การ์ทเนอร์ได้ออกโรงแนะนำเทรนด์ด้านเทคโนโลยีสำหรับหน่วยรัฐบาลที่น่าสนใจในปี 2023 เพื่อเป็นแนวทางในการมุ่งเป้าพัฒนาหรือให้รับทราบทั่วกันว่าควรทำอะไรต่อไป โดยแบ่งออกเป็น 3 หมวดคือ Modernization, Insights และ Transformation

ในกลุ่มด้าน Modernization มี 3 เทรนด์น่าสนใจคือ
1.) Adaptive Security
ภายในปี 2025 CIO ของหน่วยงานรัฐบาลจะมีหน้าที่รับผิดชอบด้านความมั่นคงปลอดภัยมากกว่าแค่เรื่องไอที แต่ครอบคลุมไปถึงการปฏิบัติการและสภาพแวดล้อมด้านเทคโนโลยีที่ทำหน้าที่สำคัญ ไม่เพียงเท่านั้นยังต้องตอบโจทย์ในความหลากหลายด้านข้อมูลองค์กร ความเป็นส่วนตัว Supply Chain อุปกรณ์ทางไซเบอร์ที่จับต้องได้ทางการภาพ (Cyber Physical System:CPS) และคลาวด์ที่ต้องการมาตรการควบคุม ด้วยเหตุนี้เองการปรับตัวด้านความมั่นคงปลอดภัยจึงสำคัญและต้องขยายครอบคลุมด้านนวัตกรรม ความมั่นคงปลอดภัยระดับประเทศ การทำ Transformation และวัตถุประสงค์ด้าน Resilience
2.) Cloud-Based Legacy Modernization
ภายในปี 2025 การ์ทเนอร์คาดว่ากว่า 75% ของรัฐบาลต่างๆจะมี Workloads รวมครึ่งหนึ่งที่รันอยู่บนผู้ให้บริการ Hyperscale Cloud ซึ่งท่ามกลางแรงกดดันที่ต้องทำเรื่อง Modernization ณ ขณะนี้ก็พอยืนยันได้ว่า CIO ต้องระบุว่าชิ้นส่วนไหนในระบบจะปรับสู่การเป็น as-a-Service ได้พร้อมจัดลำดับความสำคัญทางธุรกิจ โดยทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างบริการที่แข็งแกร่ง
3.) Sovereign Cloud
อีกหนึ่งด้านที่สร้างความกังวลให้แก่ภาครัฐคือข้อมูลซึ่งรัฐบาลต่างหาวิธีการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐาน โดยข้อมูลควรต้องได้รับการคุ้มครองทางกฏหมายหรือปลอดภัยต่อจากการเข้าถึงโดยรัฐบาลต่างชาติ อย่างไรก็ดีการ์ทเนอร์คาดว่าในปี 2025 แอปเก่าในรัฐบาลกว่า 35% จะถูกทดแทนด้วยการพัฒนาแบบ Low-code ที่มีการดูแลรักษาจากหลายทีมร่วมกัน
แนวโน้มเทคโนโลยีในหมวด Insight มี 4 ข้อคือ
1.) Hyperautomation
การ์ทเนอร์ประมาณการว่าในปี 2026 องค์กรรัฐบาล 60% จะให้ความสำหรับกับกระบวนการทางธุรกิจ ซึ่งจากปี 2022 มีเพียงแค่ 35% โดย Hyperautomation คือแนวทางที่จะช่วยให้กระบวนการทางไอทีและธุรกิจสามารถเชื่อมต่อภาคประชาชนได้อย่างไร้รอยต่อ ดังนั้น CIO ต้องคิดวางแผนแล้วว่าจะนำ Automation เข้ามาใช้ได้อย่างไรกับสถานการณ์ปัจจุบัน
2.) AI for Decision Intelligence
ในปี 2024 AI และ Data Analytics จะมีผลอย่างมากที่ช่วยให้เกิดการตัดสินใจแบบเรียลไทม์ให้ผลลัพธ์ได้ทันที ที่จะช่วยให้ตัดสินใจเรื่องง่ายๆพื้นฐานได้ปริมาณมาก อย่างไรก็ดี CIO จะต้องเตรียมการให้เกิดการใช้ AI อย่างกว้างขวาง ที่จะต้องมีการเตรียมข้อมูลไว้ก่อนสำหรับ AI อีกทั้งยังต้องวางกลยุทธ์การปกครองการใช้งาน AI ด้วยเช่นกัน
3.) Data Sharing as a Program
การแชร์ข้อมูลรายครั้งระหว่าหน่วยงานไม่เพียงพอต่อโจทย์ด้าน Data Analytics โดยการ์ทเนอร์คาดว่าภายในปีนี้องค์กรรัฐมากกว่าครึ่งจะสร้างโครงสร้างความรับผิดชอบทางข้อมูลที่เป็นรูปเป็นร่าง เช่น โครงสร้างข้อมูล คุณภาพ และช่วงเวลา สำหรับ CIO ควรจะต้องโฟกัสประโยชน์เพิ่มเติมที่จะได้และจุดประสงค์ของภารกิจระหว่างการพัฒนาภาคีด้านการแชร์ข้อมูล
4.) Total Experience (TX)
Total Experience คาดหวังถึงประสบการณ์ที่ดีของทุกฝ่ายทั้ง ลูกค้า ผู้ใช้ พนักงาน ซึ่งคาดว่าภายในปี 2026 รัฐบาลที่วางกลยุทธ์ในเรื่องของ TX จะสามารถลดความสับสนในกระบวนการได้ถึง 90% โดย CIO สามารถจัดการจุดที่ไม่สอดคล้องกันในกระบวนการได้ผ่าน การเชื่อมโยง ภาพรวม(Visualizing) และการออกแบบการเส้นทางการเดินทางของประสบการณ์ใหม่
กลุ่มงาน Transformation มี 3 เทรนด์คือ
1.) Digital Identity Ecosystems
ในปีหน้านี้การ์ทเนอร์คาดว่า 30% ของรัฐบาลชาติต่างๆจะนำเสนอกระเป๋าเงินดิจิทัลผ่านระบบมือถือ ซึ่งเป็นอะไรที่นำไปสู่ความท้าทายใหม่ทั้งเรื่องของ ความน่าเชื่อถือ นวัตกรรม และการใช้งานข้ามหน่วยงานและขอบเขต จะทำอย่างไรที่เรื่องเหล่านี้ต้องง่ายพอสำหรับผู้คนทั่วไปที่มีความเข้าใจต่างกัน
2.) Case Management as a Service (CMaaS)
การที่บริการของรัฐบาลจะบูรณาการเข้ากันได้ต้องเกิดจากการออกแบบและพัฒนาโซลูชันด้านการจัดการเคสในการให้บริการและสินค้าอย่างเป็นสัดส่วนเพื่อสามารถแชร์ข้ามกันได้ในหลายระดับ ทั้งนี้ CIO ควรพิสูจน์ให้เห็นว่าผลลัพธ์จะดีขึ้นอย่างไร เพราะหากทำงานร่วมกันได้นั่นย่อมดีกว่า
3.) Composable Government Applications
กลไกสำคัญที่จะแก้ไขจุดอ่อนของแอปแบบเก่าก็คือการออกแบบสถาปัตยกรรมใหม่เป็นสัดส่วน (Composable) เพื่อทำให้เกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีด้าน Automation และ Machine Learning ได้ง่าย