ทางทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้สัมภาษณ์คุณ PK Gupta ผู้ดำรงตำแหน่ง Global Presales Lead แห่ง Data Protection Solutions ใน Dell EMC ในแง่มุมเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลในการทำธุรกิจ และกฎหมายที่จะเริ่มต้องเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในโลก Cyber มากขึ้น จึงขอนำมาสรุปให้ทุกคนฟังดังนี้ครับ

Cybersecurity คือสิ่งสำคัญที่ทุกองค์กรและทุกคนทั้งในสาย IT และนอกสาย IT ต้องให้ความสำคัญ
คุณ PK Gupta ได้เริ่มต้นเล่าถึงแนวโน้มทางด้าน Cybersecurity ที่ส่งผลต่อธุรกิจทั่วโลกเอาไว้ได้ค่อนข้างน่าสนใจ ดังนี้
- มี Malware ใหม่ 500 ตัวเกิดขึ้นทุกวัน
- มี Cyberattack เกิดขึ้นเกินกว่า 1 ล้านครั้งทุกวัน
- ภายในปี 2020 ธุรกิจ Digital ทั่วโลกจะต้องพบกับปัญหา IT Security Risk จนไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ถึงทันทีถึง 60%
- ตำแหน่งงานทางด้าน Security เองก็ขาดแคลนมาก
- ผู้ที่ทำงานในวงการ IT เองก็ควรปรับตัวให้มีความรู้ด้าน IT Security ไม่ว่าจะทำงานอยู่ในตำแหน่งหรือบทบาทใดก็ตาม
- 40% ของธุรกิจทุกวันนี้ถูกโจมตีด้วย Ransomware
- 1/3 ของธุรกิจนั้นก็ถูกโจมตีจนมีผลกำไรลดลงไป
- 20% ของธุรกิจที่ถูกโจมตีต้องปิดตัวลงไป
การโจมตีที่โด่งดังแต่ละครั้งก็ได้สร้างกระแสความตื่นตัวในเหล่าธุรกิจต่างๆ มากมาย หนึ่งในเหตุการณ์ที่ไม่พูดไม่ได้เลยก็คือ Sony Pictures ที่ถูกขโมยข้อมูลออกมาเผยแพร่จนเสียหายเป็นอย่างมาก และเร็วๆ นี้เองก็มีเรื่องราวของ WannaCry ให้เราได้กังวลกัน เป็นต้น
ตัวเลขเหล่านี้ถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงและเติบโตอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับอดีต และการโจมตีเหล่านี้ก็เป็นวงกว้างจนภาคธุรกิจไม่อาจประมาทหรือมองข้ามไปได้อีกแล้ว
Data Protection Regulation: ประเด็นที่ภาครัฐต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน และภาคธุรกิจควรให้ความสำคัญ
ภาครัฐและหน่วยงานทั่วโลกเริ่มมีการออก Regulatory Guidance หรือ IT Security Framework ให้เป็นแนวทางสำหรับให้ธุรกิจในภาคส่วนต่างๆ ได้ปฏิบัติตามกันมากขึ้นเพื่อปกป้องตนเองจากภัยคุกคามหลากหลายรูปแบบได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งโดยทั่วไปแล้วก็มักจะต้องครอบคลุมหัวข้อ 5 ประการ ดังต่อไปนี้
- Identify
- Protect
- Detect
- Respond
- Recover
ในขณะที่ Dell EMC เองก็ได้เสนอแนวทาง Layered Cybersecurity for Data Protection ที่แบ่งระดับความเข้มข้นในการปกป้องข้อมูลออกเป็น 3 ระบบด้วยกัน ดังนี้
1. Traditional Data Protection Best Practice
เป็นการปกป้องข้อมูลและระบบต่างๆ ด้วยวิธีการพื้นฐาน ได้แก่ การทำ Backup, DR, Cloud Backup, Endpoint Backup, N+1 และอื่นๆ เพื่อให้มีข้อมูลชุดสำรองสำหรับพร้อมให้กู้คืนได้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินใดๆ ขึ้นมา
2. Additional Hardening and Protection Features
