4 สาเหตุที่ Open Source จะเป็นหัวใจสำคัญในการทำ Digital Transformation ของธุรกิจไทยในปี 2017

หนึ่งในเป้าหมายหลักขององค์กรในประเทศไทยในปี 2017 นี้คงหนีไม่พ้นการทำ Digital Transformation เพื่อปรับเปลี่ยนแนวทางการทำธุรกิจและการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้สูงขึ้น และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของภาคธุรกิจได้มากขึ้น และ Open Source เองนั้นก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่องค์กรต่างๆ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไปในปี 2017 ด้วยสาเหตุดังต่อไปนี้

Credit: Red Hat

 

1. Open Source ช่วยประหยัดค่าใช้ได้ในการพัฒนาระบบ ทำให้องค์กรมุ่งเน้นเรื่อง “คน” ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ

หนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้องค์กรก้าวไปสู่การทำ Digital Transformation ให้สำเร็จได้นั้นก็คือประเด็นเรื่องของทรัพยากรบุคคล ที่จะต้องมีความพร้อมในการเปลี่ยนธุรกิจให้กลายเป็น Digital Business ให้ได้ด้วยการเตรียมความพร้อมสำหรับความสามารถใหม่ๆ ที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจในยุคแห่งอนาคต

การใช้ Open Source Software นั้นจะช่วยให้องค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของ Software ต่างๆ ลงไป และทำให้องค์กรมามุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรให้มีความสามารถในการใช้เครื่องมือจาก Open Source Software เหล่านั้นได้ทั้งในส่วนของการฝึกอบรม, การใช้งาน และการทดลองสิ่งใหม่ๆ กันได้มากขึ้น

Open Source Software สำหรับการใช้งานภายในระดับองค์กรนี้ครอบคลุมทั้งในส่วนของ IT Infrastructure ภายใน Data Center ขององค์กร และส่วนของ Application สำหรับใช้ในการทำงาน เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล รวมไปถึงการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับเปลี่ยนแปลงธุรกิจขององค์กร เช่น Internet of Things (IoT), Artificial Intelligence (AI), Machine Learning (ML), Deep Learning (DL) และอื่นๆ อีกมากมาย

ในการเปลี่ยนแปลงให้องค์กรหันมาเริ่มใช้ Open Source มากขึ้นนี้ มุมมองขององค์กรจะต้องปรับเปลี่ยนให้พนักงานภายในองค์กรสามารถใช้งานเทคโนโลยีต่างๆ ได้โดยไม่ยึดติดกับผู้ผลิตของ Software และเพื่อการนี้การปูพื้นฐานความรู้ความสามารถ และการเปิดให้พนักงานมีเวลาในการเรียนรู้และทำความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีใหม่ๆ นั้นก็เป็นประเด็นสำคัญที่จะทำให้ในระยะยาวแล้ว องค์กรจะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้อย่างรวดเร็ว พร้อมรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นในอนาคตได้

 

2. การใช้ Open Source จะช่วยให้องค์กรมีความยืดหยุ่นในการสร้างนวัตกรรมมากขึ้น

นอกจากประเด็นทางด้านค่าใช้จ่ายที่ประหยัดลงแล้ว การใช้งาน Open Source นั้นก็จะช่วยให้องค์กรมีความยืดหยุ่นมากขึ้นอีกด้วยในหลายๆ แง่มุม ดังประเด็นดังต่อไปนี้

  • การมีค่าใช้จ่ายในการใช้งานซอฟแวร์ที่ต่ำทำให้องค์กรสามารถเพิ่มหรือลดขนาดของระบบได้ตามต้องการ อีกทั้งยังสามารถเพิ่มเติมระบบใหม่ๆ หรือทดลองระบบใหม่ๆ ได้อย่างง่ายดาย
  • Open Source Software นั้นถูกสร้างขึ้นมาอยู่บนหลักการของการเปิดเผย Source Code และพร้อมให้ทำการปรับแต่ง, แก้ไข หรือพัฒนา Software อื่นๆ เข้ามาเชื่อมต่อได้ ดังนั้นองค์กรจึงสามารถปรับแต่งการทำงานของ Open Source Software ได้ทันทีตามต้องการ
  • Open Source มักไม่ยึดติดกับ Platform ทำให้มีทางเลือกในการ Deploy ได้หลากหลาย และองค์กรสามารถเลือกใช้งาน Platform ที่มีอยู่แล้วเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายได้
  • Open Source Software นั้นมีความหลากหลายมาก และสามารถใช้งานทดแทน Commercial Software ได้ในหลายภาคส่วน รวมไปถึงด้วยการมาของแนวคิด Software Defined Everything ก็ทำให้ Open Source Software นั้นเริ่มเข้ามาทดแทน Commercial Software ได้แล้ว และกลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่องค์กรควรพิจารณา

