Black Hat Asia 2023

ก้าวถัดไปของ 5G กับภาคธุรกิจ: ส่อง 4 องค์ประกอบภายใต้ “AIS 5G NEXTGen for Business”

เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ต้องต่อสู้และอดทนสำหรับภาคธุรกิจ ที่มีความท้าทายทั้งเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจ พลังงาน หรือสภาพภูมิอากาศ หากแต่เรื่องของเทคโนโลยีกับภาคอุตสาหกรรมก็จำต้องมีวิวัฒนาการกันไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะมาเปลี่ยนโลกหรือแก้ปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้น และทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์นั้นดีขึ้นกว่าที่เป็นมา

ในเรื่องของเทคโนโลยี 5G เองก็เช่นกัน ที่ทาง AIS Business ได้วางการเดินทาง (Journey) กำหนดกลยุทธ์และเสริมแกร่งทั้งเรื่องเทคโนโลยีและบุคลากรให้มีความพร้อมสนับสนุนความต้องการของภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด AIS Business ได้เปิดตัว “AIS 5G NEXTGen for Business” ที่ต้องการประกาศให้โลกรู้ว่า ตอนนี้ AIS Business มีความพร้อมที่จะก้าวไปสู่ระดับถัดไปที่จะสนับสนุนโครงข่าย 5G กับภาคธุรกิจได้อย่างหลากหลายมากขึ้น พร้อมทั้งเผย 4 องค์ประกอบที่มาผสมผสานกันเป็น Ecosystem ที่จะทำให้องค์กรสามารถทำ Digital Transformation ด้วยเครือข่าย 5G ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 4 องค์ประกอบที่กล่าวมานั้นคืออะไร ติดตามได้ในบทความนี้

การเดินทางของ AIS Business กับ 5G ในภาคธุรกิจ

กว่าจะมาถึงจุดที่ AIS สามารถให้บริการสัญญาณเครือข่าย 5G ด้วยจำนวนคลื่นความถี่มากที่สุดและสัญญาณดีที่สุดได้นั้น เรียกได้ว่าต้องมีวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ในการวางรากฐาน และจัดการโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ต่าง ๆ ทั้งเรื่องเสาสัญญาณ ตัวรับส่งคลื่นความถี่ และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ได้ผนวกรวมกันเรื่อยมาจนทำให้เกิดเป็นโครงข่าย 5G ที่มีเสถียรภาพและครอบคลุมทั่วประเทศได้ในทุกวันนี้

หลังจากเตรียมความพร้อม ทดสอบ ทดลอง 5G ร่วมกับภาครัฐและการศึกษาในพื้นที่ Sandbox ก่อนการประมูลคลื่นความถี่  ปี 2020 AIS จึงได้คว้าคลื่นความถี่ที่มากที่สุด พร้อมวางรากฐานเครือข่าย 5G อย่างแข็งแกร่ง เป็นเสมือนปฐมบทที่ AIS Business ได้เริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ โดยมุ่งหวังต้องการผลักดันให้ธุรกิจต่าง ๆ ภายในประเทศไทยได้ใช้งานเทคโนโลยี 5G ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้องค์กรต่าง ๆ สามารถทำ Digital Transformation ได้อย่างรวดเร็วและทันเวลา มีศักยภาพการแข่งขันในท้องตลาดทั้งระดับภูมิภาคและระดับโลก 

สิ่งนี้เองจึงทำให้ AIS Business ได้เริ่มลงทุนต่อยอดโครงสร้างพื้นฐาน เปิดตัวโซลูชัน 5G ที่หลากหลายรูปแบบ พร้อมกับสร้างความร่วมมือกับองค์กรผู้เชี่ยวชาญมากมายที่มาร่วมกันสร้างกรณีการใช้งาน (Use Case) เครือข่าย 5G ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้ 5G Ecosystem ของ AIS Business มีความแข็งแกร่งในทุก ๆ ด้าน และพร้อมที่จะตอบโจทย์ความต้องการใช้งานขององค์กรในหลากหลายอุตสาหกรรมได้อย่างดีที่สุด

จนกระทั่งช่วงปลายปี 2021 ที่ผ่านมา เราก็เริ่มได้เห็น Use Case ที่เป็นลักษณะเชิงพาณิชย์ (Commercialization) ของการใช้งาน 5G ในภาคธุรกิจกันจริง ๆ แล้ว ตัวอย่างเช่น ความร่วมมือกับกลุ่มผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (Thai Automation & Robotics Association : TARA) ที่เริ่มใช้งานโซลูชัน 5G Private Network ภายในโรงงานของ Yawata ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตเข้าใกล้ความเป็น Smart Manufacturing และ Thailand Industry 4.0 มากขึ้น อีกตัวอย่างหนึ่งคือโรงพยาบาล ViMUT ที่ทาง AIS Business ได้ให้บริการเครือข่าย 5G พร้อมโซลูชันบริหารจัดการแบบครบวงจร พร้อมเสริมประสบการณ์การพบแพทย์ระยะไกลผ่านแอปพลิเคชันหรือ Telemedicine ที่ยกระดับอุตสาหกรรม Healthcare ทำให้โรงพยาบาล ViMUT แห่งนี้กลายเป็น Smart Hospital ได้สำเร็จแล้ว

