Microsoft Azure by Ingram Micro (Thailand)

Collaboration Platform: หัวใจสำคัญสำหรับการทำ Digital Transformation ของธุรกิจหลากหลายอุตสาหกรรม

ทีมงาน TechTalkThai ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณสาธิต พันธ์ไพศาล ผู้ดำรงตำแหน่ง Country Manager แห่ง Alcatel-Lucent Enterprise Thailand ถึงประเด็นเรื่องแนวโน้มด้านการทำ Digital Transformation ของธุรกิจไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่หลายธุรกิจนั้นต้องเริ่มสร้าง Collaboration Platform สำหรับใช้เป็นช่องทางในการสื่อสารทั้งภายในองค์กรและกับลูกค้าภายนอกองค์กรขึ้นมาเอง เพื่อควบคุมการสร้างประสบการณ์ในการสื่อสารและให้บริการที่ดี รวมถึงตอบโจทย์ด้าน Data Privacy ที่กำลังกลายเป็นประเด็นสำคัญในหลายๆ ประเทศในยามนี้

เมื่อบริการแชทและวิดีโอที่เปิดให้ใช้งานกันฟรีอย่างกว้างขวาง อาจไม่ตอบโจทย์ภาคธุรกิจในอนาคตอีกต่อไป

ถึงแม้เทคโนโลยีอย่าง Chatbot นั้นจะถือว่าเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับการนำเสนอประสบการณ์ในการรับบริการหรือซื้อสินค้าแก่ธุรกิจองค์กรต่างๆ มากมาย และทำให้การเข้าถึงลูกค้าที่ใช้บริการต่างๆ อย่างเช่น Facebook Messegner Messenger หรือ LINE นั้นกลายเป็นเรื่องง่าย แต่ทางเลือกเหล่านี้ก็อาจไม่ตอบโจทย์สำหรับธุรกิจองค์กรได้ดีนักสำหรับกรณีการใช้งานบางรูปแบบ

คุณสาธิตได้เล่าถึงปัญหาที่หลายธุรกิจองค์กรไปจนถึงหน่วยงานรัฐเริ่มพบเจอจากการใช้งานช่องทางการสื่อสารที่ฟรี ไม่มีค่าบริการเหล่านี้ ว่าเป็นช่องทางทำให้ข้อมูลสำคัญทางธุรกิจนั้นหลุดรั่วออกไปสู่ระบบ IT ภายนอกซึ่งยากต่อการควบคุม อีกทั้งในแง่ของความเป็นส่วนตัวของข้อมูลนั้น ด้วยข่าวคราวสารและข้อมูลมากมายที่ผู้ให้บริการบางระบบนั้นมีการเข้าถึงข้อมูลแชทหรือข้อมูลบทสนทนาเสียงโดยไม่รับอนุญาตนี้ ก็ทำให้ความเชื่อถือในการใช้งาน Platform เหล่านี้เริ่มสั่นคลอน

ส่วนในแง่ของการพัฒนาระบบ Application เชื่อมต่อกับช่องทางเหล่านี้ เช่น การเชื่อมต่อระบบ ERP/CRM เข้ากับระบบ Chat, การเปิดระบบ Chatbot ให้มีการแจ้งปัญหาหรือสั่งซื้อสินค้าต่างๆ และอื่นๆ แม้ในช่วงแรกเริ่มนั้นการทดสอบระบบจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่เมื่อถึงจุดที่ธุรกิจต้องใช้งานอย่างจริงจังก็มักจะพบกับข้อจำกัดที่คาดไม่ถึงมาก่อนหรือมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง เช่น การคิดราคาของผู้ให้บริการที่เปลี่ยนไป, การเปลี่ยนแปลงของ API ที่เกิดขึ้นบ่อยจนยากต่อการปรับระบบตาม, ความยุ่งยากในการเชื่อมต่อหลาย Platform ทำให้ทีมพัฒนาต้องคอย Maintenance ดูแลรักษาระบบอยู่ตลอด

ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ได้ทำให้หลายธุรกิจองค์กรต้องมองหาช่องทางในการสื่อสารใหม่ที่ง่ายต่อการเริ่มต้นใช้งาน, เชื่อมต่อ, ปรับแต่ง และมั่นใจได้ว่าระบบจะทำงานได้อย่างมั่นคงทนทานและปลอดภัย