ด้วยเหตุเหล่านี้ก็ทำให้ธุรกิจต่างๆ ที่สามารถเปิดรับต่อเทคโนโลยีในส่วนของ Open Source ได้นั้นสามารถปรับเปลี่ยนระบบภายในที่มีอยู่ได้อย่างรวดเร็วและยืดหยุ่น สามารถตอบโจทย์ความต้องการใหม่ๆ ในเชิงธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยค่าใช้จ่ายที่ไม่เติบโตสูงนัก ทำให้เกิดความคุ้มค่าในระยะยาวทั้งในแแง่ของการลงทุนและการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ต้องการความคล่องตัวสูง

 

3. ในหลายๆ เทคโนโลยี Open Source Software ได้ถูกพัฒนานำหน้า Commercial Software ไปแล้ว

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้เรามักจะได้ยินชื่อของโครงการ Open Source ที่เปลี่ยนโลกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น Apache Hadoop ที่เป็นโครงการจุดประกายของการใช้ Big Data Analytics, Apache Spark ที่เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในวงการ Big Data Analytics ในระยะหลัง, OpenStack ที่เข้ามาปฏิวัติระบบ Cloud ทั่วโลก, Docker และ Kubernetes ที่กลายเป็นเทคโนโลยีทางเลือกหลักในการใช้ Container, Google TensorFlow ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในการทำ Deep Learning และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ได้เกิดขึ้นและถูกพัฒนาต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว และได้รับความนิยมในหมู่ผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากภาคธุรกิจจะพัฒนา Commercial Software มาแข่งขันนั้นก็ถือเป็นเรื่องยากทีเดียว

ในทางกลับกัน ภาคธุรกิจและเหล่าผู้ผลิต Software ต่างๆ นั้นต่างก็เปิดรับเทคโนโลยีเหล่านี้และนำมาใช้เพื่อพัฒนาต่อยอดธุรกิจหรือ Software ที่ตนเองมีให้ดีขึ้นแทน และแนวทางนี้ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะหากองค์กรใดที่ไม่สามารถนำเทคโนโลยี Open Source Software เหล่านี้ไปปรับใช้ได้ ก็จะไม่สามารถตามคู่แข่งที่สามารถเปิดรับเทคโนโลยี Open Source ไปใช้ในการทำธุรกิจได้นั่นเอง

 

4. การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมจากผู้ใช้เทคโนโลยี ให้กลายเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีเป็นสิ่งจำเป็น

การที่ประเทศไทยจะมีส่วนแข่งขันในตลาดของโลกที่เข้าสู่ยุคของ Digital Business นี้ได้นั้น การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการทำงานในองค์กรของไทยจากเดิมที่มักเป็นผู้รับเทคโนโลยีจากต่างชาติเข้ามาใช้งานนั้นถือเป็นความสำคัญในลำดับแรก และวัฒนธรรมของ Open Source เองนั้นก็เป็นวัฒนธรรมแบบเดียวกับที่หลายๆ องค์กรกำลังต้องการเพื่อก้าวไปสู่การเป็น Digital Business นี้ให้ได้ นั่นคือวัฒนธรรมของการที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมา

การสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ภายในองค์กรนี้อาจไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นทุกอย่างจากศูนย์ แต่อาจเป็นการมองหาความเป็นไปได้ต่างๆ ที่จะสามารถปรับปรุงระบบการทำงานเดิมที่มีอยู่ให้ดีขึ้นได้ และทำความเป็นไปได้เหล่านั้นให้กลายเป็นความจริงขึ้นมา อาจจะด้วยการที่องค์กรนั้นๆ ทำการพัฒนา Software ต่างๆ ขึ้นมาตอบโจทย์เหล่านั้นเอง หรือนำ Open Source Software มาปรับปรุงและใช้งานก็ตาม และทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีนวัตกรรมเฉพาะขององค์กรเองนี้ก็สามารถมีส่วนร่วมได้ถึงแม้จะไม่มีทักษะทางด้านการพัฒนา Software ก็ตาม ไม่ว่าจะในฐานะของผู้แสดงความคิดเห็น, ผู้ให้คำแนะนำ, ผู้จัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ, ผู้ทดสอบระบบและการใช้งาน, การรายงานปัญหาที่พบและนำเสนอแนวทางการแก้ไข และอื่นๆ อีกมากมาย

วัฒนธรรมในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ร่วมกันโดยคนจากหลายภาคส่วนในองค์กรนี้เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก และแต่ละองค์กรเองก็ต้องค่อยๆ มีจุดเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ก่อนที่จะขยายออกไปเป็นวงกว้าง ดังนั้นการเริ่มต้นคิดว่าจะสร้างวัฒนธรรมเหล่านี้ให้เกิดขึ้นในองค์กรได้อย่างไรนั้น ก็ถือเป็นงานที่ต้องเริ่มทำทันทีสำหรับองค์กรที่ยังไม่ได้เริ่มต้นในส่วนนี้

 

 

Red Hat Thailand พร้อมสนับสนุนการใช้งาน Open Source Software ในการทำธุรกิจขององค์กรทั่วประเทศไทย

Red Hat นั้นถือเป็นหนึ่งในธุรกิจ Software ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และก็เป็นธุรกิจทางด้าน Open Source ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย โดยในปี 2016 ที่ผ่านมา ทาง Red Hat ได้เข้ามาเปิดสาขา Red Hat Thailand ภายในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย เพื่อเร่งผลักดันให้ประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วในยุคของ Digital Business นี้สามารถก้าวไปสู่อนาคตได้อย่างมั่นคง ด้วยการมี Open Source Software เป็นตัวช่วยเร่งสร้างความสำเร็จให้เกิดขึ้นมานั่นเอง

“โดยพื้นฐานแล้ว Open Source นั้นหมายถึงการที่เราได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศที่ประกอบไปด้วยเหล่าผู้นำทางด้าน IT, เหล่าผู้สนับสนุน, เหล่านักพัฒนา และเหล่าพันธมิตรทางการค้าที่ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างอนาคตของวงการ IT ขึ้นมา  เราเชื่อว่าเหล่าธุรกิจในประเทศไทยเองก็จะยังคงมอง Red Hat ในฐานะของผู้ที่เข้ามาช่วยให้สิ่งต่างๆ เป็นจริงขึ้นมาได้ – ทั้งการสร้างสิ่งใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว, ยืดหยุ่น และสร้างนวัตกรรมที่ธุรกิจเหล่านั้นต้องการเพื่อเติบโตให้ได้ในยุคสมัยที่ลูกค้าเป็นศูนย์กลางถัดจากนี้” Damien Wong รองประธานและผู้จัดการทั่วไปแห่ง Red Hat สาขา ASEAN กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ในปี 2016 ที่ผ่านมา

ผู้ที่สนใจอยากเริ่มต้นศึกษาว่าจะนำ Open Source Software มาใช้ภายในธุรกิจได้อย่างไร สามารถติดต่อทีมงาน Red Hat Thailand ได้ทันที และสำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำ Digital Transformation สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ http://red.ht/2iCQILR

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

เรียนรู้ Use Case Gen AI จากองค์กรที่ใช้งานจริง จาก Google Cloud APAC Media Summit 2024 วันที่ 2

สำหรับงาน “Google Cloud APAC Media Summit” วันที่ 2 ตลอดทั้งวันทาง Google Cloud ได้พาเรียนรู้เกี่ยวกับกรณีศึกษา (Use Case) ขององค์กรที่มีการใช้งานเครื่องมือ …

กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ DigiTech ASEAN Thailand 2024 & AI Connect 2024 [Guest Post]

สุดยอดงานด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลแห่งอาเซียน เพื่อติดอาวุธให้ทุกธุรกิจพร้อมลุยในปี 2025