ก้าวถัดไปกับ 4 องค์ประกอบ เสริมสร้าง 5G Ecosystem ให้แข็งแกร่ง

หลังจากที่ AIS Business สามารถผลักดันให้ภาคธุรกิจเริ่มใช้งานโซลูชัน 5G ในเชิงพาณิชย์ได้สำเร็จแล้ว ก้าวถัดไปของ AIS Business ที่กำลังมุ่งเป้าคือ การขยายโอกาสใหม่ๆ ให้ลูกค้าสามารถการใช้โซลูชัน 5G ในวงกว้างมากยิ่งขึ้นเพื่อช่วยเร่งสนับสนุนให้องค์กรในหลากหลายอุตสาหกรรมสามารถพลิกโฉมได้ทันกับสถานการณ์โลก สิ่งนี้เองจึงเป็นที่มาของ 4 องค์ประกอบที่อยู่ภายใต้ “AIS 5G NEXTGen for Business” ที่เปรียบเสมือนส่วนผสมที่จะบ่มให้ 5G Ecosystem ของ AIS Business มีความแข็งแกร่งและมี Use Case ใช้งานจริงมากขึ้นกว่าเดิมแบบก้าวกระโดด โดย 4 องค์ประกอบดังกล่าวนั้นมีดังต่อไปนี้

1. AIS 5G Experience Center & Laboratory

ด้วยความที่ยังมีคนจำนวนมากในปัจจุบันอาจจะยังมองไม่เห็นภาพว่าจะสามารถนำเอาโซลูชัน 5G มาใช้งานในธุรกิจของตัวเองได้อย่างไร ครั้นจะลงทุนลองผิดลองถูกกันไปเรื่อย ๆ ก็อาจจะเสียงบประมาณไปโดยใช่เหตุแถมอาจจะไม่ได้โซลูชันที่ตอบโจทย์อีกด้วย 

AIS Business มองเห็นปัญหานี้ จึงได้ร่วมมือกับทาง depa เตรียมการเปิดศูนย์การเรียนรู้ “AIS 5G NEXTGen Center & Laboratory” ด้วยแนวคิดที่จะทำให้ศูนย์นี้เป็นแหล่งเรียนรู้ (Learning) เทคโนโลยี 5G เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ไอเดีย (Idealization) ใหม่ ๆ และทดลองนำเทคโนโลยี 5G ไปใช้จริง (Realization) ซึ่งพื้นที่แห่งนี้จะรับรองภาคธุรกิจให้สามารถเข้ามาพูดคุย เรียนรู้ และทดลองเชิงปฏิบัติการนำเอาโซลูชัน 5G มาใช้ในธุรกิจของตัวเองได้ เสมือนเป็นพื้นที่ที่ให้องค์กรเข้ามาร่วมเฟ้นหาไอเดีย จุดประกายความคิด ค้นหา Use Case ใหม่ ๆ ในการใช้งานโซลูชัน 5G ร่วมกันกับทาง AIS Business ซึ่งศูนย์ดังกล่าวนี้จะตั้งอยู่ที่ Thailand Digital Valley ภายในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) โดยมีแผนที่จะเปิดตัวภายในปี 2022 นี้

2. AIS 5G NEXTGen Platform

หลังจากที่องค์กรเริ่มเห็นภาพว่าจะสามารถประยุกต์ใช้งานโซลูชัน 5G ในธุรกิจตัวเองได้อย่างไรแล้ว ขั้นตอนถัดไปอันเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด นั่นคือ “การใช้งานจริง” ภายใต้เงื่อนไขและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ของแต่ละองค์กร ซึ่งหากเป็นแนวทางปฏิบัติแบบดั้งเดิม ก็อาจจะต้องใช้เวลาในการพูดคุยหารือ ตรวจสอบเงื่อนไขความต้องการของหน้างาน พร้อมกับออกแบบคัดสรรประกอบโซลูชันต่าง ๆ ก่อนนำไปปรับใช้ (Deploy) กันจริงได้  ขั้นตอนต่าง ๆ ทั้งหมดนี้ล้วนต้องใช้เวลาทั้งสิ้น 