Collaboration Platform: หัวใจสำคัญสำหรับการทำ Digital Transformation ของธุรกิจหลากหลายอุตสาหกรรม

คุณสาธิตได้เล่าถึงแนวโน้มในไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่แนวโน้มด้านการทำ Digital Transformation นั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าและพนักงาน, การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และการลดต้นทุนการดำเนินการของธุรกิจลง

ในการตอบโจทย์ดังกล่าว การประยุกต์นำ Social Network และ Chat Platform เข้ามาใช้นั้นได้กลายเป็นทางเลือกที่หลายธุรกิจองค์กรเลือกใช้งาน ซึ่งผลลัพธ์นั้นก็ถือว่าเป็นไปในแนวทางที่ดี เพราะธุรกิจสามารถสื่อสารกันภายในหรือสื่อสารกับลูกค้าได้ผ่านทางช่องทางใหม่ซึ่งแทบจะไม่ได้มีค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติมนั่นเอง

อย่างไรก็ดี ตาม เมื่อความต้องการของภาคธุรกิจมีมากขึ้น และเริ่มเดินโครงการด้านการทำ Digital Transformation ด้วยการประยุกต์นำระบบเหล่านี้มาใช้มากขึ้น ธุรกิจก็ประสบกับปัญหาดังที่ได้กล่าวไปดังข้างต้น แนวคิดด้านการลงทุนในระบบ Collaboration Platform ที่ภาคธุรกิจสามารถควบคุมได้อย่างเต็มที่จึงกลายเป็นทางเลือกขึ้นมา

แนวคิดของ Collaboration Platform นี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การมีระบบ Chat หรือ Video Call ของตนเองเท่านั้น แต่ Collaboration Platform นี้ควรจะถูกนำไปฝังเป็นส่วนหนึ่งของ Application อื่นๆ ได้ด้วย เพื่อให้ผู้ใช้งานระบบ Application ใดๆ ทั้งในรูปแบบของ Web หรือ Mobile นั้นยังคงสามารถใช้งาน Application เดิมได้ แต่เสริมความสามารถในการสื่อสารเข้าไปในระบบทำให้ Workflow การทำงานมีความคล่องตัวมากขึ้น

ในทางกลับกัน ระบบ Collaboration Platform เหล่านี้เองก็ต้องสามารถเชื่อมต่อ API หรือทำงานร่วมกับ Chatbot และระบบ IOT ได้ด้วยเช่นกัน เพื่อให้การนำ Workflow จากระบบอื่นๆ เข้ามาผสานใช้งานภายในการสื่อสารช่องทางใดๆ นั้นเกิดขึ้นได้อย่างราบรื่นและใช้งานง่าย และทำให้ระบบ Collaboration Platform นี้กลายเป็นศูนย์กลางสำคัญในการต่อยอดไปยังโครงการ Digital Transformation อื่นๆ ในฐานะของ User Interface สมัยใหม่ได้อีกด้วย

ทั้งนี้ข้อมูลทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในการสื่อสารและเชื่อมต่อไปยังระบบอื่นๆ นั้นจะต้องไม่หลุดรั่วออกไปสู่พื้นที่สาธารณะภายนอก และต้องมีการติดตามได้อยู่ตลอดเพื่อให้ธุรกิจองค์กรมั่นใจ และตอบรับต่อข้อกฎหมายด้าน Data Privacy ในแต่ละประเทศได้นั่นเอง

การศึกษา, โรงพยาบาล, ภาครัฐ, ค้าปลีก – 4 อุตสาหกรรมไทยที่เริ่มสร้างประสบการณ์ใหม่ในการติดต่อสื่อสารได้ง่าย

สำหรับในประเทศไทยนั้น คุณสาธิตได้ให้มุมมองเอาไว้ว่าอุตสาหกรรมที่ควรเริ่มต้นสร้าง Collaboration Platform ของตนเองเพื่อเป็นศูนย์กลางในการสื่อสารและต่อยอดโครงการ Digital Transformation อื่นๆ นั้น ได้แก่ภาคการศึกษา, โรงพยาบาล, ภาครัฐ และค้าปลีก ซึ่งคุณสาธิตก็ได้ยกตัวอย่างที่น่าสนใจจากกรณีศึกษาของทาง Alcatel-Lucent Enterprise เอาไว้ดังนี้

เปลี่ยนสถานศึกษา สู่การเป็น Platform ระหว่างนักเรียน, ครู, ผู้ปกครอง และเจ้าหน้าที่

