Microsoft Azure by Ingram Micro (Thailand)

NTT Communications สรุปเทรนด์ IT และบริการปี 2018 เตรียมเปิด AI รองรับภาษาไทย

ในงานแถลงข่าวของ NTT Communications ทางคุณ Manabu Kahara ประธานบริษัทแห่ง NTT Communications (Thailand) ได้มาสรุปแนวโน้มของเทคโนโลยีไทย และบริการใหม่ๆ จาก NTT Communications ที่จะนำเสนอในอนาคต พร้อมการเปิดเผยว่าจะมีการให้บริการ AI ที่ตอบสนองด้วยภาษาไทยได้ ทางทีมงาน TechTalkThai จึงขอสรุปเนื้อหาให้ทุกท่านได้อ่านกันดังต่อไปนี้ครับ

 

ไทยยังถือเป็นประเทศที่น่าลงทุนในภาพรวมธุรกิจ หากพิจารณาจาก GDP เป็นหลัก

คุณ Manabu Kahara ได้เริ่มด้วยการนำตัวเลข GDP ของไทยมาใช้เล่าถึงความน่าสนใจของประเทศไทย ที่ในอดีตนับแต่ปี 1980 มานั้นไทยเคยมี GDP ติดลบเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น อีกทั้งหากเทียบ GDP ต่อหัวของประชากรในกรุงเทพมหานครกับประชากรในแถบอมเริกาเหนือแล้ว ก็ยังถือว่าสูงกว่ามาก แต่ตัวเลขนี้เองก็มีประเด็นที่ต้องให้ความสนใจ เพราะหากเทียบ GDP ของประชากรในกรุงเทพมหานครกับภูมิภาคอื่นๆ ในไทยแล้ว ความเหลื่อมล้ำก็ยังมีสูงมากเป็นตัวเลขหลายเท่าเลยทีเดียว

ตัวเลขเหล่านี้ได้ชี้ให้เห็นว่าไทยจะต้องเริ่มปรับตัวไปสู่การเป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมซึ่งใช้แรงงานเป็นหลัก ไปสู่การเป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมที่ใช้ความรู้และเทคโนโลยีเป็นหลักในการดำเนินธุรกิจแทน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำดังกล่าวลง

อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจก็คือปริมาณประชากรในไทยที่จะมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2025 ที่คาดว่าจะมีประชากร 66.3 ล้านคน ลดเหลือเพียง 63.8 ล้านคนในปี 2040 และในขณะเดียวกันไทยเองก็กำลังมุ่งเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ ที่ในปี 2040 นั้นจะเหลือวัยทำงานที่อายุ 15-99 ปีเพียงแค่ 35.1 ล้านคนเท่านั้น ส่วนตัวอย่างประเทศที่มีสัดส่วนประชากรอายุน้อยเยอะอยู่นั้นก็คือเวียดนามและอินโดนีเซีย ซึ่งต่างก็เป็นประเทศที่มีประชากรจำนวนมากกว่าไทยทั้งสิ้น

ญี่ปุ่นเองที่ได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว คนวัยหนุ่มสาวแต่ละคนต้องสนับสนุนคนแก่มากถึง 2 คนด้วยกัน ซึ่งคุณ Manabu Kahara ก็ได้ออกมาเตือนว่าหากไทยไม่ทำอะไรก็อาจพบปัญหาเดียวกันได้อนาคต ดังนั้นสิ่งที่ต้องเร่งทำในตอนนี้ก็คือการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้ประชากรแต่ละคนสามารถทำงานได้มากขึ้น, มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสร้างสิ่งที่มีคุณค่ามากขึ้นออกมาสู่ตลาดให้ได้นั่นเอง

 

NTT Communications พร้อมผลักดันธุรกิจไทยให้ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการทำ Digital Transformation และบริการ Outsourcing

คุณ Manabu Kahara มองว่าการทำ Digital Transformation จะเป็นหนทางที่ทำให้เหล่าธุรกิจสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วยการนำเทคโนโลยีและข้อมูลเข้ามาช่วย ในขณะที่บริการ Outsourcing ก็จะทำให้เหล่าธุรกิจสามารถใช้

ขยาย Data Center และเครือข่าย เชื่อมธุรกิจใน 6 ประเทศลุ่มน้ำโขงเข้าด้วยกัน

ไทยนั้นจะกลายเป็นฐานบริการ Data Center แก่ 6 ประเทศในแถบลุ่มน้ำโขง โดยปัจจุบันก็เริ่มมีลูกค้าจากประเทศเพื่อนบ้านมาใช้บริการ Bangkok 1 DC และ Bangkok 2 DC แล้ว ส่วนการเชื่อมต่อเครือข่ายนั้นก็ได้ถูกขยายออกไปนอกเหนือจากไทยให้ครอบคลุมทั้งเมียนมาร์, กัมพูชา และลาวด้วย โดยปัจจุบัน NTT Communications ได้มีบริการดังต่อไปนี้แล้ว

