David Hughes ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Silver Peak ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชัน Software-defined WAN ชั้นนำของโลก ออกมาแสดงความเห็นถึงแนวโน้มของเทคโนโลยีเครือข่าย WAN ต่อธุรกิจในปี 2018 ซึ่งสามารถสรุปได้ 9 ข้อ ดังต่อไปนี้
1. บริษัทขนาดใหญ่หันมาใช้สถาปัตยกรรม WAN แบบ Cloud First
ปัจจุบันนี้ ทราฟฟิก WAN ส่วนใหญ่ของสำนักงานสาขามักจะวิ่งไปยังระบบ Cloud เนื่องจากบริษัทหันไปใช้บริการ Software-as-a-Service หรือรันแอปพลิเคชันบน Private Cloud มากขึ้น การใช้เทคโนโลยี WAN แบบดั้งเดิมที่ถูกออกแบบมาสำหรับการรับส่งข้อมูลระหว่างสำนักงานใหญ่และสำนักงานสาขานั้น ทำให้ไม่สามารถแสดงประสิทธิภาพการเข้าถึงระบบ Cloud ได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น ส่งผลให้ในปี 2018 เราจะเริ่มเห็นหลายบริษัทเริ่มนำ SD-WAN ที่เน้นสถาปัตยกรรมแบบ Cloud First เข้ามาใช้งานกันมากขึ้นกว่าเดิม
2. WAN Edge รูปแบบใหม่จะถูกนำมาใช้แทน Router แบบเดิมๆ ในสำนักงานสาขา
อุปกรณ์ Router แบบเดิมๆ จะไม่ใช่ตัวเลือกแรกในการวางระบบของสำนักงานสาขาอีกต่อไป การลงไปคอนฟิก Router ผ่านหน้า CLI ทีละเครื่องๆ กลายเป็นการเพิ่มภาระและความยุ่งยากให้แก่ผู้ดูแลระบบ แต่ด้วยการมาถึงของเทคโนโลยี SD-WAN ซึ่งเป็นอุปกรณ์ WAN Edge นวัตกรรมใหม่ที่สามารถบริหารจัดการจากศูนย์กลางและตั้งค่าให้เหมาะกับการใช้งานแอปพลิเคชันประเภทต่างๆ ได้ ทำให้ Router เหล่านั้นจะถูกแทนที่ในไม่ช้านี้
3. การซื้อ Switch หรือ Router มาใช้ในระบบเครือข่ายเริ่มลดน้อยลง
การแทนที่ Switch และ Router แบบเดิมๆ ไม่ได้จำกัดเฉพาะที่การวางระบบในสำนักงานสาขาเพียงอย่างเดียว ในปี 2018 ที่จะถึงนี้ เราจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของตลาด Data Center หลายองค์กรจะเริ่มนำนวัตกรรมเครือข่ายแบบใหม่ๆ นอกเหนือจากการใช้ Switch หรือ Router แบบเดิมๆ มาใช้มากยิ่งขึ้น เกิดการพลิกโฉมของสถาปัตยกรรมโครงข่าย
4. การใช้ WAN Edge ช่วยเพิ่มความมั่นคงปลอดภัยให้แก่โครงข่าย
เป็นเวลาหลายปีที่องค์กรถูกบังคับให้ต้องเลือกระหว่างการติดตั้ง Firewall ที่ทุกสาขา หรือบีบให้สาขามาออกอินเทอร์เน็ตโดยผ่าน Next-generation Firewall ที่สำนักงานใหญ่ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงปลอดภัย แต่ในปี 2018 อุปกรณ์ WAN Edge จะช่วยให้ผู้ดูแลระบบเลือกได้ว่า จะให้ทราฟฟิกประเภทใดออกอินเทอร์เน็ตที่สาขาผ่าน Cloud-based Firewall Service (หรือ Web Service Gateway) และทราฟฟิกใดควรผ่านมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยแบบครบวงจรที่สำนักงานใหญ่ นอกจากนี้ โซลูชัน SD-WAN ระดับใช้งานในองค์กรยังช่วยทำ Micro-segmentation ทราฟฟิกบนเครือข่าย WAN เพื่อจำกัดผลกระทบเมื่อเกิดเหตุ Data Breach ได้อีกด้วย
5. Machine Learning ช่วยให้ระบบเครือข่ายขับเคลื่อนด้วยตัวมันเองได้
