การทำ Disaster Recovery จะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นสำหรับทุกองค์กรในทุกวันนี้ และความนิยมในการทำ Disaster Recovery บน Cloud เป็นบริการแบบ Disaster Recovery-as-a-Service หรือ DRaaS เองก็กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ทางทีมงาน EZ-Cloud ในฐานะของผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี Disaster Recovery สำหรับองค์กรจึงขอสรุปความแตกต่างของการลงทุนทำระบบ Disaster Recovery แบบ On-premises เปรียบเทียบกับ Cloud ให้ทุกท่านได้อ่านกันอย่างง่ายดาย ดังนี้
ประเด็นทางด้านความลับของข้อมูลองค์กร
สำหรับข้อมูลที่เป็นความลับขององค์กร ซึ่งมีความละเอียดอ่อนสูงนั้น ก็เป็นปัจจัยหลักที่องค์กรส่วนใหญ่มักจะเลือกใช้ On-premises Data Center ในการทำ Disaster Recovery เพื่อเชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้จะปลอดภัยยิ่งกว่าการฝากข้อมูลเหล่านี้เอาไว้บนระบบ Cloud
แต่ในความเป็นจริงแล้ว Cloud Data Center ที่ถูกออกแบบมาสำหรับการทำ Disaster Recovery โดยเฉพาะนั้น จะถูกออกแบบให้ไม่สามารถเข้าถึงได้จาก Public IP และต้องเชื่อมต่อกับ Data Center ขององค์กรผ่าน Private Link เท่านั้น ทำให้ช่องทางที่จะถูกโจมตีหรือขโมยข้อมูลออกไปได้นั้นมีน้อยมาก ในขณะที่ระบบจัดเก็บข้อมูลนั้นก็เป็นแบบ Multi-tenant ทำให้ข้อมูลและระบบงานของแต่ละองค์กรที่ถูกจัดเก็บอยู่ภายใน Cloud Data Center แห่งเดียวกันนั้นไม่สามารถเข้าถึงกันได้
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Cloud Disaster Recovery กลายเป็นทางเลือกที่มีความสามารถในการปกป้องข้อมูลได้ทัดเทียมกับ On-premises Data Center แล้ว
ประเด็นทางด้านการรักษาความปลอดภัยของระบบงานในองค์กร
เรื่องของ Security เองก็เป็นประเด็นสำหรับสำหรับศูนย์ข้อมูลสำรอง ซึ่งโดยทั่วไปการลงทุนระบบ Disaster Recovery เองนั้นก็ต้องมีการลงทุนระบบรักษาความปลอดภัยสำรองเอาไว้ด้วยเช่นกัน เพื่อให้ระบบที่จะขึ้นในฝั่งของศูนย์ข้อมูลสำรองนั้นสามารถทำงานทดแทนศูนย์ข้อมูลหลักได้อย่างสมบูรณ์
เพื่อลดค่าใช้จ่ายลงในการลงทุน Disaster Recovery บน On-premises Data Center ทุกวันนี้จึงนิยมลงทุนระบบรักษาความปลอดภัยในแบบ Virtual Appliance เพื่อลดความซับซ้อนในการติดตั้งใช้งานและดูแลรักษาไปด้วยในตัว ซึ่งในแง่มุมนี้ระบบ Disaster Recovery บน Cloud นั้นก็สามารถรองรับได้ไม่ต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบ Cloud ของ EZ-Cloud ที่ใช้ VMware เป็นเทคโนโลยีระบบ Hypervisor แบบเดียวกับที่องค์กรนิยมใช้งานอยู่แล้ว
ประเด็นทางด้านความง่ายในการเพิ่มขยายพื้นที่จัดเก็บข้อมูล
