Microsoft Azure by Ingram Micro (Thailand)

เปรียบเทียบความแตกต่างของระบบ Disaster Recovery แบบ On-premises และ Cloud

ez-cloud_banner

การทำ Disaster Recovery จะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นสำหรับทุกองค์กรในทุกวันนี้ และความนิยมในการทำ Disaster Recovery บน Cloud เป็นบริการแบบ Disaster Recovery-as-a-Service หรือ DRaaS เองก็กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ทางทีมงาน EZ-Cloud ในฐานะของผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี Disaster Recovery สำหรับองค์กรจึงขอสรุปความแตกต่างของการลงทุนทำระบบ Disaster Recovery แบบ On-premises เปรียบเทียบกับ Cloud ให้ทุกท่านได้อ่านกันอย่างง่ายดาย ดังนี้

ez-cloud_banner

ประเด็นทางด้านความลับของข้อมูลองค์กร

สำหรับข้อมูลที่เป็นความลับขององค์กร ซึ่งมีความละเอียดอ่อนสูงนั้น ก็เป็นปัจจัยหลักที่องค์กรส่วนใหญ่มักจะเลือกใช้ On-premises Data Center ในการทำ Disaster Recovery เพื่อเชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้จะปลอดภัยยิ่งกว่าการฝากข้อมูลเหล่านี้เอาไว้บนระบบ Cloud

แต่ในความเป็นจริงแล้ว Cloud Data Center ที่ถูกออกแบบมาสำหรับการทำ Disaster Recovery โดยเฉพาะนั้น จะถูกออกแบบให้ไม่สามารถเข้าถึงได้จาก Public IP และต้องเชื่อมต่อกับ Data Center ขององค์กรผ่าน Private Link เท่านั้น ทำให้ช่องทางที่จะถูกโจมตีหรือขโมยข้อมูลออกไปได้นั้นมีน้อยมาก ในขณะที่ระบบจัดเก็บข้อมูลนั้นก็เป็นแบบ Multi-tenant ทำให้ข้อมูลและระบบงานของแต่ละองค์กรที่ถูกจัดเก็บอยู่ภายใน Cloud Data Center แห่งเดียวกันนั้นไม่สามารถเข้าถึงกันได้

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Cloud Disaster Recovery กลายเป็นทางเลือกที่มีความสามารถในการปกป้องข้อมูลได้ทัดเทียมกับ On-premises Data Center แล้ว

 

ประเด็นทางด้านการรักษาความปลอดภัยของระบบงานในองค์กร

เรื่องของ Security เองก็เป็นประเด็นสำหรับสำหรับศูนย์ข้อมูลสำรอง ซึ่งโดยทั่วไปการลงทุนระบบ Disaster Recovery เองนั้นก็ต้องมีการลงทุนระบบรักษาความปลอดภัยสำรองเอาไว้ด้วยเช่นกัน เพื่อให้ระบบที่จะขึ้นในฝั่งของศูนย์ข้อมูลสำรองนั้นสามารถทำงานทดแทนศูนย์ข้อมูลหลักได้อย่างสมบูรณ์

เพื่อลดค่าใช้จ่ายลงในการลงทุน Disaster Recovery บน On-premises Data Center ทุกวันนี้จึงนิยมลงทุนระบบรักษาความปลอดภัยในแบบ Virtual Appliance เพื่อลดความซับซ้อนในการติดตั้งใช้งานและดูแลรักษาไปด้วยในตัว ซึ่งในแง่มุมนี้ระบบ Disaster Recovery บน Cloud นั้นก็สามารถรองรับได้ไม่ต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบ Cloud ของ EZ-Cloud ที่ใช้ VMware เป็นเทคโนโลยีระบบ Hypervisor แบบเดียวกับที่องค์กรนิยมใช้งานอยู่แล้ว

ez-cloud-diagram

ประเด็นทางด้านความง่ายในการเพิ่มขยายพื้นที่จัดเก็บข้อมูล

ในการลงทุน On-premises Disaster Recovery Data Center นั้น องค์กรจำเป็นจะต้องมีการลงทุนระบบ Storage และ Storage Network ให้มีพื้นที่ความจุเผื่อเอาไว้สำหรับการทำ Backup ย้อนหลัง และการเผื่อเพิ่มเติมพื้นที่ในอนาคตโดยไม่ต้องมี Downtime ในขณะที่ระบบ Cloud Disaster Recovery นั้นจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับองค์กรได้ด้วยความสามารถในการเพิ่มขยายพื้นที่ความจุได้ทันทีที่ต้องการ ทำให้องค์กรสามารถลงทุนได้แบบ Pay as You Grow หรือการจ่ายตามปริมาณที่ใช้งานจริงอย่างแท้จริง