เพิ่มความมั่นคงปลอดภัยอีกระดับด้วยการทำ Security Hardening สำหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ , การเข้ารหัสข้อมูลทั้งในระบบ Production และระบบสำรอง, การป้องกันไม่ให้ผู้ดูแลระบบหรือผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าถึงข้อมูลที่ทำการสำรองเอาไว้โดยไม่จำเป็นได้
3. Advanced Protection Services
เพิ่มความมั่นคงปลอดภัยให้กับข้อมูลอีกชั้นหนึ่ง เช่น การทำ Isolated Recovery Solution, การตรวจสอบด้านความมั่นคงปลอดภัยด้วยการใช้บริการจาก Dell EMC/EY ในการ Assess/Plan/Implement/Validate และการใช้ Security Analytics เพื่อวิเคราะห์และค้นหาภัยคุกคามต่างๆ ในระบบและตอบสนองให้ได้อย่างรวดเร็วสูงสุด
Cross-border Regulation: ความร่วมมือระหว่างประเทศในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อปกป้องข้อมูล
Cross-border Regulation ก็เป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจเช่นกัน โดยภาครัฐของแต่ละประเทศต้องคุยกันให้ชัดเจน ว่าจะมีการรับส่งและบันทึกข้อมูลอะไรกันได้บ้าง และหากมี Data Breach เกิดขึ้นจริงๆ ผู้ให้บริการจะต้องแจ้งเตือนและตอบสนองภายในเวลาเท่าไหร่ และจะมีบทลงโทษอย่างไรหากเปิดปัญหาขึ้นจริงๆ โดยเฉพาะในกรณีที่ธุรกิจใดๆ มีการใช้บริการ Cloud Infrastructure ในต่างประเทศ แล้วเกิดเหตุผิดปกติหรือปัญหาใดๆ ขึ้นมา ว่าจะยึดกฎหมายของฝั่งใดในประเด็นใดบ้าง และจะมีความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายกันได้อย่างไร ซึ่งประเด็นเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่มีระบบและลูกค้าข้ามชาติค่อนข้างมาก โดยเฉพาะธุรกิจ Startup ในระดับ Global หรือธุรกิจ Digital ขนาดใหญ่ที่มีฐานลูกค้ากระจายอยู่ทั่วโลก รวมถึงกระบวนการทางศาลที่จะต้องเปลี่ยนไปเพื่อให้มีความคล่องตัวขึ้นด้วย
อินโดนีเซีย มาเลย์เซีย จีน เกาหลี ต่างก็มีกฎหมาย Data Protection ไม่ให้นำข้อมูลสำคัญออกไปเก็บนอกประเทศทั้งสิ้น และข้อมูลชุดใดควรจะต้องเก็บย้อนหลังไว้นานเท่าไหร่ เพื่อให้นำไปใช้เป็นหลักฐานได้ในกรณีเกิดคดีความฟ้องร้องกันขึ้นมา ส่วน GDPR ที่ใช้ในยุโรปเองก็เริ่มกลายเป็นประเด็นสำคัญสำหรับเหล่าธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีฐานลูกค้าในยุโรป โดย ISO/IEC 29100 เป็น Privacy Framework ที่ Dell EMC แนะนำให้ลองศึกษาดูสำหรับประเด็นนี้
และในอนาคต เมื่อ Internet of Things (IoT) กลายเป็นเทคโนโลยีสามัญที่ทุกคนเข้าถึงได้และใช้งาน ประเด็นเหล่านี้ก็จะยิ่งทวีความสำคัญขึ้นไปอีก จึงเป็นสิ่งที่ภาครัฐทั่วโลกควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
ในขณะเดียวกัน หน่วยงาน CERT ของแต่ละประเทศก็ควรจะมีงานหนักที่ต้องทำมากขึ้น และต้องประสานงานระหว่างประเทศกันมากขึ้นไปด้วย
Data Privacy != Data Protection อีกเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้อง
Data Privacy จะเป็นการควบคุมว่าผู้ที่มีสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานต่างๆ จะนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้งานได้อย่างไรบ้าง ในขณะที่ Data Protection จะมุ่งเน้นไปที่วิธีการและแนวทางในการจัดการและจัดเก็บข้อมูลให้มั่นคงปลอดภัยและไม่สามารถถูกเข้าถึงจากผู้ที่ไม่มีสิทธิ์ได้
