การตั้งเวลาอุปกรณ์ในระบบเครือข่ายทั้งหมดให้ตรงกัน: เรื่องสำคัญที่องค์กรมักมองข้าม

อีกหนึ่งประเด็นที่เหล่าองค์กรต่างๆ มักมองข้ามกันโดยเสมอก็คือเรื่องของการตั้งเวลาในอุปกรณ์ต่างๆ ให้ตรงกัน แต่ประเด็นนี้ก็เริ่มได้รับความสนใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ จากเหล่าองค์กรต่างๆ ด้วยการมาของอุปกรณ์ Internet of Things (IoT) ที่ทำให้ภายในองค์กรนั้นมีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายอยู่เป็นจำนวนมาก และการทำ Big Data Analytics ที่เวลากลายเป็นหนึ่งในข้อมูลสำคัญที่ต้องใช้ในการประมวลผลแต่ละครั้งไปนั่นเอง ส่วนในมุมของระบบเครือข่ายและการรักษาความปลอดภัยนั้น เวลา ก็ได้กลายเป็นข้อมูลที่ทำให้การวิเคราะห์ปัญหาต่างๆ มีความถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้นไปด้วยในตัว

Credit: ShutterStock.com

 

เวลาในอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ตรงกัน อาจทำให้การแปลผลข้อมูล หรือการทำงานผิดพลาดได้

เวลากับข้อมูลนั้นถือเป็นของที่อยู่คู่กันมาโดยตลอด เพราะแทบทุกๆ การสร้างข้อมูลใดๆ ขึ้นมานั้นจะต้องมีการกำกับเวลาเอาไว้ด้วยเสมอ เพราะเวลานั้นถือเป็นหนึ่งในข้อมูลสำคัญที่จำเป็นต่อการใช้วิเคราะห์ข้อมูลหรือเหตุการณ์ใดๆ ที่เกิดขึ้นนั่นเอง

สำหรับผู้ดูแลระบบเครือข่าย การที่เวลาของอุปกรณ์ในเครือข่ายไม่ตรงกันนั้นจะทำให้การอ่านข้อมูลจาก Log เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ นั้นเป็นไปได้ยาก เพราะหากไม่สามารถลำดับเหตุการณ์ของสิ่งที่เกิดขึ้นได้นั้น การแก้ปัญหานั้นก็ถือเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

สำหรับผู้ดูแลด้านระบบรักษาความปลอดภัยในองค์กร เวลานั้นถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การลำดับเวลาของเหตุการณ์การโจมตีที่เกิดขึ้นในแต่ละส่วนของเครือข่ายเพื่อประกอบเป็นภาพการโจมตีทั้งหมดให้ได้นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก หากขาดข้อมูลทางด้านเวลาไปแล้วนั้น การวิเคราะห์ปัญหาด้านความปลอดภัยจะยิ่งยากขึ้นเป็นเท่าทวี

ในโลกของการผลิต เครื่องจักรและระบบ IT ที่ทำการควบคุมเครื่องจักรหรือประมวลผลข้อมูลต่างๆ นัันยิ่งต้องมีความแม่นยำทางด้านเวลาสูงขึ้นไปอีก เพราะการที่ระบบทั้งหมดดังกล่าวจะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างแม่นยำนั้น การอ้างอิงเวลาที่ถูกต้องจากแหล่งเดียวกันถือเป็นปัจจัยสำคัญเป็นอย่างมาก

ในโลกของการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเช่น Big Data Analytics หรือ Internet of Things (IoT) การที่ข้อมูลทั้งหมดจะต้องมีเวลากำกับอย่างชัดเจนนั้นก็ถือเป็นอีกจุดชี้ขาดได้เช่นกันว่าผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ออกมานั้นจะน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน เพราะหากเวลาของแต่ละอุปกรณ์ที่ได้รับมานั้นไม่ตรงกัน และข้อมูลเหล่านั้นถูกส่งมายังฐานข้อมูลกลางเพื่อนำไปประมวลผลต่อ การตีความหมายของข้อมูลเหล่านั้นอาจผิดพลาดได้ทันที เช่น จากอุณหภูมิค่อยๆ สูงขึ้น กลายเป็น อุณหภูมิค่อยๆ ต่ำลง หรืออุณหภูมิสูงขึ้นหรือลดลงสลับกันไป เป็นต้น

 

Wavify TimeNX: อุปกรณ์ Time Synchronization Appliance ความแม่นยำระดับ Stratum-1

เมื่อการประสานเวลาระหว่างอุปกรณ์ทั้งหมดให้ตรงกันนั้นกลายเป็นประเด็นสำคัญ องค์กรต่างๆ ที่กำลังมองหาอุปกรณ์ Time Synchronization Appliance สำหรับใช้งานภายในองค์กรเองเพื่อให้มีความแม่นยำสูงสุดและสามารถควบคุมปัจจัยต่างๆ ทางด้านการจัดการเกี่ยวกับเวลาของอุปกรณ์ได้อย่างดียิ่งขึ้น ก็สามารถพิจารณาใช้งาน Wavify TimeNX ได้ด้วยประเด็นที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

 