  • ให้บริการดูแลลูกค้ามากกว่า 1,000 ราย
  • ให้บริการเครือข่ายด้วยการเชื่อมต่อมากกว่า 5,000 การเชื่อมต่อ
  • ให้บริการ Data Center รวมกันมากกว่า 500 Rack
  • เชื่อมต่อระบบให้เกิดภาพของ Hybrid Cloud, Private Cloud และ Public Cloud ได้ตามต้องการ
  • มี 6 โซลูชันที่จะให้บริการ ได้แก่ Hybrid Cloud, DC/DR, WorkStyle (Mobile Work), Security, CATIA VDI และ SAP

ส่วนปี 2018 นี้ก็จะเริ่มขยาย Ecosystem ด้วยการจับมือกับ Partner ใหม่ๆ และนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เสริมธุรกิจในลุ่มน้ำโขง เช่น Artificial Intelligence (AI), Robotics Process Automation (RPA) เข้ามาเสริมประสิทธิภาพการทำงานของเหล่าธุรกิจต่างๆ ให้มากขึ้น

 

ภาพรวมบริการจาก NTT Communications สำหรับปี 2018

คุณ Masatoshi Tsuboi ผู้ดำรงตำแหน่ง Vice President/COO of Sales Consulting, Product & Service, Data Center Department ได้ออกมาเล่าถึงรายละเอียดของบริการต่างๆ จากทาง NTT Communications ดังนี้

 

บริการ Managed Service ครอบคลุมทุกความต้องการ

NTT Communications ได้เริ่มให้บริการ Managed Services ในไทยและเหล่าประเทศแถบลุ่มน้ำ
โขงกว่า 30 บริการแล้ว โดยมีบริการหลากหลายที่ครอบคลุมทั้งระบบเครือข่าย, Security, Management และ Data Center

 

แบ่งกลยุทธ์การให้บริการออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆ

ด้วยบริการจำนวนมากนี้ ทาง NTT Communications ได้แบ่งระดับของบริการเหล่านี้จะแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ได้แก่

  • ICT Infrastructure Services เช่น Data Center, ISP, International Network และอื่นๆ
  • Overlay Services เช่น Cloud, SD-WAN, UCaaS, AI และอื่นๆ

 

ส่วนโซลูชันทางธุรกิจที่ NTT Communications จะทำการนำเสนอนั้นจะแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่

  • DC DR เป็นบริการ Data Center และ Disaster Recovery สำหรับธุรกิจองค์กร
  • Hybrid Cloud ปัจจุบันลูกค้าองค์กรกำลังพยายามใช้ Public Cloud และ Private Cloud ร่วมกันให้คุ้มค่า จึงเกิดบริการนี้ขึ้นมาตอบโจทย์
  • Workstyle Renovation เปลี่ยนแปลงการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วยการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยในการทำงานและการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพขึ้น
  • 3D VDI ให้บริการ 3D CAD ผ่าน VDI บน Private Cloud ให้ธุรกิจโรงงานและการผลิตสามารถทำการออกแบบได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง และเข้าถึงได้จากทุกที่ทุกเวลา
  • SAP บริการ Cloud สำหรับระบบ ERP และ BI ให้แก่เหล่าธุรกิจ โดยใช้เทคโนโลยีของ SAP เป็นหลัก
  • Security มีบริการ Managed Security Service เพื่อช่วยให้สามารถปกป้องระบบและข้อมูลสำคัญขององค์กรได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น

 

ส่วนบริการหลักๆ ที่อยากจะผลักดันในปี 2018 มีดังนี้

 

1. Bangkok2 Datacenter หรือ Nexcenter

เป็น Data Center ที่ใหญ่ที่สุดในไทย รองรับ 1,400 ตู้ Rack ได้ด้วยพลังงานระดับ 9.5MW และมีความทนทานระดับสูงที่สามารถรองรับบริการทางด้านการเงินได้ พร้อมรองรับการทำหน้าที่เป็นออฟฟิศสำรองในการทำ BCP และตั้งอยู่ในพื้นที่ที่น้ำท่วมไม่ถึง

 

2. Cloud (Public, Private, Hybrid)

ปัจจุบัน NTT Communications มีบริการ Cloud ใน Data Center 14 แห่งกระจายอยู่ 11 ประเทศ และยังพร้อมให้เบริการ Private Cloud แก่เหล่าลูกค้าองค์กร พร้อมทั้งเชื่อมต่อเครือข่ายและระบบบริหารจัดการเพื่อสร้าง Hybrid Cloud ให้แก่เหล่าธุรกิจองค์กรในประเทศไทยได้

 

