟอร์มของ Ver.ID มอบเครื่องมือที่จำเป็นในการทำให้แอปพลิเคชันสามารถปฏิบัติตามมาตรฐาน eIDAS 2.0 ลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกงและการละเมิดข้อมูล พร้อมทำให้ประสบการณ์ผู้ใช้เรียบง่ายขึ้น รองรับวิธีการชำระเงินหลากหลายรูปแบบ และสามารถผสานรวมกับกระเป๋าเงินดิจิทัลและวิธีการยืนยันตัวตนอื่น ๆ ได้อีกด้วย

ปัจจุบัน ซอฟต์แวร์ของ Ver.ID กำลังถูกใช้งานในโครงการนำร่องร่วมกับหอการค้าเนเธอร์แลนด์เพื่อช่วยให้ผู้บริหารสามารถเข้าถึงข้อมูลการอนุมัติผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล และบริษัทกำลังดำเนินการระดมทุนรอบใหม่อีก 4 ล้านยูโรเพื่อเร่งการเติบโตในตลาดยุโรป

ที่มา: https://siliconangle.com/2025/01/02/digital-identity-verification-startup-ver-id-raises-e2m-help-euro-firms-adhere-eidas-2-0/

About นักเขียนฝึกหัดหมายเลขเก้า

Check Also

ผู้เชี่ยวชาญเตือนพบช่องโหว่ Zero-day กระทบผู้ใช้ Zyxel หลายรุ่น เสี่ยงต่อการถูกโจมตี

มีการค้นพบช่องโหว่ Zero-day ในผลิตภัณฑ์ Zyxel หลายรุ่น ซึ่งพบการโจมตีจริงแล้ว แแต่ที่ผู้เชี่ยวชาญแสดงความเป็นห่วงงเพราะทาง Vendor ยืนยันว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นหมดอายุไปแล้วและจะไม่มีการแพตช์ ทำให้ผู้ใช้งานอาจเป็นเป้านิ่งสำหรับ Botnet หรือ การโจมตีทางไซเบอร์

CISA พบบั๊ก Microsoft Outlook เพื่อโจมตี RCE ระบาดหนัก แนะเร่งอัปเดต

CISA ได้แจ้งเตือนหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐเพื่อให้ป้องกันระบบไอทีจากช่องโหว่ภายใน Microsoft Outlook ที่พบตั้งแต่ปีที่แล้วซึ่งอาจนำไปสู่การโจมตี Remote Code Execution (RCE) ได้นั้นกำลังระบาดหนัก แนะนำให้เร่งอัปเดตโดยเร่งด่วน