Credit: Alcatel-Lucent Enterprise

ในแง่มุมของสถาบันการศึกษานั้น บทบาทหลักๆ ของ Collaboration Platform นั้นก็คือการเป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารระหว่างกันทั้งสำหรับนักเรียน, ครู, ผู้ปกครอง และเจ้าหน้าที่ในสถาบันการศึกษา เพื่อตอบโจทย์ดังต่อไปนี้

  • เป็นช่องทางการสื่อสารภายในชั้นเรียน เปลี่ยนการเรียนการสอนให้เกิดขึ้นได้จากทุกที่ทุกเวลา โดยสามารถเชื่อมต่อกับระบบ Learning Management System (LMS) หรือ E-Learning, ระบบส่งการบ้าน หรือระบบจัดสอบออนไลน์ได้
  • เป็นช่องทางในการเชื่อมต่อไปยัง Application บริการอื่นๆ ของสถาบันการศึกษา ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการหรือเนื้อหาต่างๆ ที่ตนเองมีสิทธิ์ได้อย่างทั่วถึง และทำให้เจ้าหน้าที่สามารถเชื่อมต่อไปยัง Application สำหรับทำงานที่เกี่ยวข้องกับบทบาทของตนเองได้ง่ายขึ้น
  • เป็นช่องทางในการสื่อสารระหว่างครูและผู้ปกครอง เพื่อให้การดูแลเด็กนักเรียนในระดับอนุบาล, ประถม และมัธยมเป็นไปได้อย่างทั่วถึงยิ่งขึ้น
  • เป็นช่องทางการสื่อสารในระดับมหาวิทยาลัย เพิ่มขีดความสามารถให้กับ Application ของมหาวิทยาลัยในการกระจายข่าวสาร, การส่งไฟล์เอกสาร, การส่ง Chatbot เพื่อรับส่งข้อมูลจากนักศึกษา
  • การแจ้งเตือนภัยรุนแรงหรือประกาศฉุกเฉินต่างๆ และทำให้ผู้รับข่าวสารสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกลับมาได้โดยง่าย
  • เพิ่มโอกาสในการสร้างรายรับใหม่ๆ ให้กับสถาบันการศึกษา ด้วยการส่งโฆษณาผ่านช่องทางการสื่อสารนี้ได้

พลิกโฉมโรงพยาบาล จัดการทุกบริการสุขภาพผ่านระบบแชทและวิดีโอ

Credit: Alcatel-Lucent Enterprise

ทางด้านโรงพยาบาลและสาธารณสุข การประยุกต์นำ Collaboration Platform ไปใช้นั้นสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลากหลายส่วนมาก และจะเปลี่ยนกระบวนการการทำงานภายในโรงพยาบาลไปอย่างสิ้นเชิง เช่น

  • เป็นช่องทางในการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพทางไกลก่อนที่ผู้ป่วยจะเข้ามาพบแพทย์จริงๆ ช่วยให้ข้อมูลเบื้องต้นที่จำเป็นแก่ผู้ป่วยได้
  • เป็นช่องทางในการนัดพบแพทย์ ที่สามารถแจ้งเตือนและรับส่งข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วยได้อย่างมั่นใจ
  • เป็นช่องทางในการสื่อสารระหว่างแพทย์และเจ้าหน้าที่ เพื่อให้มีข้อมูลในการรักษาผู้ป่วยที่ครบถ้วน และทำให้ปรึกษาระหว่างกันได้ง่าย อ้างอิงข้อมูลจากระบบของโรงพยาบาลได้ง่าย เช่น การนัดหมายผ่าตัดไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
  • สร้างโอกาสใหม่ในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยทางไกล โดยมั่นใจได้ว่าข้อมูลผู้ป่วยจะไม่หลุดรั่วออกไปภายนอก และยังคงสามารถสื่อสารรับส่งข้อมูลทางแชทต่อในภายหลังได้ และมีช่องทางในการพูดคุยกับญาติของผู้ป่วยหรือผู้ดูแลผู้ป่วยสูงวัยได้ด้วย
  • ให้บริการผู้ป่วยภายในผ่านทางระบบ Mobile Application ได้ ทำให้การสื่อสารต่างๆ เป็นไปได้อย่างง่ายดาย เข้าถึงบริการต่างๆ ของโรงพยาบาลด้วยตนเองได้ง่าย และสอบถามข้อมูลหรือรายละเอียดต่างๆ ได้ ลดงานของเจ้าหน้าที่พยาบาลลง
  • แจ้งเตือนผู้ป่วยให้รับประทานยาผ่าน Notification ได้
  • เป็นช่องทางในการเรียกรถพยาบาลได้ พร้อมทั้งยังส่งข้อมูลของผู้ป่วยและภาพถ่ายได้อีกด้วย

