IBM ได้ออกมาเปิดเผยถึงแนวทางใหม่ๆ ในการลดค่าใช้จ่ายทางด้านคมนาคมด้วยการนำเทคโนโลยี Internet of Things มาใช้ประมวลผลร่วมกับข้อมูลสภาวะอากาศ เพื่อให้การคมนาคมขนส่งต่างๆ สามารถทำได้อย่างเหมาะสมที่สุดในทุกๆ สภาวะอากาศ, ลดโอกาสเกิดความล่าช้า, เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ขับขี่ และอาจประหยัดค่าใช้จ่ายจากเดิมที่เคยเกิดขึ้นมากถึง 8,660 ล้านเหรียญ หรือราวๆ 3 แสนล้านบาท ให้ลดต่ำลงมากว่านั้นได้

ตัวอย่างหนึ่งที่ IBM หยิบยกขึ้นมาก็คือกรณีของ Colorado Department of Transportation ที่ได้ทำการรวบรวมข้อมูลสภาพของถนนหนทางต่างๆ มานำเสนอบน Website ให้ประชาชนได้เข้าไปตรวจสอบวางแผนก่อนการเดินทางได้ ซึ่งถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ดี แต่ในเว็บไซต์ก็มีเขียนกำกับเอาไว้ว่า “ข้อมูลอาจจะล่าช้ากว่าปัจจุบัน” ซึ่งก็เป็นจริงดังนั้นเพราะหลายครั้งที่ข้อมูลไม่ตรงและทำให้เหล่ารถบรรทุกต่างๆ ต้องติดอยู่ท่ามกลางหิมะ และนี่ก็เป็นหนึ่งในโจทย์ที่ทำให้การนำ Internet of Things และเทคโนโลยีข้อมูลสภาพอากาศมาใช้ร่วมกันเพื่อให้ข้อมูลต่างๆ มีความ Real-time มากยิ่งขึ้น
IBM จึงได้ทำการศึกษาและสรุปเทคโนโลยี IoT สำหรับการคมนาคมขนส่งมาด้วยกัน 5 แนวทาง ดังนี้
ระบบ Sensor ติดตามการจราจรบนถนน
ด้วย Sensor สำหรับตรวจสอบข้อมูลการจราจรแบบ Real-time ที่ติดเอาไว้บนถนนต่างๆ ใน New Jersey ก็จะทำให้สามารถนำข้อมูลสภาพการจรมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และสวามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาประมวลผลร่วมกับข้อมูลสภาพอากาศจากดาวเทียมและข้อมูลอื่นๆ จาก Social Media ได้ ทำให้การนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสภาพการจราจรมีความแม่นยำมากขึ้น และนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจในการเดินทางได้เป็นอย่างดี
ระบบ Sensor ตรวจสอบหมอกและควัน
โดยทั่วไปแล้วหมอกหรือควันมักจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วฉับพลัน และบดบังทัศนะวิสัยของผู้ขับขี่เป็นอย่างมาก ก่อให้เกิดอันตรายบนท้องถนน ดังนั้น Gerogia Institute of Technology Research Institute จึงได้ทำงานร่วมกับ Georgia Department of Transportation เพื่อติดตั้งระบบแจ้งเตือนสภาพอากาศเมื่อเกิดหมกหรือควันในพื้นที่ต่างๆ และมีป้ายไฟบอกผู้ขับขี่ทั่วรัฐ รวมถึงปรับการเปิดไฟริมทางให้เหมาะกับปริมาณหมอกหรือควันที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ทำให้เหล่าผู้ขับขี่มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และเดินทางได้ง่ายขึ้นด้วย
ระบบตรวจสอบปริมาณน้ำฝนและน้ำท่วม
น้ำท่วมเฉียบพลันถือเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่สร้างความเสียหายให้แก่ยานพาหนะและการเดินทางได้เป็นอย่างมาก หน่วยงาน U.S. Geological Survey ในเมือง Texas จึงได้ทำการติดตั้ง Sensor สำหรับตรวจสอบปริมาณน้ำฝนและน้ำท่วมในบริเวณไฮเวย์ และแสดงผลข้อมูลระดับน้ำพร้อมการแจ้งเตือนผ่าน Internet และยังสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปประมวลผลร่วมกับข้อมูล IoT อื่นๆ ด้อีกด้วย
ระบบตรวจสอบฝุ่นควัน
ฝุ่นควันเองก็เป็นอีกปัจจัยที่ก่อให้เกิดอันตรายบนท้องถนนได้ การติดตั้ง Sensor เพื่อตรวจสอบปริมาณฝุ่นที่ลอยอยู่ในอากาศจึงเป็นอีกข้อมูลที่ดีที่จะช่วยให้การคมนาคมขนส่งสามารถตัดสินใจเลือกเส้นทางการเดินทางได้ดีขึ้น และยังทำให้การวางแผนปรับปรุงสภาพถนนสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
Sensor ติดตั้งภายในยานพาหนะ
เหล่าผู้ผลิตยานยนตร์และรถบรรทุกต่างก็เริ่มมีการฝัง 3G/4G Modem ลงไปยังตัวรถเพื่อให้รถแต่ละคนสามารถทำการเชื่อมต่อกับ Internet ได้ตลอดเวลา พร้อมส่งหรือรับข้อมูลต่างๆ ที่จะช่วยให้การขับขี่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น เช่น Volvo Trucks เองก็เริ่มมีการนำเสนอบริการ Connected-fleet ที่มีทั้งระบบ Navigation และข้อมูลสภาพท้องถนนแบบ Real-time โดยต่อไปก็อาจจะมีการเสริมระบบวิเคราะห์สภาพอากาศให้มีความแม่นยำขึ้น ด้วยการนำข้อมูลความเร็วลมและข้อมูลแสงสว่างที่ตรวจจับได้จากรถมาใช้เป็นหนึ่งในข้อมูลกลางสำหรับการวิเคราะห์สภาพอากาศ ด้วยข้อมูลสภาวะแวดล้อมจากรถแต่ละคันที่แบ่งปันกันนี้ ก็จะทำให้ฐานข้อมูลกลางถูกอัพเดตอยู่อย่างตลอดเวลา และนำเสนอข้อมูลได้แม่นยำขึ้นนั่นเอง
ใครที่สนใจเทคโนโลยีลักษณะนี้ สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้เลยที่ http://www.ibm.com/analytics/us/en/industry/travel-and-transportation/ ทันที
ที่มา: http://www.ibmbigdatahub.com/blog/weather-analytics-and-iot-sensors-changing-rules-road-through-data