ปกป้องข้อมูลตาม 3-2-1 Backup Rule ด้วยโซลูชัน Veeam Backup โดย CSL

นับวันข้อมูลดิจิทัลยิ่งทวีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจมากขึ้นเรื่อยๆ การปกป้องข้อมูลสำคัญขององค์กรจากเหตุภัยพิบัติที่ไม่คาดฝันและการโจมตีไซเบอร์ เช่น Ransomware กลายเป็นมาตรการสำคัญที่ทุกคนองค์กรต้องปฏิบัติตาม CSL จึงได้นำเสนอโซลูชัน Veeam Backup ที่ครอบคลุมทั้งการใช้งานแบบ On-premises และบน Cloud ตามกฎ 3-2-1 Backup Rule เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลสำคัญขององค์กรจะพร้อมใช้งานตลอดเวลา

การสำรองข้อมูลแบบ On-premises อย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป

ข้อมูลถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับองค์กรที่กำลังพลิกโฉมธุรกิจด้วยการทำ Digital Transformation จากการเก็บข้อมูลในรูปของการจดบันทึกลงบนเอกสาร ก็ถูกเปลี่ยนแปลงไปเป็นการจดบันทึกลงบนสื่อดิจิทัลเพื่อให้สามารถนำไปจัดเก็บ ประมวลผล และนำไปวิเคราะห์เพื่อใช้ประโยชน์เชิงธุรกิจได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ย่ิงข้อมูลมีความสำคัญต่อธุรกิจมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงต่อการถูกแฮ็กเกอร์โจมตีหรือข้อมูลสูญหายยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเท่านั้น

เพื่อลดความเสี่ยงของการถูกโจมตีไซเบอร์หรืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ทำงานผิดปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุให้ข้อมูลสูญหาย การสำรองข้อมูลสม่ำเสมอจึงเป็นมาตรการที่เกือบทุกองค์กรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่เกิดเหตุภัยพิบัติร้ายแรง เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือเหตุจลาจล อาจทำให้องค์กรต้องสูญเสียทั้งข้อมูลหลักและข้อมูลสำรองที่จัดเก็บไว้ในไซต์เดียวกันทั้งหมดไปได้ นอกจากนี้ การปรากฎตัวของ Ransomware ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ทำให้การสำรองข้อมูลแบบ On-premises (Local Backup) อย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไปเช่นกัน เนื่องจาก Ransomware บางชนิดสามารถแพร่กระจายผ่านระบบเครือข่าย ส่งผลให้ข้อมูลที่เก็บอยู่ในเครื่องผู้ใช้และเครื่องเซิร์ฟเวอร์ (รวมไปถึงเครื่องที่ใช้สำรองข้อมูล) ทั้งหมดตกอยู่ในความเสี่ยงทันที

แนะนำกฎ 3-2-1 Backup Rule เพื่อการสำรองข้อมูลอย่างครอบคลุม

ด้วยเหตุนี้จึงมีการคิดค้นกฎการสำรองข้อมูลแบบ 3-2-1 ขึ้นมาเพื่อเป็นแนวทางการวางแผนกลยุทธ์การสำรองข้อมูลสำหรับองค์กรทุกระดับ โดยแนะนำให้เก็บข้อมูลสำคัญเอาไว้ 3 ชุดเป็นอย่างน้อย ได้แก่ ข้อมูลต้นฉบับ 1 ชุดและข้อมูลสำรองอีก 2 ชุด โดยข้อมูลสำรอง 2 ชุดนี้ควรเก็บไว้ในอุปกรณ์ต่างเทคโนโลยีกัน เช่น HDD, Tape หรือ Cloud สุดท้าย ข้อมูลสำรองชุดหนึ่งควรเก็บภายนอกองค์กร (Off-site) เพื่อให้มั่นใจว่าถ้าอุปกรณ์ที่จัดเก็บข้อมูลมีปัญหา หรือเกิดเหตุภัยพิบัติทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสำนักงานได้ ยังคงมีข้อมูลสำรองที่ปลอดภัยเหลืออีก 1 ชุดแน่นอน

จากกฎการสำรองข้อมูลแบบ 3-2-1 นี้ ทำให้นำไปสู่การทำระบบ Local Backup (On-site) และ Remote Backup (Off-site) นั่นเอง

Credit: Veeam

CSL ให้บริการโซลูชัน Veeam Backup ครอบคลุม 3-2-1 Backup Rule

CSL เป็นผู้ให้บริการ Data Center, ระบบ Cloud และ ICT Services แบบครบวงจร ที่มีประสบการณ์มานานกว่า 25 ปี จับมือกับ Veeam ผู้ให้บริการโซลูชัน Backup และ Disaster Recovery ชั้นนำ เพื่อให้บริการโซลูชันการสำรองข้อมูลสำคัญขององค์กรตามกฎ 3-2-1 Backup Rule ช่วยให้ลูกค้าสามารถทำการสำรองข้อมูลทั้งจาก Physical Server และ VM ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการอบรมและได้รับการรับรองจาก Veeam รวมไปถึงมีประสบการณ์สูงจากการสำรองข้อมูลภายใน Data Center ของ CSL เอง