ในการลงทุน On-premises Disaster Recovery Data Center นั้น องค์กรจำเป็นจะต้องมีการลงทุนระบบ Storage และ Storage Network ให้มีพื้นที่ความจุเผื่อเอาไว้สำหรับการทำ Backup ย้อนหลัง และการเผื่อเพิ่มเติมพื้นที่ในอนาคตโดยไม่ต้องมี Downtime ในขณะที่ระบบ Cloud Disaster Recovery นั้นจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับองค์กรได้ด้วยความสามารถในการเพิ่มขยายพื้นที่ความจุได้ทันทีที่ต้องการ ทำให้องค์กรสามารถลงทุนได้แบบ Pay as You Grow หรือการจ่ายตามปริมาณที่ใช้งานจริงอย่างแท้จริง
ประเด็นทางด้านบริการเสริมต่างๆ ในการกู้คืนระบบหรือข้อมูลจริง
นอกเหนือจากการลงทุนทางด้าน Facility ในระบบ On-premises Disaster Recovery แล้ว องค์กรเองก็ยังต้องมีการออกแบบหรือจ้างบุคลากรสำหรับการดำเนิน Operation ต่างๆ ที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการดูแลรักษาระบบ, การตรจสอบการทำงานและการสำรองข้อมูลของระบบ, ทีมงานสำหรับกู้คืนระบบ และทีมงานสำหรับดูแลรักษาทางด้านความปลอดภัย
บริการ Disaster Recovery-as-a-Service โดยส่วนมากรวมถึงบริการของ EZ-Cloud ด้วยนั้น จะมีทีมงานที่คอยช่วยเหลือในการจัดการศูนย์ข้อมูลสำรองบน Cloud ให้ทั้งหมด ทำให้องค์กรไม่ต้องวุ่นวายในการดูแลรักษาระบบต่างๆ ด้วยตัวเอง และยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ้างทีมงานเพิ่มเติมอีกด้วย
จะเห็นได้ว่าทั้งการลงทุนระบบ Disaster Recovery แบบ On-premises และแบบ Cloud นั้นต่างก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป และเพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจทาง EZ-Cloud จึงสรุปข้อดีของแต่ละทางเลือกเอาไว้ดังนี้
สรุปข้อดีของการทำ Disaster Recovery แบบ On-premises
- องค์กรได้ลงทุนเองและดูแลรักษาระบบศูนย์ข้อมูลสำรองด้วยตัวเองทั้งหมด
- สามารถออกแบบ Data Center ได้ตามระดับมาตรฐานที่ต้องการ
- สามารถเลือกใช้เทคโนโลยีต่างๆ ในการทำ Disaster Recovery ได้อย่างอิสระ
- สามารถเพิ่มเติมเทคโนโลยีในการรักษาความปลอดภัยแบบ Virtual และ Physical ได้อย่างอิสระ
สรุปข้อดีของการทำ Disaster Recovery แบบ Cloud
- สามารถเริ่มต้นทำ Disaster Recovery ได้แทบจะทันทีอย่างรวดเร็ว
- องค์กรสามารถเลือกผู้ให้บริการที่ให้บริการได้ตามมาตรฐานที่ต้องการ โดยไม่ต้องลงทุนสร้างเองหรือจ้างพนักงานเพิ่มเติมมาดูแลเอง
- สามารถทดสอบเทคโนโลยีในการทำ Disaster Recovery ของผู้ให้บริการแต่ละรายได้ทันที ทำให้สามารถมั่นใจในการใช้งานได้
- ยืดหยุ่นทางด้านค่าใช้จ่ายในการลงทุน และพร้อมต่อยอดไปเป็นระบบ Hybrid Cloud
- สามารถเพิ่มเติมเทคโนโลยีในการรักษาความปลอดภัยแบบ Virtual ได้อย่างอิสระ
สำหรับผู้ที่สนใจใช้บริการ Cloud Disaster Recovery หรือ Disaster-Recovery-as-a-Service สามารถเข้าชมเว็บไซต์ของ EZ-CLOUD ได้ที่ https://www.ez-cloud.net/ ทันที หรือโทร (+66) 02-579-9452 ได้เช่นกัน