Uptime Institute ได้จัดทำรายงานเพื่อศึกษาถึงผลกระทบจากภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาวะทางสภาพอากาศต่อ Data Center โดยจุดประสงค์เพื่อให้ผู้ให้บริการตระหนักถึงความเสี่ยงของผลกระทบที่จะเกิดขึ้นซึ่งพบว่าผู้ประกอบการต่างๆ ไม่เคยวางแผนรองรับหรือไม่ได้ตระหนักถึงความเสี่ยงจะเกิดกับ Data Center ของตน

ในรายงานได้แบ่งประเภทของภัยธรรมชาติเป็น 4 ประเภทคือ พายุและน้ำท่วม ภัยแล้ง ฟ้าผ่า และไฟป่า พร้อมกันนี้ยังได้ยกตัวอย่างถึงเหตุการณ์จริงที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เช่น ในปี 2015 Data Center ของ Vodafone ถูกน้ำท่วมในตอนเหนือของสหราชอาณาจักรฯ หรือ ฟ้าผ่าที่ San Antonio เคยทำให้ Data Center ของ Microsoft ดับมาแล้ว ทั้งในกรณีของภาวะแห้งแล้วก็ไม่น้อยหน้าเพราะอาจส่งผลให้ขาดน้ำที่ไปหล่อเย็นใน Data Center นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ Google และ Microsoft ไปตั้งศูนย์ข้อมูลไว้ใกล้แหล่งน้ำด้วย โดยสถิติที่น่าสนใจที่ชี้ว่าผู้ประกอบการยังไม่พร้อมรับมือสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมีดังนี้
-
90% ขององค์กรที่ถูกสำรวจไม่มีแผนในการอพยพจากความเสี่ยงน้ำท่วม
-
71% ไม่เคยเตรียมตัวในการรับมือกับเหตุการณ์จากสภาพอากาศเลย
-
45% ละเลยความเสี่ยงจากการถูกรบกวนจากสภาพอากาศ
-
มีเพียง 33% ที่บอกว่าตนกำลังประเมินเทคโนโลยีใน Data Center ปัจจุบันเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
-
ผู้ประกอบการหลายแห่งไม่ได้วางแผนรับมือกับความร้อนที่อาจพุ่งสูงขึ้นและความชื้นตั้งแต่ตอนที่ออกแบบ Data Center เช่น การพึ่งพาปริมาณน้ำมากซึ่งระบบอาจใช้การไม่ได้จริงในยามที่เกิดภัยธรรมชาติ
-
ผู้ประกอบการยังไม่ได้คิดเรื่องวิธีการเติมเชื้อเพลิงคือเอาไปเก็บไว้ชั้นล่างสุดซึ่งถ้าโดนน้ำท่วมก็จบตั้งแต่แรก
นอกจากนี้ Uptime ยังได้แนะว่าสิ่งที่ผู้ประกอบการควรเตรียมรับมือต่อสภาวะอากาศใน 3 เรื่องคือ ระบบเชื้อเพลิง ระบบหล่อเย็น และความรู้ของบุคคลากร โดยหลักในเชิงวิธีการผู้ปฏิบัติการใน Data Center ต้องประเมินความเสี่ยงของตัวเอง วางแผนในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ทดสอบจำลองเมื่อไฟดับและอัปเดตแผนเมื่อจำเป็น ผู้สนใจสามารถติดตามรายงานฉบับเต็มได้ที่ “impact of natural on data centers”