ในปี 2016 ที่ผ่านมาถือเป็นปีที่เหล่า IT Vendor ได้เปิดบริการ Managed Service กันค่อนข้างเยอะ และในไทยเองก็เริ่มมี Systems Integrator (SI) ให้บริการในลักษณะของ Managed Service Provider (MSP) กันมากขึ้น ทำให้ปัจจุบันนี้ MSP ได้กลายเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับเหล่าองค์กรที่กำลังต้องการเสริมระบบ IT ต่างๆ ในการทำธุรกิจให้ตอบโจทย์ในปัจจุบันกันไปเป็นที่เรียบร้อย ในบทความนี้จึงจะเป็นการสรุปจุดเด่นของบริการแบบ Managed Service ว่ามีความน่าสนใจอย่างไร เผื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบทางเลือกสำหรับการลงทุนระบบ IT ใหม่ๆ ภายในองค์กรกันได้ดังนี้ครับ

1. สามารถมองการลงทุนเป็นโซลูชันได้อย่างแท้จริง ไม่ได้มองจากผลิตภัณฑ์อีกต่อไป
เนื่องจากบริการแบบ Managed Service นี้เป็นบริการแบบสำเร็จรูปที่รวมเอาทั้งผลิตภัณฑ์, การบริหารจัดการ, การดูแลรักษา และกระบวนการการทำงานทั้งหมดเอาไว้ด้วยกัน ทำให้โดยมากนั้นผู้ให้บริการ Managed Service นั้นจะต้องเลือกและคัดสรรกลุ่มของผลิตภัณฑ์ที่ดีและสามารถตอบโจทย์การให้บริการได้อย่างครอบคลุมและแข่งขันกับผู้ให้บริการรายอื่นๆ หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้ ในขณะเดียวกันก็ต้องมีทีมงานที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในการให้บริการ Managed Service ด้วยผลิตภัณฑ์เหล่านั้นเป็นอย่างดี พร้อมมีการออกแบบกระบวนการการทำงานมาแล้วอย่างเป็นระบบ ทำให้การนำเสนอบริการแบบ Managed Service นี้มักจะมาเป็นโซลูชันรวมๆ กันเลย
แนวทางนี้ทำให้บทสนทนาระหว่างฝ่าย IT ขององค์กรและผู้เสนอบริการ Managed Service นี้กลายเป็นการคุยกันถึงเรื่องของผลลัพธ์ของบริการและกระบวนการการทำงานที่นำเสนอ แทนที่จะคุยถึงฟีเจอร์ของผลิตภัณฑ์ รวมถึงคุยในประเด็นของความคุ้มค่าในการลงทุนและการใช้งาน กับความแตกต่างจากการลงทุนในรูปแบบเดิมๆ ที่มักจะคุยถึงเรื่องของผลิตภัณฑ์และความแตกต่างจากคู่แข่งนั่นเอง
ด้วยมุมมองต่อการลงทุนที่เปลี่ยนไปในลักษณะนี้ ทำให้องค์กรสามารถเลือกเปรียบเทียบผลลัพธ์, กระบวนการทำงาน และค่าใช้จ่ายจากผู้ให้บริการ Managed Service ทุกรายได้อย่างง่ายดาย เรียกได้ว่าเป็นการเปรียบเทียบที่ผลลัพธ์ของการลงทุนเป็นหลักก็ไม่ผิดนัก

2. หลายผลิตภัณฑ์ทางด้าน IT จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่ออยู่ในมือของผู้เชี่ยวชาญ
การลงทุนระบบหรือเทคโนโลยีทางด้าน IT ใดๆ นั้น การใช้งาน, การบริหารจัดการ และการดูแลรักษาให้มีประสิทธิภาพนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเทคโนโลยีเหล่านั้นอยู่ในมือของผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งที่ผ่านมาองค์กรมักใช้วิธีการในการลงทุนซื้อผลิตภัณฑ์ใดๆ พร้อมทั้งให้ผู้เสนอระบบทำการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้สามารถใช้งานเทคโนโลยีเหล่านั้นได้ด้วย แต่ในความเป็นจริงการอบรมเพียงไม่กี่วันหรือไม่กี่ชั่วโมงนั้น