IBM Flashsystem

[PR] ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ เผยผลสำรวจความต้องการโครงการเมืองอัจฉริยะในเอเชีย-แปซิฟิก เน้นความปลอดภัยสาธารณะของชุมชน ลดปัญหาอาชญากรรม

ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ คาด 10 ปีข้างหน้า ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมีการเติบโตด้านโครงการเมืองอัจฉริยะสูงสุด ผลสำรวจระบุการลงทุนด้านความปลอดภัยสาธารณะจะต้องสามารถใช้ประโยชน์จากการเชื่อมต่อข้อมูลด้านความปลอดภัยให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อลดปัญหาอาชญากรรมได้อย่างสมบูรณ์

คุณมารุต

นายมารุต มณีสถิตย์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย และพม่า บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ พีทีอี ลิมิเต็ด กล่าวว่า บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น เผยถึงผลสำรวจด้านความปลอดภัยสาธารณะที่จัดทำขึ้นระหว่างการประชุม Safe Cities Asia Summit ครั้งที่ 2 ในประเทศสิงคโปร์ จากรายงานคาดการณ์ว่าภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจะมีการเติบโตด้านโครงการเมืองอัจฉริยะสูงสุดในช่วง 10 ปีข้างหน้า โดยหลายเมืองจะมุ่งเน้นด้านการประหยัดต้นทุน และความคุ้มค่าจากการใช้เทคโนโลยีต่างๆ  อย่างไรก็ดี ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่าการสร้างเมืองให้มีความปลอดภัยสำหรับการใช้ชีวิต และการทำงาน เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญสูงสุดในการวางแผนโครงการเมืองอัจฉริยะ โดยผู้ร่วมการสำรวจร้อยละ 44 คาดว่าประเทศของพวกเขาจะมีการลงทุนด้านความปลอดภัยสาธารณะมากกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วง 2 ปีข้างหน้า, ซึ่งร้อยละ 24 จากยอดลงทุนทั้งหมดจะใช้ไปกับเทคโนโลยีการเฝ้าระวังภัย หรือ surveillance technology, ร้อยละ 19 สำหรับการวิเคราะห์ด้าน big data และอีกร้อยละ 19 สำหรับเทคโนโลยีไร้สายและเครือข่าย

ความปลอดภัยสาธารณะของชุมชนเป็นประเด็นที่ผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญสูงสุด ตามมาด้วยระบบขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานของเมือง ความก้าวหน้าของระบบอินเตอร์เน็ตหรือความสามารถของระบบสารสนเทศตามลำดับ ซึ่งถ้าเจาะลึกลงในประเด็นด้านความปลอดภัยสาธารณะนั้น ผู้ตอบแบบสอบถามเห็นว่าสิ่งที่ประเทศของพวกเขาต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย 1.การสืบสวนด้านอาชญากรรม 2. ระบบขนส่งและบริการด้านจราจร และ 3. ความปลอดภัยของอินเตอร์เน็ต โดยการขาดความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ถูกเลือกให้เป็นปัจจัยหลักที่จะถ่วงการพัฒนาโครงการด้านความปลอดภัยสาธารณะนี้

Smart City 3

ร้อยละ 95 ของผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญมากหรือมากที่สุดกับบทบาทของเทคโนโลยีต่อความปลอดภัยสาธารณะ โดยเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยสาธารณะที่ส่วนใหญ่วางแผนจะลงทุนในช่วง 1 ปีข้างหน้า คือการเฝ้าระวังภัย, ตามมาด้วยการวิเคราะห์ด้าน big data และเทคโนโลยีไร้สายและเครือข่าย ซึ่งการรวม 3 สิ่งนี้เข้าด้วยกันจะช่วยพัฒนาความปลอดภัยในเมืองอัจฉริยะได้เป็นอย่างดี ดังนั้นภาครัฐจึงจำเป็นต้องนำเทคโนโลยีมาวางแผนสำหรับโครงสร้างเมืองอัจฉริยะ เพื่อลดและป้องกันปัญหาอาชญากรรม ที่ผ่านมาพบว่าการใช้ประโยชน์จาก big data ในการประสานสิ่งต่างๆ เพื่อใช้ประโยชน์จากระบบที่เชื่อมต่อกัน จะสร้างมูลค่ามากกว่าการใช้โซลูชั่นเดี่ยวในการพัฒนาความปลอดภัยสาธารณะ  และการรวมระบบสารสนเทศต่างๆ เข้ากับทรัพยากรส่วนอื่นๆ ของเมืองจะช่วยลดปัญหาอาชญากรรม และเพิ่มความปลอดภัยสาธารณะ ทั้งนี้การขยายเมือง และระบบขนส่งเองก็มีบทบาทสำคัญในการสอดส่อง และป้องกันปัญหาอาชญากรรม โดยจะระบุถึงรูปแบบอาชญากรรมหรือแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นได้ล่วงหน้าด้วยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ อาทิ กล้องวิดีโอบนรถไฟ, ในห้างสรรพสินค้า และตามจุดต่างๆที่กระจายอยู่รอบเมือง ตลอดจนข้อมูลอื่นๆ จากแหล่งโซเชียลเน็ตเวิร์ก อาทิ ทวิตเตอร์, เฟซบุ๊ก แล้วนำข้อมูลที่ได้มาใช้ระบบวิเคราะห์ที่ทรงพลังเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีความลึกซึ้งที่ช่วยระบุถึงแหล่งอาชญากรรมได้