การออกแบบกฎและข้อบังคับสำหรับทั้งสองประเด็นนี้ให้ชัดเจนจะทำให้เรามีเส้นแบ่งที่แน่ชัดสำหรับการเข้าถึงและจัดการข้อมูลรวมถึงการตัดสินใจกรณีที่เกิดปัญหาใดๆ ขึ้นกับข้อมูลเหล่านั้น ในขณะที่ผู้ที่ต้องทำงานร่วมกับข้อมูลเหล่านั้นในแง่มุมต่างๆ ก็จะได้ทราบถึงบทบาทและขอบเขตของสิ่งที่ตนเองสามารถทำกับข้อมูลเหล่านี้ได้ด้วย
แน่นอนว่าการเลือกใช้บริการ Cloud ต่างๆ เองก็ต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับแง่มุมของ Data Privacy และ Data Protection ให้ดี ในขณะที่การทำตามกฎหมายของประเทศต่างๆ ในสองประเด็นนี้ก็เป็นสิ่งที่จะละเลยไปไม่ได้เช่นกัน ส่วนการร้องขอให้มีการลงข้อมูลของบุคคลหรือธุรกิจออกไปจากระบบของผู้ให้บริการใดๆ ก็อ้างอิงกับกฎหมายเหล่านี้ด้วยเช่นกัน
Isolated Recovery Solution ข้อมูลสำรองที่สำคัญไม่ควรอยู่ในเครือข่ายเดียวกับระบบอื่น และเชื่อมต่อเข้าไปได้ง่ายนัก
Isolated Recovery Solution ออกแบบพื้นที่แยกต่างหากสำหรับการกู้ข้อมูลขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย และมั่นใจได้ว่าพื้นที่เหล่านี้จะไม่ถูกโจมตีซ้ำ ทำให้เรามีเวลามากพอที่จะกู้คืนข้อมูลและระบบต่างๆ ขึ้นมาจนสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และข้อมูลเหล่านี้ไม่สูญหายไปไหนนั่นเอง ซึ่งจุดที่แบ่งระหว่างระบบเครือข่ายทั่วไป กับระบบเครือข่ายของ Isolated Recovery Solution ให้ปลอดภัยนี้เองที่เรียกว่า Air Gap
การสำรองข้อมูลไปยังระบบ Isolated Recovery Solution นี้จะเกิดขึ้นเฉพาะในช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้น และมีการกำหนดเวลาเปิดลิงค์เฉพาะเวลาที่มีการทำ Backup หรือ Recovery เท่านั้น ทำให้สามารถลดความเสี่ยงที่ข้อมูลในพื้นที่นี้จะถูกโจมตีลงไปได้
ภายใน Isolated Recovery Solution นี้จะประกอบไปด้วย Backup & Recovery Host สำหรับสำรองและกู้คืนข้อมูล, Validation Host สำหรับทดสอบว่าข้อมูลที่สำรองนั้นใช้งานได้จริง และ Management Host สำหรับบริหารจัดการระบบเหล่านี้
ออกแบบระบบสำรองข้อมูล: เลือกระบบที่สำคัญที่สุดก่อน
Dell EMC ได้แนะนำให้ทำการเริ่มต้นสำรองข้อมูลที่มีความสำคัญสูงที่สุดก่อน ซึ่งจะเริ่มต้นจากข้อมูลเพียงแค่ไม่ถึง 10% ทั้งองค์กร แล้วจึงค่อยขยายระบบสำรองข้อมูลออกไปยังระบบอื่นๆ ในภายหลังที่เหลือ ด้วยแนวคิดนี้จะทำให้การเริ่มต้นปกป้องข้อมูลขององค์กรนั้นเกิดกับข้อมูลที่มีความสำคัญสูงก่อน และโครงการมีความสำคัญสูง ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มขยายออกไปได้ในอนาคต ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการลงทุนครั้งแรกนั้นไม่สูงมาก แต่ส่งผลสำคัญต่อธุรกิจอย่างมหาศาล
ระบบ Backup สำหรับ Big Data และ Data Source สำหรับ AI และ Machine Learning
คุณ PK Gupta แห่ง Dell EMC ได้เล่าด้วยว่าอีกตลาดที่กำลังเติบโตเป็นอย่างมากคือการสำรองข้อมูลสำหรับระบบ Big Data สำหรับทำ Analytics, AI และ Machine Learning ซึ่งต้องมีการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่มาก ซึ่ง Dell EMC ก็มี BoostFS ใน Data Domain ที่สำรองข้อมูลสำหรับ MongoDB, Cassandra และอื่นๆ ได้ พร้อมให้กู้คืนได้อย่างง่ายและและรวดเร็ว