แต่อย่างที่รู้กัน “เวลาเป็นสิ่งที่สำคัญ” เหตุนี้เอง AIS Business จึงได้เตรียม “5G NEXTGen Platform” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแรกของประเทศไทยที่เป็นลักษณะ One-Stop Platform รวบรวมโซลูชันทุกรูปแบบทั้ง 5G Network Orchrestrator, MEC, Edge, Cloud หรือว่า Application Ecosystem ไว้ในจุดเดียว เพื่อสนับสนุนให้บรรดาธุรกิจที่ต้องการใช้งานโซลูชัน 5G สามารถเริ่มต้นใช้งานจริง พลิกโฉมกลายเป็นธุรกิจดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วทันทีทันใด อีกทั้ง ด้วยความร่วมมือกับทาง Singtel ล่าสุดนั้นได้สนับสนุนให้สามารถให้บริการในระดับภูมิภาค (Regional) ได้อย่างไร้รอยต่อ (Seamless) สามารถต่อยอดกับ Marketplace ของทาง Singtel ได้ทันทีผ่านทาง 5G NEXTGen Platform ซึ่งจะเห็นได้ว่าการเริ่มต้นใช้งานโซลูชัน 5G ผ่านแพลตฟอร์มนี้สามารถลดต้นทุนและสามารถบริหารจัดการได้อย่างไร้รอยต่อโดยแท้จริง

ไม่ว่าองค์กรจะต้องการใช้งานแบบ Network Slicing หรือ Private Network ด้วยแบนด์วิธ (Bandwidth) สูง ความหน่วงต่ำ (Low Latency) เพียงใด ต้องการใช้บริการ MEC หรือ Cloud Provider ชั้นนำหรือแอปพลิเคชันอะไรบ้าง ทั้งหมดนี้สามารถเลือกใช้งานตามที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วผ่าน AIS 5G NEXTGen Platform ที่ AIS Business ให้บริการได้ทันที ที่สำคัญแพลตฟอร์มยังมีความสามารถในการปรับขนาด (Scalable) ที่ทำให้ธุรกิจเลือกใช้ขนาดเล็กในช่วงเริ่มต้น ทดลองกับปริมาณงาน (Workload) น้อย ๆ ก่อนได้ด้วย และเมื่อรู้สึกมั่นใจหรือพร้อมขยายการใช้งานโซลูชันต่าง ๆ ไปในวงกว้างขึ้น ก็สามารถปรับขนาดผ่านแพลตฟอร์มได้อย่างยืดหยุ่นและรวดเร็ว 

3. AIS 5G Digital Transformation

เมื่อโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลใหม่ หากธุรกิจต้องการที่จะก้าวข้ามต่อไปให้ทันกับวิวัฒนาการของเทคโนโลยี ก็จำเป็นจะต้องเตรียมการปรับใช้โซลูชันแบบใหม่ที่หลากหลาย เพื่อสนับสนุนในการปรับปรุงพลิกโฉมรูปแบบการทำธุรกิจขององค์กรได้รวดเร็วทันท่วงที ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมาก็ได้เห็นแล้วว่าการทำ “Digital Transformation” ให้สำเร็จนั้นจำต้องแข่งขันกับเวลาและงบประมาณทั้งสิ้น

AIS Business มีความพร้อมทั้งเรื่องโครงข่าย 5G อันชาญฉลาด มีพาร์ตเนอร์ภายใน Ecosystem รอบด้าน มีโครงสร้างพื้นฐานและแพลตฟอร์มที่พร้อมสนับสนุนความต้องการได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและทีมงานผู้เชี่ยวชาญมากมาย จึงเรียกได้ว่า AIS Business คือผู้ที่สามารถช่วยสนับสนุนให้องค์กร Transform ธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

ที่สำคัญ พาร์ตเนอร์ล่าสุดที่ทาง AIS Business เพิ่งลงนามไปเมื่อช่วงต้นเดือน มิ.ย. 2022 ที่ผ่านมานั้น คือ NCS ผู้เป็น System Integrator ชั้นนำระดับภูมิภาคและเป็นบริษัทลูกของ SingTel ยักษ์ใหญ่เทเลคอมแห่งสิงคโปร์ การได้พาร์ตเนอร์ระดับโลกอย่าง NCS นี้จะยิ่งเสริมแกร่งให้กับ 5G Ecosystem ของ AIS Business อย่างมหาศาล ทำให้สามารถส่งมอบโซลูชันที่ครบวงจรและหลากหลายได้มากขึ้นโดยไม่ว่าจะเป็นโซลูชันสำหรับการเริ่มต้นการทรานส์ฟอร์มธุรกิจไปจนถึงโซลูชันขนาดใหญ่อย่างการสร้าง Smart City หรือ Smart Airport ซึ่งทาง AIS Business และพาร์ตเนอร์มีความพร้อมสนับสนุนทุกความต้องการอย่างแน่นอน

