ในช่วงที่ต้อง Work from Home กันท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ ทางทีมงาน Poly ก็ได้ส่งหูฟังรุ่นเรือธงสำหรับคนทำงานอย่าง Plantronics Voyager 5200 UC มาให้ทีมงาน TechTalkThai เราได้ทดลองใช้งานกัน ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างประทับใจทีเดียวครับสำหรับการทดสอบการใช้งานในครั้งนี้ จึงขอหยิบมารีวิวกันอย่างละเอียด เผื่อว่าธุรกิจองค์กรแห่งใดที่กำลังวางแผนการทำ Hybrid Work อย่างเต็มตัวจะได้ลองซื้อไปให้พนักงานในบริษัทได้ใช้งานกันครับ
TL;DR – ดูคลิปทดสอบความสามารถในการตัดเสียงของหูฟังได้เลยที่นี่
มาทำความรู้จักกับ Plantronics Voyager 5200 UC กันก่อน
ก่อนจะเข้าสู่การรีวิวการใช้งานจริง เรามาทำความรู้จักกับ Plantronics Voyager 5200 UC กันก่อนนะครับ โดยตัวแบรนด์ของ Plantronics เองก็ถือว่าขึ้นชื่อเรื่องหูฟัง Bluetooth ที่มีคุณภาพเสียงดีอยู่แล้ว โดยตัว Voyager 5200 นี้ก็เป็นหูฟัง Bluetooth สำหรับการคุยโทรศัพท์ที่ถือว่ามีคุณภาพค่อนข้างดีในตลาด ซึ่งตัวที่ทีมงานเราได้รับมาทดสอบนี้คือ Plantronics Voyager 5200 UC ซึ่งเป็นรุ่นที่ออกแบบมาสำหรับใช้งานในธุรกิจองค์กรโดยเฉพาะ และมีฟังก์ชันใหม่ๆ เสริมเข้ามาอีก ก็ทำให้ก่อนทำการทดสอบครั้งนี้ต้องมีการศึกษาข้อมูลของตัวหูฟังกันซักหน่อยครับ
Plantronics Voyager 5200 UC นี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการสื่อสารด้านการทำงานเป็นหลัก ไม่ว่าจะทำงานภายในออฟฟิศหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือระหว่างเดินทางไปกับ Smartphone ก็ตาม ซึ่งเทคโนโลยีหลักที่ใช้ในการเชื่อมต่อนี้ก็คือ Bluetooth 5.0 ที่รองรับ Bluetooth Low Energy หรือ BLE ก็ทำให้ช่วยประหยัดพลังงานในการใช้งานจริงได้ และ Plantronics Voyager 5200 UC นี้ก็รองรับการเชื่อมต่อได้ 2 อุปกรณ์พร้อมกัน ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานที่จะใช้หูฟังนี้รับสายเข้าจากโทรศัพท์และแอปสื่อสารสำหรับการทำงานจาก Microsoft, Cisco, Zoom และอื่นๆ ได้แล้ว
ตัวหูฟังนี้มีน้ำหนักเพียงแค่ 20 กรัม เรียกได้ว่าตอนใส่เพื่อใช้งานจริงนั้นก็แทบจะไม่รู้สึกถึงน้ำหนักเลย และยังมีการเคลือบด้วยสาร P2i เพื่อป้องกันความชื้นไม่ให้ซึมเข้าไปยังวงจรข้างในได้ และตัวอุปกรณ์ก็ออกแบบมาให้สามารถปรับมุมเพื่อใส่ได้ทั้งหูข้างซ้ายและข้างขวาตามแต่ความถนัดของผู้ใช้งาน พร้อมจุกยางสำหรับให้เปลี่ยนได้ตามความชอบถึง 3 แบบด้วยกัน