ก็ไม่อาจทำให้บุคลากรทางฝ่าย IT ขององค์กรกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์นั้นๆ ขึ้นมาได้ทันที และต้องอาศัยประสบการณ์และเวลาระยะใหญ่ในการทำความคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์นั้นๆ ซึ่งหลายครั้งฝ่าย IT ขององค์กรเองที่มีงานล้นอยู่แล้วก็ไม่อาจมีเวลามาเพิ่มพูนความสามารถในส่วนนี้ได้ หรือบางกรณีก็อาจลาออกเพื่อเปลี่ยนงานไปก่อนก็เป็นได้ ซึ่งหากองค์กรมีการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ใช้งาน บุคลากรเหล่านี้ก็ต้องมาเรียนรู้และทำความคุ้นเคยใหม่ทั้งหมดอีก
บริการแบบ Managed Service สามารถช่วยอุดช่องว่างเหล่านี้ให้กับองค์กรได้เป็นอย่างดีด้วยการนำเสนอโซลูชันพร้อมกับบริการในการช่วยบริหารจัดการและใช้งานระบบต่างๆ ในการทำงานให้กับองค์กร เสมือนกับเป็นพนักงานขององค์กรเลย ทำให้องค์กรไม่ต้องกังวลเรื่องของการมีผู้เชี่ยวชาญในเทคโนโลยีทั้งหมดที่องค์กรต้องใช้งาน และหากองค์กรเลือกที่จะเปลี่ยนผู้ให้บริการ Managed Service พร้อมกับเปลี่ยนโซลูชันทั้งหมดเลย องค์กรก็จะมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากผู้ให้บริการรายใหม่มาคอยให้บริการต่อเนื่องไปอีกเช่นกัน
จุดที่ทำให้ Managed Service นี้แตกต่างจากการซื้อขายโซลูชันแบบเดิมๆ นั้น ก็คือเรื่องของการที่บริการ Managed Service ได้รวมเอาบริการในการนำผลิตภัณฑ์และโซลูชันเหล่านั้นมาใช้งานจริงในทุกๆ วันให้กับองค์กรด้วยนั่นเอง ในขณะที่การซื้อขายโซลูชันแบบเดิมๆ บริการมักจะครอบคลุมแค่การติดตั้ง, การฝึกอบรม, การแก้ไขปัญหาเท่านั้น แต่ภาระหน้าที่ในการนำระบบเหล่านั้นไปใช้งานก็ยังคงตกเป็นหน้าที่ของฝ่าย IT ในแต่ละองค์กร
3. บรรเทาปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในฝ่าย IT เพื่อรองรับต่อการเติบโตขององค์กร
อีกปัญหาหนึ่งที่หลายๆ องค์กรกำลังประสบในเวลานี้ ก็คือการขาดแคลนของบุคลากรทาง IT ภายในองค์กรนั่นเอง และปัญหานี้ก็ส่งผลกระทบโดยตรงต่อองค์กรที่กำลังมีแผนที่จะขยายตัวในระยะยาวเป็นอย่างมาก เพราะนับวัน IT นั้นจะยิ่งมีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจขององค์กรในแต่ละวันมากขึ้น และทางเลือกขององค์กรนั้นก็มีหลากหลายมากเช่นกัน
ทางเลือกพื้นฐานที่สุดขององค์กรนั้นก็คือการจ้างพนักงานเพิ่ม ซึ่งประเด็นนี้ก็ยังมีส่วนที่ต้องขบคิดดังที่ได้กล่าวไปแล้วในข้อก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาคนเหล่านั้นไว้, การฝึกอบรมให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และในขณะเดียวกัน หากองค์กรมีการขยายสาขาเพิ่ม ประเด็นทางด้านการเดินทางของพนักงานเหล่านี้ก็จะเป็นอีกปัญหาที่ต้องแก้ไขต่อไป
ทางเลือกถัดมาคือการใช้บริการ Cloud แทนการลงทุนระบบใหม่ๆ ภายในองค์กร แต่ในความเป็นจริงการใช้ Cloud นั้นก็ไม่ได้ช่วยลดงานดูแลระบบพื้นฐานภายในองค์กรแต่อย่างใด แถมยังมีประเด็นทางด้านการย้ายข้อมูลจากภายในองค์กรขึ้นไปยัง Cloud, การดูแลรักษาระบบ Cloud ไปจนถึงเมื่อองค์กรต้องการเปลี่ยนผู้ให้บริการ Cloud นั้น ก็ต้องคิดถึงประเด็นด้านการย้ายข้อมูลและระบบระหว่างบริการ Cloud อีก เรียกได้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายซักเท่าใด