4. AIS 5G Vertical Solutions

แน่นอนว่าแต่ละธุรกิจก็ย่อมมีรายละเอียดความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่แตกต่างกันไป ซึ่งนำโซลูชันเดียวกันไปปรับใช้ในอุตสาหกรรมที่มีความต่างกันอย่างมาก เช่น การใช้งานหุ่นยนต์ (Robot) ในธุรกิจค้าปลีก (Retail) กับธุรกิจการผลิต (Manufacturing) ที่ความต้องการหรือฟังก์ชันการใช้งานต่างกันอย่างเห็นได้ชัด การปรับแต่งรูปลักษณ์ภายนอกของหุ่นยนต์ให้เข้ากับบริบทของแต่ละอุตสาหกรรมจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ

เพราะเหตุนี้เอง AIS Business จึงมี “5G Vertical Solutions” พร้อมกับพาร์ตเนอร์ผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ Manufacturing, Transportation & Logistics, Property & Retails, Healthcare และ Agriculture ที่จะมาร่วมเจาะลึกความต้องการและปรับแต่ง (Customize) โซลูชันในแต่ละอุตสาหกรรม เพื่อให้สามารถใช้งานได้เฉพาะเจาะจงตามบริบทของแต่ละธุรกิจได้ดีขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

หากใครได้มีโอกาสไปงาน Thailand 5G Summit ที่ผ่านมาจะเห็นได้ชัดเจนว่า AIS Business มีพาร์ตเนอร์และโซลูชันในการทำ Smart Manufacturing มากมายและพร้อมใช้งานจริงแล้วด้วย รวมทั้ง ล่าสุดที่ทาง AIS ได้ผนึกกำลังกับทาง Siemens ผู้นำนวัตกรรมเทคโนโลยี Automation และ Digitalization สำหรับอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกยังได้เข้ามาเสริมความพร้อมการให้บริการโซลูชัน 5G สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตอีก ทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นว่า 5G Ecosystem ของ AIS Business มีความพร้อมที่จะตอบโจทย์ในอุตสาหกรรมการผลิตได้อย่างเต็มรูปแบบแล้ววันนี้

บทส่งท้าย

จากการเดินทางและวิวัฒนาการของ AIS กับโซลูชัน 5G พร้อมกับ 4 องค์ประกอบที่ได้เตรียมการไว้นั้น เห็นได้ชัดเจนว่าก้าวถัดไปของ AIS Business ที่จะช่วยสนับสนุนให้องค์กรธุรกิจสามารถทำ Digital Transformation ได้สำเร็จนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะไกลเกินฝันอีกต่อไป และก้าวนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะพาองค์กรก้าวข้ามผ่านวิกฤตต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลก พร้อมกับเดินหน้าสู่ตลาดระดับโลกได้อย่างยั่งยืนต่อไป

สำหรับองค์กรที่ต้องการรายละเอียดเกี่ยวกับ AIS 5G NEXTGen for Business เพิ่มเติม สามารถติดต่อทีมงาน AIS Business เพื่อพูดคุยถึงแนวทาง ผลิตภัณฑ์ หรือโซลูชันที่เหมาะสมกับธุรกิจของท่านได้ หรือเข้าเว็บไซต์ https://business.ais.co.th เพื่อชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทันที

AIS Business พาร์ทเนอร์ที่ช่วยตอบโจทย์ทุกเรื่อง ICT & Digital ที่คุณมั่นใจ

“Your Trusted Smart Digital Partner”

ปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ที่

Email: business@ais.co.th

Website: https://business.ais.co.th


About chatchai

Tech Writer แห่ง TechTalk Thai ที่สนใจในทุกนวัตกรรมและเทคโนโลยี

Check Also

พบ ‘HinataBot’ บอทเน็ตที่อาจสร้างการโจมตี DDoS ขนาด 3.3 Tbps ได้

พบมัลแวร์บอตเน็ตใหม่ HinataBot มุ่งเป้าโจมตี Realtek SDK, Huawei Router และ Hadoop YARN Server เพื่อรวมการโจมตีที่อาจสร้าง Distributed Denial of …

HPE เข้าซื้อกิจการ OpsRamp ผู้พัฒนาระบบ Infrastucture Monitoring

Hewlett Packard Enterprise Co. ประกาศเข้าซื้อกิจการ OpsRamp Inc. บริษัทสตาร์ทอัพผู้พัฒนาระบบ Infrastucture Monitoring