ทั้งนี้ Safe Cities Asia เป็นการประชุมชั้นนำของวงการการรักษาความปลอดภัยระดับชาติของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อมุ่งประเด็นด้านการวางแผนเมือง ที่ได้รับการสนับสนุนการลงทุนด้านนวัตกรรมใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยผู้นำภาครัฐและอุตสาหกรรมในเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งจำนวนมากกว่า 1 ใน 4 ของผู้เข้าร่วมประชุมที่ตอบแบบสอบถามครั้งนี้มีพื้นหลังด้านเทคโนโลยี และส่วนที่เหลือประกอบด้วยกลุ่มนายกเทศมนตรี, ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรต่างๆ, ผู้แทนจากฝ่ายทหาร, ฝ่ายบริการฉุกเฉิน และผู้ให้บริการด้านโครงสร้างพื้นฐาน

Smart City 5

“ผลการสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกกำลังมองหาโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีที่จะมีนัยสำคัญ และวัดได้ สำหรับเรื่องความปลอดภัยสาธารณะ โดยแม้จะมีความชัดเจนในกลุ่มผู้ร่วมตอบแบบสอบถามถึงความต้องการในการลงทุนด้านโซลูชั่นดังกล่าว แต่อุปสรรคสำคัญคือความท้าทายในการปรับใช้โครงการด้านความปลอดภัยให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งการริเริ่มการรวมข้อมูลต่างๆภายในแพลตฟอร์มเดียวจะช่วยให้แต่ละเมืองสามารถเห็นความเป็นไปแบบองค์รวมเกี่ยวกับอาชญากรรมที่สอดคล้องกันได้” นายมารุต กล่าวเพิ่มเติม

ผลสำรวจสามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่ here

เกี่ยวกับบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์

Hitachi-Data-Systems-Logo

บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ เป็นบริษัทในเครือของกลุ่มบริษัท ฮิตาชิ จำกัด โดยเป็นบริษัทผู้นำเทคโนโลยีด้านการบริหารจัดการข้อมูล ที่จะช่วยขับเคลื่อนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ  และยังสร้างนวัตกรรมเพื่อสังคม โดยมุ่งหวังให้เกิดสังคมที่ปลอดภัย, สร้างสุขภาพที่ดี และมีความทันสมัย ผ่านการคิดค้นนวัตกรรมและสร้างมูลค่าที่แท้จริงจากฐานข้อมูลสารสนเทศขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า Internet of Things ด้วยโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอทีแบบครบวงจร ได้แก่ สตอเรจ,  เซิร์ฟเวอร์, ซอฟต์แวร์, การวิเคราะห์ , การบริหารจัดการเนื้อหา, และคลาวด์คอมพิวติ้ง พร้อมการให้บริการทั้งก่อนและหลังการขายอย่างครบถ้วน ด้วยความเชี่ยวชาญของ ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ที่บูรณาการทั้งเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีปฏิบัติการที่ดีที่สุด จากบริษัทในเครือฮิตาชิฯ เพื่อส่งมอบนวัตกรรมข้อมูลเชิงลึกให้กับธุรกิจ และสังคม ให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลง และการเติบโตในอนาคตได้อย่างดีเยี่ยม สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ HDS.com.

เกี่ยวกับบริษัท ฮิตาชิ จำกัด

Hitachi_inspire_the_next-Logo

บริษัท ฮิตาชิ จำกัด (ชื่อในตลาดหุ้นโตเกียว: 6501) มีสำนักงานใหญ่ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำระดับโลก ด้วยจำนวนพนักงานทั่วโลกประมาณ 326,000 ราย โดยในปีงบประมาณ 2555 (จนถึงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2556) บริษัทฯ มียอดขายรวม 9,041 พันล้านเยน (96.1 พันล้านดอลลาร์) ทั้งนี้ บริษัทฮิตาชิให้ความสำคัญกับธุรกิจที่เน้นด้านนวัตกรรมเพื่อสังคมมากกว่าเดิม ซึ่งรวมถึงระบบโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสารสนเทศและโทรคมนาคม ระบบไฟฟ้า ระบบเครื่องจักรก่อสร้าง วัสดุและอุปกรณ์ที่ครอบคลุมการทำงานระดับสูง ระบบยานยนต์และอื่นๆ สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทฮิตาชิ สามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ http://www.hitachi.com

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

MetTel จับมือ Check Point เปิดตัวโซลูชันป้องกันภัยคุกคามมือถือสำหรับองค์กร

MetTel ผู้ให้บริการโซลูชันการสื่อสาร ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Check Point Software Technologies เพื่อมอบโซลูชันการป้องกันภัยคุกคามทางมือถือขั้นสูงสำหรับลูกค้าองค์กร

OpenAI เตรียมเปิดตัวเบราว์เซอร์เอเจนต์ AI

มีรายงานว่า OpenAI ใกล้ที่จะเปิดตัวเบราว์เซอร์ใหม่ที่อาจเข้ามาเขย่าบัลลังก์ของ Google Chrome หลังจากก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน OpenAI แสดงความสนใจที่จะซื้อ Chrome จาก Google