สิ่งที่ Plantronics Voyager 5200 UC พิถีพิถันในการออกแบบมากก็คือเรื่องของคุณภาพเสียงในการพูด ซึ่งหูฟังรุ่นนี้ก็มาพร้อมกับไมโครโฟนด้วยกันถึง 4 ชุดในตัว สามารถทำ Noise Canceling และ Echo Canceling ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงยังมีเทคโนโลยี WindSmart ในตัวด้วยกันถึง 6 ชั้น ทำให้การคุยโทรศัพท์นอกอาคารนั้นสามารถเป็นไปได้ด้วยเสียงที่ชัดเจน ไม่มีเสียงลมจากภายนอกมารบกวน เรียกได้ว่าหากต้องการประสบการณ์ในการประชุมอย่างมืออาชีพ หูฟังรุ่นนี้ก็สามารถตอบโจทย์นี้ได้อย่างมั่นใจ
แบตเตอรี่ที่ให้มาภายในหูฟังนั้น สามารถเปิดใช้งานแบบ Standby ได้นานถึง 9 วัน และสามารถพูดคุยสื่อสารได้นานถึง 7 ชั่วโมง ก็เรียกได้ว่าเหลือเฟือสำหรับการโทรศัพท์และการประชุมงานในแต่ละวัน
จุดที่ทำให้ Plantronics Voyager 5200 UC นั้นเหนือกว่า Plantronics Voyager 5200 ซึ่งเป็นรุ่น Consumer นั้นก็มีด้วยกันหลายประการ ตั้งแต่การที่ Plantronics Voyager 5200 UC นี้แถมมาพร้อมกับ Charge Case และ Bluetooth USB Adapter ทำให้พร้อมใช้งานได้ทันทีไม่ว่าในสถานการณ์ใดก็ตาม รวมถึงช่วยให้พกพาสะดวก เพิ่มเวลาในการสื่อสารให้ยาวนานยิ่งขึ้นได้ด้วยแบตเตอรี่สำรองภายใน Charge Case
นอกจากนี้ Plantronics Voyager 5200 UC ยังมาพร้อมกับ Application อย่าง Plantronics Hub ที่ติดตั้งได้บนทัี้ง Windows, macOS, Android, iOS เพื่อใช้ในการบริหารจัดการการตั้งค่าเชิงลึก, การรับสายวางสาย, เสียงเรียกเข้า ไปจนถึงปรับการตั้งค่าการทำงานร่วมกับ Softphone หรือระบบ Unified Communications ที่ธุรากิจองค์กรใช้งานจากผู้ผลิตชั้นนำอย่าง Poly, Avaya, Cisco, Microsoft, Zoom และอื่นๆ ได้อย่างครบครัน
ส่วนราคา ตัวนี้ทางทีมงานได้มาทดสอบเลยไม่ได้ซื้อเอง แต่เท่าที่ลองค้นหาตามร้านออนไลน์ดูราคาจะอยู่ที่ประมาณ 6,000 – 9,000 บาท ถ้าซื้อแบบบริษัทสั่งผ่านตัวแทนก็อาจได้ราคาที่ถูกลงได้ครับ
สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Plantronics Voyager 5200 UC สามารถศึกษาข้อมูลได้ที่ https://www.poly.com/us/en/products/headsets/voyager/voyager-5200-uc
แกะกล่อง ทดลองใช้งานจริง
สำหรับการใช้งานจริงนั้นก็ถือว่ามีความสนุกไม่น้อย เพราะทันทีที่แกะกล่องออกมาเราจะพบกับชิ้นส่วนมากมาย ดังนี้
- Charge Case ซึ่งภายในจะมีหูฟัง Plantronics Voyager 5200 UC และ Bluetooth USB Adapter อยู่
- หูฟัง Plantronics Voyager 5200 UC พับเก็บเรียบร้อยพร้อมให้หยิบไปใช้งานได้ทันที
- Bluetooth USB Adapter สำหรับให้นำไปเสียบกับอุปกรณ์ PC/Notebook และเริ่มต้นใช้งานได้ทันที
- จุกยางสำหรับเปลี่ยนในหูฟัง มีให้เลือกใช้งานได้ 3 แบบ
- คู่มือการใช้งาน
ก่อนอื่นเรามาดูที่ตัวหูฟังกันก่อนเลยครับ จะเห็นได้ว่าสามารถพลิกได้ทั้งสำหรับการใส่ข้างซ้ายและข้างขวา พร้อมมีปุ่มสำหรับเปิดปิด, ปุ่มรับสายวางสาย, ปุ่มเพิ่มลดความดังมาให้พร้อมใช้งานได้เลย