1. แม่นยำระดับ Stratum-1 ด้วยการประสานเวลาผ่านเสา GPS โดยเฉพาะ

Wavify TimeNX นี้ใช้การประสานเวลาผ่านเสา GPS เพื่อรับข้อมูลเวลาจากดาวเทียมหลายๆ ดวงโดยตรง ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลเวลาที่ได้รับมานั้นจะมีความแม่นยำสูง และไม่มี Delay เกิดขึ้นจากระบบเครือข่าย สามารถใช้งาน Wavify TimeNX ได้ในฐานะ Source ของเวลาที่แม่นยำสูงได้ทันที

 

2. รองรับ 3 Protocol หลักทางด้านเวลา ตอบทุกโจทย์ความต้องการขององค์กร

Wavify TimeNX นี้รองรับ Protocol ทางด้านเวลาหลักๆ ด้วยกัน 3 ชนิด ได้แก่

  • SNTP: Protocol พื้นฐานสำหรับการ Synchronize เวลาบนอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ต้องการประหยัดพลังงานและใช้หน่วยประมวลผลน้อย เช่น IP Phone, CCTV Camera, Access Control และอื่นๆ
  • NTP: Protocol พื้นฐานที่เหล่าอุปกรณ์เครือข่าย, อุปกรณ์รักษาความปลอดภัย, อุปกรณ์ภายใน Data Center รวมถึงเครื่องลูกข่ายภายในองค์กรใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Switch, Wireless Access Point, Wireless Controller, Firewall, IPS, Network Access Control, Windows, macOS, Linux, VMware และอื่นๆ
  • PTP: Protocol สำหรับ Synchronize เวลาด้วยความแม่นยำในระดับสูง สำหรับเครื่องจักรภายในโรงงาน, อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์, อุปกรณ์การแพทย์ และระบบ High Performance Computing (HPC) โดยเฉพาะ

โดยทั่วไปแล้วองค์กรต่างๆ มักจะมีการใช้งาน SNTP และ NTP เป็นหลัก แต่ในอนาคตในยุคที่เครื่องจักรและหุ่นยนต์กำลังจะเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในภาคธุรกิจ PTP เองก็จะเริ่มถูกนำมาใช้งานกันเป็นวงกว้างมากขึ้นอย่างแน่นอน และการที่ Wavify TimeNX รองรับทั้ง 3 Protocol หลักนี้ก็ทำให้องค์กรมีความคุ้มค่ามากขึ้นด้วยการลงทุนเพียงครั้งเดียวและตอบโจทย์ได้ยาวนานถึงอนาคต

 

3. รองรับได้มากถึง 8,000 NTP Request ต่อวินาที

Wavify TimeNX ยังมีความคุ้มค่าสูงในแง่ของการรองรับอุปกรณ์จำนวนมากได้ภายในหนึ่งเดียว ด้วยการรองรับการ Synchronize เวลาให้กับอุปกรณ์อื่นๆ ได้มากถึง 8,000 อุปกรณ์ภายในแต่ละวินาที ทำให้ในภาพรวมแล้ว Wavify TimeNX สามารถถูกติดตั้งใช้งานภายในองค์กรที่มีอุปกรณ์หลายหมื่นหรือหลายแสนชิ้นได้ทันที เป็นการเปิดให้องค์กรสามารถใช้งานอุปกรณ์ Internet of Things (IoT) จำนวนมากที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ รวมถึงสามารถตอบโจทย์ของเหล่า Internet Service Provider (ISP) ที่มักมีอุปกรณ์จำนวนมากได้เป็นอย่างดี

 

ติดต่อ Throughwave Thailand ตัวแทนจำหน่ายของ Wavify ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

ผู้ที่สนใจโซลูชันทางด้านระบบ Time Synchornization Appliance จาก Wavify TimeNX รวมถึงระบบอื่นๆ เกี่ยวกับ Security ไม่ว่าจะเป็น Network Access Control, Mobile Device Management, Network Security, Firewall, SSL-VPN หรืออื่นๆ และต้องการคำแนะนำ, คำปรึกษา หรือใบเสนอราคา สามารถติดต่อทีมงาน Throughwave Thailand ได้โดยตรงที่ info@throughwave.co.th หรือโทร 02-210-0969 ได้ทันที หรือสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ Throughwave Thailand ได้ที่ https://www.throughwave.co.th/

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

Google Willow ชิปควอนตัมใหม่ล่าสุด ที่เอาชนะ Supercomputer แบบไม่เห็นฝุ่น และแสงสว่างสู่การใช้จริง

Google ได้อวดผลงานใหม่ล่าสุดกับงานวิจัยด้าน Quantum Computing กับชิปควอนตัมที่ชื่อว่า ‘Willow’ โดยใช้เวลาประมวลผลเพียง 5 นาทีแก้ปัญหาได้เท่ากับ Supercomputer ที่ต้องใช้เวลาที่เรียกได้ว่าตลอดกาล นอกจากนี้ทีมงาน Google ยังได้เพิ่มศักยภาพในการแก้ไขข้อผิดพลาดได้เจ๋งที่สุดตั้งแต่ทฤษฎีที่นำเสนอมาแล้วกว่า 30 …

Cohesity ประกาศควบรวมกิจการกับ Veritas สำเร็จ ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านซอฟต์แวร์ป้องกันข้อมูลระดับโลก

Cohesity ประกาศควบรวมกิจการกับ Veritas สำเร็จ ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านซอฟต์แวร์ป้องกันข้อมูลระดับโลก ครอบคลุมผู้ใช้งานกว่า 12,000 ราย พร้อมนำ AI มาเสริมประสิทธิภาพการป้องกันข้อมูล