ปรับช่องทางการสื่อสารกับภาครัฐให้ง่ายดายและสะดวกสบาย ติดตามผลการสื่อสารได้

สำหรับภาครัฐนั้น การปรับช่องทางการสื่อสารมาเป็นรูปแบบ Digital นี้จะช่วยให้การปฏิบัติงานต่างๆ เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยข้อมูลที่ครบถ้วนและการติดตามวัดผลได้อย่างรวดเร็ว จากกรณีการนำไปใช้งานที่หลากหลายดังนี้

  • ระบบร้องเรียนปัญหาหรือรับความคิดเห็นต่างๆ ที่สามารถยืนยันตัวตนผู้ร้องเรียนได้ พร้อมข้อมูลประกอบการร้องเรียนที่ครบถ้วนตามระเบียบของหน่วยงาน ในขณะที่ผู้ร้องเรียนก็สามารถติดตามผลการร้องเรียนได้ง่ายด้วยเช่นกัน
  • เป็นช่องทางในการเข้าถึงบริการต่างๆ ของหน่วยงานภาครัฐที่เปิดให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย และสามารถต่อยอดให้ง่ายขึ้นด้วยการนำ Chatbot มาปรับใช้และผสานเข้ากับ Application ของบริการต่างๆ
  • เป็นช่องทางในการประสานงานระหว่างเจ้าหน้าที่ภาครัฐด้วยกัน ที่มั่นใจได้ว่าข้อมูลสำคัญจะไม่รั่วไหลสู่ภายนอกหรือสูญหายไปตามกาลเวลา
  • เป็นช่องทางการกระจายข่าวสารและสิทธิ์ต่างๆ สู่ภาคประชาชน ที่สามารถสอบถามข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติมได้ง่าย และหน่วยงานภาครัฐสามารถเก็บข้อมูลการสอบถามเหล่านั้นไปใช้วิเคราะห์พัฒนา Chatbot ให้มีความชาญฉลาดมากยิ่งขึ้นได้

ผสานประสบการณ์ O2O ให้กับร้านค้าปลีกผ่านช่องทางการสื่อสารที่ทรงพลัง

Credit: Alcatel-Lucent Enterprise

สุดท้าย สำหรับธุรกิจค้าปลีกนั้น การนำ Collaboration Platform ไปใช้งานนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายให้มากขึ้น และช่วยให้การบริหารจัดการภายในร้านค้าเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนี้

  • ระบบให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าก่อนตัดสินใจซื้อโดยผู้เชี่ยวชาญประจำสินค้าหรือแบรนด์นั้นๆ ที่สามารถพูดคุยได้ทั้งผ่านทางแชทหรือวิดีโอ ทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจมากขึ้น สามารถซื้อสินค้าออนไลน์ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
  • ระบบสั่งซื้อสินค้าและชำระเงินผ่านช่องแชท พร้อมทั้งติดตาม Feedback และให้คะแนนรีวิวได้ในตัว
  • ระบบเสริมสำหรับ E-Commerce เพื่อให้ลูกค้าสามารถพูดคุยสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ของร้านค้าได้ง่ายขึ้น และให้บริการต่างๆ หรือส่งข้อมูลเพื่อเคลมสินค้าได้ง่ายขึ้น
  • ผสานระบบ CRM เข้ากับระบบ Collaboration Platform เพื่อให้การพูดคุยกับลูกค้านั้นเป็นไปอย่างแม่นยำด้วยข้อมูลแวดล้อมของลูกค้ารายนั้นๆ
  • ระบบแจ้งเตือนการติดตามสินค้าที่สั่งซื้อ โดยมี Notification และข้อมูลต่างๆ อย่างชัดเจน
  • ระบบประสานงานของเจ้าหน้าที่ในร้านค้า เพื่อให้การเตรียมร้านค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ระบบประสานงานของเจ้าหน้าที่ในร้านค้ากับ Supplier เพื่อให้การพูดคุยสื่อสารทั้งหมดเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว มีบันทึกเก็บย้อนหลัง ทำการสั่งซื้อหรือเคลมสินค้าได้ทันทีผ่านระบบ Collaboration Platform