สำหรับการใช้งานแรกเริ่มแบบที่ง่ายที่สุดนั้น ก็คือการนำ Bluetooth USB Adapter ไปเสียบเข้ากับพอร์ต USB ของเครื่องคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็กดเปิดหูฟัง เพียงเท่านี้ก็เริ่มใช้งานได้เลยครับโดยไม่ต้องทำการ Pair อุปกรณ์ด้วยตัวเอง หรือถ้าหากอยาก Pair เองผ่าน Bluetooth ของ Notebook หรือ Smartphone ก็สามารถทำได้เช่นกัน
การใส่หูฟังนั้นก็สามารถทำได้ง่าย ครั้งแรกๆ อาจจะงงนิดหน่อยว่าต้องหันอะไรไปทางไหนสำหรับการใส่ในแต่ละข้าง แต่ใช้ไปซักพักก็จะชินเองครับ ส่วนคนที่ผมยาวก็อาจต้องเสยผมตรงหูนิดนึงก่อนจะใส่ และสำหรับคนที่ใส่แว่นก็สามารถใช้งานได้ครับไม่ติดขัดอะไร
ในการตั้งค่าแบบตั้งต้นที่ให้มานั้นก็สามารถใช้งานได้ทันทีโดยเสียงชัดมากอยู่แล้ว อุปกรณ์สามารถตัดเสียงรบกวนภายนอกและเสียงลมได้ดีเลยครับ ไม่ว่าจะใช้กับแอปอะไรในการทำงานก็ตาม ซึ่งทางเราก็ได้ทำการทดสอบการใช้งาน 3 กรณีด้วยกันดังนี้
- การใช้งานหน้าพัดลมเพื่อจำลองสถานการณ์ที่ใช้ภายนอกอาคารและมีเสียงลมเข้ามา
- การใช้งานหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์โดยมีการพิมพ์คีย์บอร์ดควบคู่ไปด้วย
- การใช้งานในห้องทำงาน โดยมีการเปิดเสียงเพลง Symphony No. 3 ของ Beethoven ไปด้วย
รับชมคลิป YouTube เพื่อทดลองฟังความสามารถในการตัดเสียงได้เลยครับ
สำหรับการทดสอบการใช้งานในกรณีอื่นๆ นอกจากการคุยงานหรือการประชุม ตัว Plantronics Voyager 5200 UC ก็ยังสามารถ Stream เพลงมาได้ดีระดับหนึ่ง ก็ถือว่าใช้ด้านบันเทิงได้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่เทียบเท่าการใช้คุยโทรศัพท์หรือประชุมงาน ที่คุณภาพของเสียงจะดีที่สุดครับ
อย่างไรก็ดี การเชื่อมต่อหูฟังแบบ Wireless นี้ การใช้งานจริงก็ไม่ควรจะมีสิ่งกีดขวางระหว่างหูฟังของเรากับโทรศัพท์หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ไม่อย่างนั้นก็อาจพบกับปัญหาเรื่องสัญญาณติดๆ ขาดๆ ได้ ซึ่งอันนี้ก็เป็นข้อจำกัดของตัว Bluetooth อยู่แล้วครับ
ทั้งนี้ตัว Plantronics Hub ที่สามารถโหลดมาใช้ได้ฟรีก็จะช่วยให้เราบริหารจัดการการตั้งค่าในหูฟังได้ละเอียดขึ้น ตั้งแต่การเปิดปิดฟังก์ชันการทำงานต่างๆ, การปรับภาษาของหูฟัง, การเลือกริงโทนและระดับเสียง, การตั้งค่าการทำงานร่วมกับ Softphone, การเปิดปิดเซ็นเซอร์ของอุปกรณ์, การตั้งค่าเสียงให้เป็นแบบ HD และการปิด Streaming Audio เพื่อประหยัดแบตเตอรี่และเพิ่มเวลาที่ใช้งานได้ให้ยาวนานยิ่งขึ้น
