TechTalkThai ศูนย์รวมข่าว Enterprise IT ออนไลน์แห่งแรกในประเทศไทย
หลังจากที่ Juniper Networks ผู้นำด้านนวัตกรรมเครือข่ายและความมั่นคงปลอดภัย ประกาศเปิดให้บริการ Mist Wi-Fi ระบบเครือข่ายไร้สายอัจฉริยะที่ผสานเทคโนโลยี AI อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ล่าสุด Juniper Networks ได้จัดงาน Grand Opening, Mist A.I. Wi-Fi by Juniper Networks ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานเกือบ 150 คน พร้อมสรุป 10 ฟีเจอร์เด่นของ Mist Wi-Fi ที่ตอบโจทย์การใช้งานระดับองค์กร
AI-Driven Wi-Fi รายแรกของโลก การันตีประสิทธิภาพ Wi-Fi
Mist Wi-Fi เป็น Cloud-managed Wireless Networks รายแรกของโลกที่ผสานเทคโนโลยี Artificial Intelligence (AI) เข้าไปยังแพลตฟอร์มของตนเพื่อรับประกันประสิทธิภาพในการใช้งาน ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถวิเคราะห์และหาทางรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกจุดและรวดเร็ว ที่สำคัญคือสามารถเรียนรู้และปรับแต่งการตั้งค่าต่างๆ ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมเพื่อให้ Wi-Fi มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นโดยอัตโนมัติ
ปัจจุบันนี้มีลูกค้าผู้ใช้บริการระบบ Mist Wi-Fi ในทุกอุตสาหกรรม เช่น Walmart อุตสาหกรรมค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ติดตั้ง AP กว่า 50,000 เครื่องทั่วประเทศ หรือ T-Mobile หนึ่งในผู้บริการโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ เป็นต้น
“Juniper Networks ต้องการสร้างระบบเครือข่ายแบบ Self-driving ที่สามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติ รวมไปถึงสามารถวิเคราะห์ ซ่อมแซม และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นบนระบบเครือข่ายได้ด้วยตนเอง เราจึงได้เข้าควบรวมกิจการของ Mist Systems เพื่อให้บริการ AI-Driven Wi-Fi ที่มีความชาญฉลาด สามารถปรับจูนระบบเครือข่ายให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมได้โดยอัตโนมัติ โดยที่ผู้ดูแลระบบไม่ต้องลงมือปรับแต่งการตั้งค่าด้วยตนเอง” –– คุณธนากร บุญยังคุณ ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมระบบจาก Juniper Networks
สรุป 10 ฟีเจอร์เด่นของ Mist Wi-Fi
คุณฐิติภัทร จิรกาญจนากร วิศวกรระบบประจำประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Juniper Networks ได้ออกมาสรุปคุณสมบัติเด่น 10 ประการของ Mist Wi-Fi ดังนี้
1. Indoor Location Tracking
สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ทั้งแบบ Wi-Fi และ Bluetooth รองรับการทำ Indoor Location Tracking เพื่อค้นหาและระบุตำแหน่งของอุปกรณ์ภายในระบบเครือข่ายได้ สำหรับอุปกรณ์สำนักงานหรือในโรงงาน สามารถติด BLE Tag เพื่อติดตามตำแหน่งได้เช่นกัน
2. วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้
สามารถบอกพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ได้ว่า พื้นที่ไหน โซนไหน มีคนใช้งานเป็นจำนวนมาก และใช้งานเยอะช่วงเวลาใด เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นไปสนับสนุนการทำแคมเปญส่งเสริมการตลาดตามสถานที่หรือช่วงเวลาได้
3. ช่วยประหยัดพลังงาน
มี IoT Port สำหรับเชื่อมต่อกับระบบของ IoT เพื่อสั่งพักการใช้งานอุปกรณ์ IoT ต่างๆ ได้ เช่น ปิดไฟ หรือปรับลดการใช้งานเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น
4. ต่อยอด App ของตนด้วย SDK
Mist Wi-Fi มีบริการ SDK ให้ผู้ใช้งานเอาไปพัฒนาต่อยอดแอปพลิเคชันของตนเองได้ เช่น ใช้ฟีเจอร์ Location Tracking ของ Mist Wi-Fi ในการพัฒนาแอปพลิเคชันระบบนำทางในสถานศึกษาหรือห้างสรรพสินค้า หรือแอปพลิเคชันกดปุ่มเรียก รปภ. มาช่วยเหลือตรงจุดที่เราอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นต้น
5. แก้ปัญหา Wi-Fi ช้า
Mist Wi-Fi จะจัดการเก็บ Metrics การใช้งานของผู้ใช้ เช่น DNS, DHCP, Roaming, Time to Connect และอื่นๆ เพื่อนำมาวิเคราะห์หาสาเหตุที่ทำให้ Wi-Fi ช้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงสามารถดูเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้ที่มีปัญหาเพื่อทำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้
6. ถามตอบกับ Marvis
Marvis เป็นระบบ Virtual Assistant สำหรับตอบคำถาม (คล้าย Siri หรือ Cortana) โดยสามารถถามคำถามทั่วไปและคำถามเชิงเทคนิค เหมาะสำหรับทั้งผู้ดูแลระบบหรือผู้บริหาร
7. พิสูจน์ตัวตนได้หลากหลาย
สำหรับผู้ใช้งานชั่วคราว เช่น ลูกค้า สามารถเลือกใช้วิธีการพิสูจน์ตัวตนได้หลากหลาย เช่น Gmail, Facebook, Microsoft, Amazon และอื่นๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปทำแคมเปญส่งเสริมการตลาดต่อได้
8. มี API ให้ใช้งานได้ทุกฟังก์ชัน
ให้บริการ API สำหรับเชื่อมต่อกับระบบภายนอกเพื่อเรียกใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ของ Mist Wi-Fi ได้ทั้งหมด เช่น Location Tracking หรือ Billing เป็นต้น
9. สิทธิบัตรเทคโนโลยี Virtual BLE (vBLE)
vBLE ทำหน้าที่แปลง Access Point ให้เป็นตัวส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์พกพาของผู้ใช้เมื่อเข้ามาอยู่ในบริเวณที่ต้องการ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อลูกค้าเดินมาเข้ามาในร้านขายอุปกรณ์กีฬา Access Point ที่อยู่ใกล้ที่สุดจะยิงสัญญาณ BLE ไปยังสมาร์ตโฟนเพื่อแสดงผลโปรโมชันหรือโฆษณาต่างๆ ของร้านค้าได้ผ่านทาง Mobile App ที่ใช้ SDK ของ Mist WI-Fi
10. Cloud-managed Wi-Fi อย่างแท้จริง
Mist Wi-Fi เป็นโซลูชันระบบเครือข่ายไร้สายแบบ Cloud-managed Wi-Fi ซึ่งถูกออกแบบมาภายใต้แนวคิด “Microservices” กล่าวคือ มีการแยก Service หรือ Engine ต่างๆ ออกจากกัน ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการพัฒนาและอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ หรือในกรณีที่ Service/Engine ใดมีปัญหาก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อ Service/Engine อื่นๆ
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.mist.com/