CSL พร้อมให้บริการโซลูชัน Veeam Backup ทั้งแบบ On-site และ Off-site ครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การวางกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับความต้องการเชิงธุรกิจ การออกแบบและติดตั้งระบบสำรองและกู้คืนข้อมูล พร้อมการทดสอบใช้งานได้จริง ไปจนถึงการสนับสนุนหลังการขาย สามารถกำหนดช่วงเวลาในการสำรองข้อมูลได้ทั้งแบบทุกชั่วโมง ทุกวัน หรือทุกเดือน และเมื่อต้องการกู้คืนข้อมูลกลับมาก็สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ของ CSL ให้จัดเตรียมข้อมูลที่สำรองไว้ให้พร้อมสำหรับการกู้คืนได้ทันที นอกจากนี้ CSL ยังมีบริการ Managed Service ที่สนับสนุนโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญให้ลูกค้าอุ่นใจตลอดการใช้บริการอีกด้วย

สำรองข้อมูลบน Cloud ทางเลือกใหม่ของการทำ Remote Backup

แม้ว่าการสำรองข้อมูลลงระบบ Tape แล้วนำไปจัดเก็บภายนอกองค์กร (Off-site) จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องถูก Ransomware โจมตีทั้งเครือข่ายหรือเหตุภัยพิบัติรุนแรง เช่น อัคคีภัยหรืออุทกภัย ที่ทำให้ต้องสูญเสียข้อมูลที่เก็บไว้ในไซต์ทั้งหมดขององค์กรไป แต่การสำรองข้อมูลลงระบบ Tape ก็มีข้อจำกัดตรงที่การกู้คืนข้อมูลทำได้ช้าและอาจเกิดปัญหาขณะกู้คืนจนทำให้สูญเสียไฟล์ข้อมูลไปตลอดกาล รวมไปถึงการขยายระบบเพื่อสำรองข้อมูลที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงและบริหารจัดการลำบาก

ด้วยเหตุนี้ CSL ร่วมกับ Veeam จึงได้นำเสนอทางเลือกใหม่สำหรับทำ Remote Backup (Off-site) คือ การสำรองข้อมูลบน Cloud ผ่านบริการ Backup as a Service ซึ่งมีข้อดี คือ ไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์สำหรับสำรองข้อมูล สามารถขยายพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในอนาคตได้อย่างอิสระ ลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งข้อมูลที่สำรองจากสำนักงานใหญ่และสาขาไปจัดเก็บภายนอกสถานที่ ที่สำคัญคือสามารถสำรองข้อมูลจากที่ไหนก็ได้ไปเก็บไว้ในสถานทีเดียว คือ ระบบ Cloud ของ CSL ซึ่งผ่านการรับประกันคุณภาพและความมั่นคงปลอดภัยตามมาตรฐานสำคัญระดับสากลถึง 7 รายการ ได้แก่ ISO/IEC 20000-1, ISO/IEC 27001, ISO 22301, ISO 5001, ISO 9001, ISO 14001 และ CSA-STAR ทั้งยังมี Service Availability สูงถึง 99.99% ทำให้มั่นใจว่าข้อมูลขององค์กรจะได้รับการปกป้องและพร้อมให้ใช้งานได้ตลอดเวลา

ปัจจุบันนี้ CSL ให้บริการ Backup as a Service ผ่านทาง Data Center 2 แห่ง คือที่อาคาร CW Tower และ The Cloud โดยรองรับการสำรองข้อมูลผ่านเครือข่ายบรอดแบนด์และ MPLS และมีแผนที่จะขยายบริการไปยัง Data Center ทั้ง 9 แห่งทั่วประเทศในอนาคต

ล่าสุด CSL บริษัทในกลุ่ม AIS ได้รับรางวัล Thailand Data Center Competitive Strategy Innovation & Leadership Award จากเวที 2020 Frost & Sullivan Thailand Excellence Awards ซึ่งจัดโดยบริษัท ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน องค์กรให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลก ตอกย้ำความสำเร็จด้านความเป็นผู้นำนวัตกรรมทางด้าน Data Center ของไทย

ผู้ที่สนใจโซลูชัน Veeam Backup ทั้งแบบ On-premises หรือ Cloud สามารถติดต่อทีมงาน CSL ได้ที่อีเมล csl-presales@ais.co.th หรือโทร 02-263-8185

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

Salesforce เปิดตัว Agentforce ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยี AI มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ [PR]

Agentforce เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้คนและ AI ร่วมมือกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมความสำเร็จให้ลูกค้า โดยมอบระบบเจ้าหน้าที่อัตโนมัติ (Autonomous Agents) ให้กับองค์กรต่าง ๆ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถ ประสิทธิภาพ และความพึงพอใจในการให้บริการ การขาย การตลาด …

Intel ประกาศได้งานผลิตชิป AI ให้ AWS พร้อมชะลอการลงทุนในเยอรมันและโปแลนด์

หลังจากการประกาศงบที่ไม่อภิรมย์ต่อนักลงทุนเท่าไหร่นักล่าสุด Intel ก็คว้าสัญญาการผลิตชิป AI จาก AWS ในกระบวนการผลิตแบบ 18A ได้รวมถึงชิปปรับแต่งพิเศษ Xeon 6 ด้วย