Alcatel-Lucent Enterprise พร้อมสนับสนุนทุกองค์กรในการทำ Digital Transformation ไทย

แน่นอนว่ากรณีศึกษาทั้งหมดข้างต้นนี้ก็เกิดขึ้นจากการที่ Alcatel-Lucent Enterprise ได้เข้าไปมีบทบาทในหลากหลายโครงการทั่วโลกและนำมาพูดคุยกันในครั้งนี้ คุณสาธิตได้เล่าถึง 2 โซลูชันหลักของ Alcatel-Lucent Enterprise ที่มีบทบาทเป็นอย่างมากในการทำ Digital Transformation ได้แก่

1. Rainbow – Cloud-based Unified Communications as a Service

Credit: Alcatel-Lucent Enterprise

Rainbow นี้เป็นระบบ Collaboration Application บน Cloud ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจองค์กรโดยเฉพาะที่มีความสามารถทั้งการทำ Contact Management, Presence, Chat, Audio Call, Video Call, Screen Sharing และ File Sharing โดย Rainbow นี้สามารถนำไปปรับแต่งใช้งานได้อย่างอิสระ ในขณะที่ระบบเองนั้นก็มีความมั่นคงทนทานและความมั่นคงปลอดภัยในตัว

จุดเด่นที่สำคัญมากของ Rainbow นี้ประการแรกก็คือแนวทางการคิด License ที่ยืดหยุ่นมาก โดย Rainbow นี้สามารถเปิดให้มีผู้ใช้งานภายนอกเข้ามาทำการติดต่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ภายในองค์กรได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทำให้การนำไปใช้เพื่อให้บริการด้านการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าหรือ Supplier นั้นเกิดขึ้นได้จริง

Credit: Alcatel-Lucent Enterprise

อีกประการหนึ่งนั้นก็คือรูปแบบการติดตั้งใช้งานที่มีความยืดหยุ่นเป็นอย่างมาก โดยธุรกิจองค์กรสามารถเลือกใช้งาน Application ของ Rainbow โดยตรงก็ได้ หรือจะทำ White Labeling เปลี่ยน Application ของ Rainbow ให้เป็นขององค์กรตนเองก็ได้ หรือจะนำแค่ API ของ Rainbow ไปใช้เชื่อมต่อใน Application อื่นของธุรกิจองค์กรก็ได้ หรือจะให้ทีมงานของ Alcatel-Lucent Enterprise พัฒนา Application ให้ทั้งหมดเลยก็ได้เช่นกัน

ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถศึกษาข้อมูลได้ที่ https://www.al-enterprise.com/en/products/platforms/rainbow

2. Enterprise Networking

Credit: Alcatel-Lucent Enterprise

อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่จะขาดไปไม่ได้เลยนั้นก็คือระบบเครือข่ายที่ถือเป็นเทคโนโลยีหัวใจสำคัญของ Alcatel-Lucent Enterprise มาอย่างยาวนาน โดนคุณสาธิตได้เล่าถึงทิศทางที่น่าสนใจของ Alcatel-Lucent Enterprise ว่านอกจากอุปกรณ์เครือข่ายสำหรับใช้งานทั่วไปในองค์กรแล้ว ก็ยังมีผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Hardened Switch ที่ถูกออกแบบมาให้ทนทานเพื่อรองรับการใช้งานในสภาวะแวดล้อมต่างๆ กันได้ ทั้งภายนอกอาคาร และการใช้งานภายในพื้นที่โรงงาน เพื่อช่วยให้โครงการทางด้าน Internet of Things หรือ IoT นั้นมีระบบเครือข่ายที่ทนทานคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถศึกษาข้อมูลได้ที่ https://www.al-enterprise.com/en/products/network

ประวัติของคุณสาธิต พันธ์ไพศาล

ปัจจุบันคุณสาธิต พันธ์ไพศาลรับผิดชอบงานด้านการบริหารจัดการทั่วไปใน Alcatel-Lucent Enterprise ประจำประเทศไทย และมีบทบาทหลักในการผลักดันตลาดทางด้าน IP Communications และ Network Solutions สำหรับธุรกิจองค์กรให้แก่ Alcatel-Lucent Enterprise ในประเทศไทย

คุณสาธิตมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมทางด้าน ICT เป็นเวลายาวนานเกือบ 30 ปีทั้งภายในองค์กรระดับประเทศและระดับนานาชาติภายใต้บทบาทที่หลากหลาย ตั้งแต่การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบเครือข่าย, ที่ปรึกษาระบบ IT, ผู้บริหารโครงการ, ผู้พัฒนาธุรกิจ และผู้ดูแลช่องทางการขายสินค้า

คุณสาธิตจบการศึกษาปริญญาโททางด้าน Computer and Engineering Managment จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และได้รับเกียรตินิยมทางด้านวิศวกรรมจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

เกี่ยวกับ Alcatel Lucent Enterprise

ALE ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับชุมชนของคุณได้ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีที่ทำงานได้เป็นอย่างดี ทั้งสำหรับผู้คน, สาธารณชน และองค์กรของคุณ ด้วยการเป็นธุรกิจที่ครอบคลุมทั่วโลกและให้ความสำคัญกับความต้องการที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เราได้นำเสนอระบบเครือข่ายและการสื่อสารที่มั่นคงปลอดภัยซึ่งออกแบบมาเพื่อให้นำไปใช้เพื่อให้บริการสื่อสารโต้ตอบภายในชุมชนโดยเฉพาะ ทำให้ประชาชนสามารถสื่อสารกันได้อย่างปลอดภัย และโต้ตอบกันได้ด้วยประสบการณ์ที่ดี ในขณะที่เจ้าหน้าที่ก็สามารถเชื่อมต่อและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้บริการสาธารณะได้อย่างมั่นคง รวมถึงตัวแทนเจ้าหน้าที่ภาครัฐเองก็สามารถเชื่อมต่อเพื่อริเริ่มนวัตกรรมใหม่ๆ, สื่อสารทำงานระหว่างกันอย่างมีประสิทธิภาพ และควบคุมค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี เป้าหมายของเราคือการเชื่อมต่อทุกสิ่งอย่างเข้าด้วยกันเพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเทคโนโลยีที่ลูกค้าของเราต้องการ ทั้งภายในที่ทำงาน, บน Cloud หรือทั้งสองแห่งรวมกัน เราสามารถนำเสนอระบบเครือข่ายและการสื่อสารที่ใช้งานได้จริงสำหรับบุคลากร, กระบวนการ และลูกค้าของคุณ

ด้วยนวัตกรรมและความทุ่มเทเพื่อให้ลูกค้าประสบความสำเร็จมาตั้งแต่อดีตนั้น ก็ได้ทำให้ ALE ภายใต้แบรนด์ Alcatel-Lucent Enterprise นี้กลายเป็นผู้ให้บริการหลักทางด้านระบบเครือข่าย, การสื่อสาร และบริการสำหรับองค์กรให้แก่ลูกค้าทั่วโลกกว่า 830,000 ราย ALE นั้นมีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก และให้ความสำคัญกับทุกภูมิภาคด้วยพนักงานมากกว่า 2,200 คนและพันธมิตรมากกว่า 2,900 รายใน 50 ประเทศทั่วโลก ที่ผ่านมา ALE ประสบความสำเร็จได้จากการช่วยให้องค์กรของคุณสามารถทำ Digital Transformation ในรูปแบบที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณได้ ด้วยการผสานรวมระบบ, ติดตั้งระบบวิเคราะห์ข้อมูล และนำเทคโนโลยี Mobile และ Internet of Things เข้ามาช่วยสร้างนวัตกรรมโมเดลทางธุรกิจรูปแบบใหม่ ซึ่งจะกลายเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับนวัตกรรมที่จะมาต่อยอดในอนาคตเพิ่มเติม https://www.al-enterprise.com

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

เอชพี เปิดตัวพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ AI PCs [PR]

เอชพี เปิดตัวพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ AI PCs ขับเคลื่อน ด้วยขุมพลัง AI ยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน การสร้างสรรค์ และประสบการณ์ของผู้ใช้ในสภาพแวดล้อม การทำงานแบบไฮบริด

Microsoft ยกเลิกการใช้ 1024-bit RSA Key บน Windows แล้ว

Microsoft ประกาศยกเลิกการใช้กุญแจเข้ารหัส 1024-bit RSA Key บน Windows แล้ว เปลี่ยนไปใช้กุญแจเข้ารหัสความยาว 2048-bit เป็นอย่างน้อย