Machine Learning จะเข้ามาเติมเต็มการทำ Automation และช่วยพลิกโฉมระบบเครือข่ายให้ก้าวข้ามการตั้งค่าผ่าน CLI ทีละเครื่อง ไปเป็นการบริหารจัดการจากศูนย์กลาง เราจะได้เห็นสิ่งเหล่านี้จากเทคนิคการจำแนกประเภทของแอปพลิเคชัน การเรียนรู้และปรับตัวของฟังก์ชันการทำงานบนเครือข่าย และการทำ Data Analytics ซึ่งช่วยสกัดข้อมูลระดับ Terabytes ให้กลายเป็นข้อมูลเชิงลึกที่ผู้ดูแลระบบนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้
6. การบริหารจัดการผ่านระบบ Cloud กลายเป็นฟีเจอร์พื้นฐาน
หลายปีที่ผ่านมา จำนวนอุปกรณ์ที่บริหารจัดการผ่านระบบ Cloud มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ระบบ Wi-Fi มาสู่ระบบ Switch จนมาถึงอุปกรณ์ WAN Edge การบริหารจัดการผ่านศูนย์กลางบนระบบ Cloud ช่วยให้การเริ่มวางระบบทำได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม และเพิ่มขีดความสามารถในการบริการจัดการได้ตลอดเวลา ที่สำคัญคือ ขุมพลังของระบบ Cloud ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถทำ Data Analytics และนำเทคนิค Machine Learning มาใช้เพื่อสนับสนุนการทำงานของตนได้
7. มี Virtual Network Function (VNF) ระบบเดียวดีกว่ามี 4 ระบบ
ปี 2018 เราจะเห็นผู้ให้บริการเริ่มออก Universal CPE หรืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์แบบ x86 ที่รวม Virtual Network Functions จากหลายๆ ผู้ผลิตไว้ในอุปกรณ์เดียวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อ VNF รองรับฟีเจอร์ที่หลากหลายมากขึ้น ส่งผลให้ยิ่งจำนวน VNF มีน้อยเท่าไหร่ ยิ่งช่วยให้บริหารจัดการได้ง่ายเท่านั้น ที่สำคัญคือ VNF ที่ทำหน้าที่เป็น SD-WAN จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการวางระบบสำหรับสำนักงานสาขา นอกจากนี้ Universal CPE ที่ดีจะถูกตัดสินโดยความสามารถในการเลือกใส่เทคโนโลยีที่องค์กรต้องการเข้าไปโดยไม่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์
8. การวางระบบ SD-WAN มีตัวเลือกมากขึ้น ตั้งแต่แบบทำเองจนถึงผู้ให้บริการทำให้อย่างครบวงจร
การวางระบบ SD-WAN ของหลายๆ องค์กรในช่วงแรกนั้น จะเป็นการดำเนินการด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้ง ตั้งค่า หรือบริหารจัดการ แต่ปัจจุบันเราจะเริ่มเห็นองค์กรเรียกใช้ Managed Service Provider เข้ามาช่วยจัดการอย่างครบวงจรมากขึ้น หรือองค์กรบางแห่งอาจต้องการความช่วยเหลือเฉพาะตอนติดตั้ง แต่หลังจากนั้นก็บริหารจัดการด้วยตนเอง เหล่านี้ ก่อให้เกิดตลาดที่ SI และผู้ให้บริการพร้อมนำเสนอทางเลือกที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกรูปแบบ
9. ธุรกิจ SD-WAN พร้อมเสนอขายหุ้น IPO
เมื่อเทคโนโลยี SD-WAN เริ่มแพร่หลาย เราอาจจะได้เห็นผู้ให้บริการโซลูชัน SD-WAN รายใหญ่เตรียมเสนอขายหุ้น IPO เพื่อขยายธุรกิจหรือหาเงินลงทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ต่อไป สำหรับผู้ให้บริการ SD-WAN รายย่อยเอง ก็อาจถูกบริษัทใหญ่เข้าควบรวมกิจการเพื่อนำเทคโนโลยีมาต่อยอดบริการของตน ส่วนบริษัทที่ถูกรวมกิจการในปี 2017 เราคงจะได้เห็นว่าเทคโนโลยีใดของบริษัทนั้นที่จะถูกนำไปพัฒนาต่อในบริษัทที่ซื้อกิจการไป และเทคโนโลยีใดที่จะถูกโละทิ้ง
สำหรับผู้ที่สนใจเทคโนโลยี SD-WAN สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://www.techtalkthai.com/silver-peak-sd-wan-interview/