3. Multi Cloud Connect by Software Defined Technology

สำหรับเหล่าองค์กรที่มีการใช้บริการ Cloud จากผู้บริการรายใหญ่ทั้ง AWS, MS Azure, Oracle Cloud, IBM Cloud, Google Cloud Platform หรืออื่นๆ ทาง NTT ก็มีบริการเครือข่ายที่จะเชื่อมต่อบริการ Cloud ต่างๆ เข้าด้วยกัน รวมถึงเชื่อมมายังบริการ Cloud ของ NTT Communications เองได้ ทำให้การย้ายระบบข้าม Cloud นั้นเป็นไปได้จริง ตอบโจทย์กลยุทธ์ Multi-Cloud ขององค์กร

 

4. SD-WAN

NTT Communications จะให้บริการ SD-WAN เพื่อให้ธุรกิจที่มีหลายสาขาและใช้บริการ Cloud สามารถทำการเชื่อมต่อเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน และเชื่อมต่อระบบเครือข่ายระหว่างกันได้อย่างคุ้มค่าและปลอดภัย โดยที่มี Latency ต่ำ ด้วยการใช้ VeloCloud ในการให้บริการ

 

5. AI

จะเริ่มต้นจากบริการ AI Reception ที่รองรับทั้งภาษาไทย, อังกฤษ และญี่ปุ่น เพื่อทำการพูดคุยและโต้ตอบกับลูกค้าได้อย่างชาญฉลาดและแม่นยำด้วยการนำ Machine Learning และ Deep Learning มาใช้วิเคราะห์ทั้งข้อความแชทและเสียงพูดสนทนา รวมถึงมีระบบ Face Recognition สำหรับจดจำใบหน้าของลูกค้าได้ด้วย

ส่วนในอนาคตก็จะมีโซลูชันอื่นๆ ต่อยอดเพิ่มเติมได้ แต่ประเด็นสำคัญคือการรองรับภาษาไทยได้ก็จะทำให้การต่อยอดเกิดขึ้นได้อีกมหาศาลในอนาคต

 

6. IoT, Wearable Devices

NTT Communications ได้ร่วมงานกับ Toray เพื่อพัฒนา hitoe เสื้อที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ IoT สำหรับตรวจค่าสัญญาณหัวใจ ส่งไปยังอุปกรณ์อื่นๆ ต่อ เพื่อตอบโจทย์ด้าน Healthcare เป็นหลัก และเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจค่อนข้างมากจากหน่วยงานต่างๆ ในเมืองไทย

 

NTT Communications เตรียมผลักดันบริการ DRaaS และ DaaS ในไทย

ด้วยเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นบ่อยในไทย รวมถึงภัยคุกคามใหม่ๆ ที่ทำลายข้อมูลสำคัญขององค์กรอย่างเช่น Ransomware ทาง NTT Communications จึงตัดสินใจนำเสนอบริการ DRaaS เพิ่มเติม ให้ธุรกิจต่างๆ สามารถมีสาขาสำรองและสำรองข้อมูลได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องลงทุนสร้าง Data Center ใหม่เอง พร้อมให้บริการ BCP ให้องค์กรย้ายมาทำงานชั่วคราวในพื้นที่ของ Data Center ได้เลย โดยมีบริการระบบเครือข่ายเสริมให้เชื่อมกับ Data Center หลักขององค์กรก็ได้ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้บริการ DC DR เองก็จะเป็นอีกทางเลือกให้องค์กรไม่ต้องสร้าง Data Center เองเลย แต่ใช้ Data Center ทั้งสองแห่งของ NTT Communications เพื่อรองรับระบบ Production และ DR ได้เลย พร้อม SLA ในระดับ 99.99% สำหรับเกือบทุกบริการ

อีกบริการหนึ่งที่ถูกหยิบมาพูดถึงเป็นพิเศษคือ Desktop as a Service ที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในองค์กรสำหรับการบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาระบบ Dekstop และ Notebook ภายในองค์กร ด้วยการนำ Virtual Desktop Infrastructure (VDI) เข้ามาให้บริการในรูปแบบของ Cloud ให้องค์กรเลือกใช้งานได้ตามต้องการ และบริหารจัดการได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องลงทุนระบบ VDI ด้วยตนเองซึ่งมักมีราคาสูง

 

ก็จบเพียงเท่านี้สำหรับการแถลงข่าวในครั้งนี้ครับ

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

ผสาน Automation และ Intelligence เข้าไปยังความสามารถของงานด้านการผลิต โดย Infor

การนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาใช้งานในธุรกิจนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และแต่ละอุตสาหกรรมก็มีความท้าทายเฉพาะตัวที่ต้องเผชิญหน้า ในอุตสาหกรรมการผลิตเองก็เช่นกันที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ความต้องการของลูกค้า Supply Chain และอื่นๆ 

Cisco ปิดดีลเข้าซื้อ Splunk มูลค่า 1 ล้านล้านบาท

หลังจากผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มข้นจนได้รับอนุมัติเรียบร้อย ล่าสุดทาง Cisco ได้ประกาศถึงความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการของ Splunk ที่มูลค่า 28,000 ล้านเหรียญหรือราวๆ 1 ล้านล้านบาทอย่างเป็นทางการแล้ว