ส่วน Charge Case ก็ถือว่ามีประโยชน์ดีทีเดียวครับ เพราะตัวเคสนี้ออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้ค่อนข้างมีประโยชน์ทีเดียว โดยในยามปกติเวลาเราเสียบสาย USB เข้ากับ Charge Case ตัวเคสก็จะทำการชาร์จไฟเข้าไปในตัวทันที และเราก็สามารถนำหูฟังของเราไปเก็บใน Charge Case เพื่อใช้พกพาไปข้างนอกก็ได้ หรือจะเสียบไว้ด้านบนของ Charge Case เพื่อใช้รับโทรศัพท์ง่ายๆ บนโต๊ะทำงานก็ได้หากไม่ต้องการใส่หูฟังเอาไว้ตลอดเวลา ส่วนถ้าหาก Charge Case ไม่ได้เสียบ USB เอาไว้ อุปกรณ์ก็จะยังคงจ่ายไฟฟ้าที่สำรองเอาไว้ภายในแบตเตอรี่ให้กับหูฟังของเราได้อยู่ครับ
ภายในตัว Charge Case เองนี้ก็ยังมีช่องสำหรับ Bluetooth USB Adapter ด้วยเพื่อให้เราสามารถพกพาไปได้ทั้งเซ็ตโดยไม่หลงลืมไป ก็ถือว่าสะดวกดีครับ
โดยรวมแล้วหลังจากได้ทดลองใช้งานมาหลายสัปดาห์ก็ถือว่าชอบครับ เพราะนอกจากคุณภาพเสียงที่ดีแล้ว ด้วยความที่หูฟังนี้เป็นแบบไร้สายก็ทำให้การพูดคุยสื่อสารทำงานเกิดขึ้นได้อย่างสะดวกมากทีเดียว และด้วยแบตเตอรี่ที่ทนทานกับ Charge Case ที่ใช้วางบนโต๊ะทำงานได้เลย ก็ทำให้แบตไม่เคยหมดระหว่างการใช้งานเลยครับ และหูฟังเองก็ทนทานระดับหนึ่ง เคยทำหล่นอยู่สองสามครั้งก็ไม่เป็นอะไรครับ
สรุปข้อดีข้อเสีย
ข้อดี
- น้ำหนักเบา พกพาง่าย ใส่แล้วไม่รู้สึกรำคาญในเรื่องของน้ำหนักแต่อย่างใด ใส่ติดหูทำงานได้ทั้งวัน มีจุกยางให้เปลี่ยนได้ 3 แบบด้วย
- เสียงชัดมาก ตัดเสียง Background ได้ค่อนข้างดีแม้จะอยู่ในห้องที่มีเสียงดัง เหมาะสำหรับการใช้คุยงานจริงๆ
- แบตเตอรี่ทนมาก ลืมชาร์จก็ไม่มีปัญหา
- Charge Case ออกแบบมาได้ค่อนข้างดี ใช้งานได้จริง มีประโยชน์มาก
- Application Plantronics Hub ทำออกมาได้น่าสนใจ ปรับแต่งการทำงานเชิงลึกได้เยอะ เลือกได้ว่าจะใช้งานกับ Softphone ใดบ้างทั้งขารับและขาโทรออก
- สำหรับธุรกิจองค์กร สามารถบริหารจัดการการตั้งค่าจากศูนย์กลางและติดตามคุณภาพของเสียงในการสื่อสารได้ด้วย
- มี Bluetooth USB Adapter แถมมาให้ ใช้งานได้กับ PC/Notebook รุ่นเก่าที่ยังไม่มี Bluetooth ในตัว เสียบปุ๊บใช้งานได้เลย
ข้อเสีย
- Packaging ของหูฟังนั้นไม่ค่อยสวยดึงดูดเท่าของค่ายอื่น แต่หากคิดถึงเรื่องของการรักษ์โลก ลดขยะ และการสั่งซื้อปริมาณมากเพื่อใช้ในธุรกิจองค์กรแล้วก็ถือว่าเข้าใจได้
- ต้องลองผิดลองถูกอยู่นานพอสมควรกว่าจะหามุมที่ใส่หูฟังเข้ากับหูเราได้พอดี และต้องฝึกให้ชินทั้งสองข้างด้วย
- วัสดุที่ใช้ทำ Charge Case ติดฝุ่นง่ายไปหน่อย ต้องหมั่นทำความสะอาดอยู่เรื่อยๆ
- หากใช้กับ Windows 10 และมีแอปประชุมหลายแอปอาจสับสน
ติดต่อทีมงาน Poly ได้ทันที
สำหรับผู้ที่สนใจหูฟังของ Plantronics สำหรับซื้อไปใช้งานในเชิงธุรกิจ หรือระบบ Video Conference จาก Poly ก็สามารถติดต่อทีมงาน Poly ได้ทันที หรือสามารถค้นหาตัวแทนจำหน่ายประจำประเทศไทยได้จากที่
https://partners.poly.com/English/directory/search?f0=Countries+Served&f0v0=Thailand
ได้เลยครับ หรือสำหรับตัวหูฟังรุ่นต่างๆ ก็สามารถค้นหาได้จากร้านค้าออนไลน์ได้เลยครับ