 

ประเด็นทางด้านบริการเสริมต่างๆ ในการกู้คืนระบบหรือข้อมูลจริง

นอกเหนือจากการลงทุนทางด้าน Facility ในระบบ On-premises Disaster Recovery แล้ว องค์กรเองก็ยังต้องมีการออกแบบหรือจ้างบุคลากรสำหรับการดำเนิน Operation ต่างๆ ที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการดูแลรักษาระบบ, การตรจสอบการทำงานและการสำรองข้อมูลของระบบ, ทีมงานสำหรับกู้คืนระบบ และทีมงานสำหรับดูแลรักษาทางด้านความปลอดภัย

บริการ Disaster Recovery-as-a-Service โดยส่วนมากรวมถึงบริการของ EZ-Cloud ด้วยนั้น จะมีทีมงานที่คอยช่วยเหลือในการจัดการศูนย์ข้อมูลสำรองบน Cloud ให้ทั้งหมด ทำให้องค์กรไม่ต้องวุ่นวายในการดูแลรักษาระบบต่างๆ ด้วยตัวเอง และยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ้างทีมงานเพิ่มเติมอีกด้วย

ez-cloud_inside_ez_cloud

จะเห็นได้ว่าทั้งการลงทุนระบบ Disaster Recovery แบบ On-premises และแบบ Cloud นั้นต่างก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป และเพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจทาง EZ-Cloud จึงสรุปข้อดีของแต่ละทางเลือกเอาไว้ดังนี้

 

สรุปข้อดีของการทำ Disaster Recovery แบบ On-premises

  • องค์กรได้ลงทุนเองและดูแลรักษาระบบศูนย์ข้อมูลสำรองด้วยตัวเองทั้งหมด
  • สามารถออกแบบ Data Center ได้ตามระดับมาตรฐานที่ต้องการ
  • สามารถเลือกใช้เทคโนโลยีต่างๆ ในการทำ Disaster Recovery ได้อย่างอิสระ
  • สามารถเพิ่มเติมเทคโนโลยีในการรักษาความปลอดภัยแบบ Virtual และ Physical ได้อย่างอิสระ

 

สรุปข้อดีของการทำ Disaster Recovery แบบ Cloud

  • สามารถเริ่มต้นทำ Disaster Recovery ได้แทบจะทันทีอย่างรวดเร็ว
  • องค์กรสามารถเลือกผู้ให้บริการที่ให้บริการได้ตามมาตรฐานที่ต้องการ โดยไม่ต้องลงทุนสร้างเองหรือจ้างพนักงานเพิ่มเติมมาดูแลเอง
  • สามารถทดสอบเทคโนโลยีในการทำ Disaster Recovery ของผู้ให้บริการแต่ละรายได้ทันที ทำให้สามารถมั่นใจในการใช้งานได้
  • ยืดหยุ่นทางด้านค่าใช้จ่ายในการลงทุน และพร้อมต่อยอดไปเป็นระบบ Hybrid Cloud
  • สามารถเพิ่มเติมเทคโนโลยีในการรักษาความปลอดภัยแบบ Virtual ได้อย่างอิสระ

 

ez_cloud_logo

สำหรับผู้ที่สนใจใช้บริการ Cloud Disaster Recovery หรือ Disaster-Recovery-as-a-Service สามารถเข้าชมเว็บไซต์ของ EZ-CLOUD ได้ที่ https://www.ez-cloud.net/ ทันที หรือโทร (+66) 02-579-9452 ได้เช่นกัน

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

เอชพี เปิดตัวพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ AI PCs [PR]

เอชพี เปิดตัวพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ AI PCs ขับเคลื่อน ด้วยขุมพลัง AI ยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน การสร้างสรรค์ และประสบการณ์ของผู้ใช้ในสภาพแวดล้อม การทำงานแบบไฮบริด

Microsoft ยกเลิกการใช้ 1024-bit RSA Key บน Windows แล้ว

Microsoft ประกาศยกเลิกการใช้กุญแจเข้ารหัส 1024-bit RSA Key บน Windows แล้ว เปลี่ยนไปใช้กุญแจเข้ารหัสความยาว 2048-bit เป็นอย่างน้อย