5 เหตุผลดีๆ ในการเลือกใช้ EZ-Cloud ในการทำ Disaster Recovery สำหรับ Nutanix และ VMware

ez_cloud_logo

สำหรับผู้ที่ใช้งาน Nutanix หรือ VMware ภายในองค์กรนั้น ถึงแม้จะมีทางเลือกมากมายในการออกแบบระบบ Disaster Recovery (DR) และการทำ Business Continuity ก็ตาม แต่การเลือกใช้เทคโนโลยีที่เป็น Native จากทาง Nutanix หรือ VMware เองนั้นก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ EZ-Cloud ได้ให้บริการ Disaster Recovery-as-a-Service เพื่อเป็นทางเลือกให้ทุกองค์กรที่ใช้ Nutanix และ VMware ต่อยอดการทำ Disaster Recovery ได้อย่างคุ้มค่าและมั่นใจ ด้วยข้อดีของการใช้เทคโนโลยีของ EZ-Cloud ในการทำ Disaster Recovery ได้ดังต่อไปนี้

 

1. มีทีมงานมืออาชีพคอยให้คำปรึกษาและดูแล

การทำ Disaster Recovery ที่ดีนั้นไม่เคยเป็นเรื่องง่าย และการมีทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์นั้นก็จะส่งผลอย่างมากต่อความสำเร็จของโครงการ EZ-Cloud มีทีมงานมืออาชีพทางด้านเทคโนโลยี Virtualization, Cloud และ Disaster Recovery อย่างครบถ้วน พร้อมให้คำปรึกษาแก่ผู้ใช้งานได้ว่าโซลูชั่นที่ดีที่สุดคืออะไร รวมถึงด้วยประสบการณ์ที่มีก็จะทำให้สามารถให้คำแนะนำสำหรับการทำ Business Continuity Management มีความครอบคลุมรอบด้านยิ่งขึ้นอีกด้วย

 

2. ทำ DR ได้ง่าย ไม่ต้องมี 3rd Party Software เพิ่มเติมให้ซับซ้อน

ปัญหาส่วนใหญ่ในการทำ Disaster Recovery ในเชิงเทคนิคก็คือเรื่องความเข้ากันได้ของ Software ที่ใช้งาน กับ Software ที่จะนำมาใช้ทำ Disaster Recovery นั่นเอง EZ-Cloud ได้เลือกที่จะนำเสนอการทำ Disaster Recovery ในแบบ Solution ซึ่งใช้เทคโนโลยีในระดับของ Hypervisor และ Software Defined Storage เป็นหลัก ทำให้รองรับได้ทุก Application ที่มีการใช้งานอยู่บนระบบ VMware vSphere หรืออยู่บน Nutanix ได้อย่างง่ายดาย

ez-cloud-diagram

3. ได้ใช้เทคโนโลยีของ Nutanix และ VMware ในราคาที่คุ้มค่า

การลงทุน Disaster Recovery ด้วยระบบ Virtualization จาก VMware และ Hyper-converged Infrastructure ชั้นนำอย่าง Nutanix นั้นถือว่าเป็น Best Practice ที่ต้องมีการลงทุนค่อนข้างสูง EZ-Cloud ได้นำสองสุดยอดเทคโนโลยีนี้มาใช้สร้างเป็น Cloud Data Center ให้คุณสามารถเช่าใช้ได้ในราคาที่คุ้มค่าโดยไม่ต้องลงทุนเองทั้งหมด พร้อมทั้งมีทีมงานคอยช่วยสนับสนุนในระยะยาวได้อีกด้วย

 

4. สำรองข้อมูลใน Data Center มาตรฐานสูง

Data Center ที่ EZ-Cloud ได้เลือกใช้นั้นก็เป็น Data Center มาตรฐานระดับสูง เหมาะสำหรับการเลือกใช้เป็น Disaster Recovery Site ได้อย่างมั่นใจ ดังต่อไปนี้

  • อาคารถูกออกแบบไว้สำหรับทำหน้าที่เป็น Data Center โดยเฉพาะ
  • ออกแบบ Data Center แบบ Tier 3 Design มั่นใจได้ในเรื่องของความทนทานของระบบไฟฟ้าและเครื่องปรับอากาศ
  • รองรับน้ำหนักได้ถึง 1,000 Kg/S.Q.M.
  • สร้างอยู่ในสถานที่ที่ไม่เป็นจุดเสี่ยงต่อเหตุการณ์ไม่พึ่งประสงค์ แต่ยังคงเดินทางไปได้อย่างสะดวก
  • มีมาตรฐานด้วย Certificate of Information Security Management System ISO/IEC 27001:2013
  • เต็มเปี่ยมด้วย Facilities ที่จำเป็นอย่างครบถ้วนทั้ง UPS, Cooling System, Fire Suppression, CCTV และ Electric Generator

 

5. ค่าใช้จ่ายยืดหยุ่น จ่ายได้เป็นรายปี

EZ-Cloud นั้นเข้าใจตลาดของระบบ Disaster Recovery ระดับองค์กรเป็นอย่างดีว่ามีค่าใช้จ่ายในการลงทุนเริ่มต้นที่สูง ดังนั้น EZ-Cloud จึงได้เลือกสร้างระบบ Disaster Recovery Data Center ด้วยซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่ดีที่สุดจาก VMware และ Nutanix มาให้องค์กรต่างๆ สามารถเช่าใช้กันได้ในราคาเพียงหลักหมื่นบาทต่อปีเท่านั้น ดังนี้

ez-dr-package

นอกจากนี้ EZ-Cloud ยังมี Option เสริมเพื่อให้สามารถปรับแต่ง Plan ต่างๆ ให้เหมาะสมกับความต้องการในการใช้งานขององค์กรได้อีกด้วย ดังต่อไปนี้

ez-dr-option

สำหรับผู้ที่สนใจใช้บริการ Cloud Disaster Recovery หรือ Disaster-Recovery-as-a-Service สามารถเข้าชมเว็บไซต์ของ EZ-CLOUD ได้ที่ https://www.ez-cloud.net/ ทันที หรือโทร (+66) 02-579-9452 ได้เช่นกัน

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

Google Cloud เพิ่ม BigQuery datasets บน Marketplace แล้ว

Google Cloud ประกาศเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงชุดข้อมูล BigQuery datasets ผ่าน Google Cloud Marketplace ด้วยการผสานการทำงานร่วมกับ BigQuery Analytics Hub เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงข้อมูลสำหรับองค์กร

Goldman Sachs คาดการณ์การใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูลจะเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าภายในปี 2030 เหตุจาก AI

การแข่งขันด้าน AI ส่งผลให้ความต้องการใช้พลังงานในศูนย์ข้อมูลทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก โดย Goldman Sachs คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 55 GW เป็น 122 GW ภายในปี 2030