ทางเลือกสุดท้ายก็คือ Managed Service ที่จะพอสามารถช่วยบรรเทาปัญหาด้านการขาดแคลนบุคลากรฝ่าย IT ขององค์กรลงไปได้ระดับหนึ่ง ด้วยการที่มีผู้เชี่ยวชาญจาก MSP มาช่วยฝ่าย IT ขององค์กรในการปฏิบัติหน้าที่ในแต่ละวัน ทำให้บุคลากรทางด้าน IT ขององค์กรสามารถนำเวลาทั้งหมดไปใช้ในการดูแลรักษาหรือบริหารจัดการเฉพาะงานที่มีความสำคัญสูง, งานฝั่งนโยบายและการวางแผน รวมไปถึงงานเชิงรุกในการทำ Digital Transformation ขององค์กรได้ด้วยนั่นเอง

4. ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดระบบอีกต่อไป
ในการจัดซื้อระบบ IT แบบเดิมๆ นั้น องค์กรจะมีความเป็นเจ้าของในลิขสิทธิ์ของ Software หรือเป็นเจ้าของ Hardware ต่างๆ ดังนั้นหากมีการใช้งานไปเป็นระยะเวลา 3 ปีหรือ 5 ปีจนต้องมีการอัปเกรดระบบต่างๆ ให้กลายเป็นรุ่นใหม่ ภาระเหล่านี้จะตกเป็นขององค์กรและค่าใช้จ่ายแฝงเหล่านี้ก็จะเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในแต่ละปี
ในทางกลับกัน หากองค์กรใช้บริการ Managed Service ที่เหล่าผู้ให้บริการนั้นเป็นเจ้าของทั้งในส่วนของ Software และ Hardware การอัปเกรดระบบเหล่านี้ก็จะตกเป็นภาระของเหล่าผู้ให้บริการ Managed Service แทนทั้งหมด ทำให้องค์กรไม่ต้องคอยพะวงกับแผนการและการใช้จ่ายในการอัปเกรดระบบแต่อย่างใด ซึ่งประเด็นนี้จะช่วยลดความยุ่งยากในการทำงานในแต่ละวันให้กับเหล่าผู้ดูแลระบบ IT ในองค์กรลงไปได้มากทีเดียว
5. สามารถวางแผนค่าใช้จ่ายได้เป็นรายเดือนหรือรายปี ประเมินค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้ง่ายกว่าเดิม
ในแง่มุมของการลงทุนนั้น Managed Service มักจะมีการคิดค่าใช้จ่ายเป็นรายเดือนหรือรายปี ซึ่งจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับจำนวนของระบบและบริการต่างๆ ที่ต้องการ และราคาเหล่านี้ก็จะรวมแล้วทั้งสิทธิ์ในการใช้งาน Hardware, Software พร้อมทั้งบริการและกระบวนการการทำงานตามที่ได้ตกลงกันไว้ เรียกได้ว่าทั้งหมดนี้คือค่าใช้จ่ายที่วางแผนได้ล่วงหน้าสำหรับองค์กร และไม่มีค่าใช้จ่ายแฝงที่มองไม่เห็นซ่อนอยู่อีกด้วย ทำให้เป็นข้อได้เปรียบจากการจัดซื้อระบบ IT แบบเดิมๆ ที่ประเมินค่าใช้จ่ายแฝงในส่วนของการปฏิบัติการ, การดูแลรักษาระยะยาว และการจัดการเมื่อเกิดปัญหาใดๆ เป็นอย่างมาก
ใช้บริการ CSD IT Services ผู้ให้บริการ Managed Service ได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย

CSD IT Services เป็นหนึ่งใน Business Unit ของ Ricoh ที่ได้นำประสบการณ์ที่สั่งสมจากการทำธุรกิจในประเทศไทย ผสานเข้ากับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับทีมงานของ Ricoh ทั่วโลก เพื่อให้บริการแบบ Managed Service ด้วยพนักงานจำนวนกว่า 1,800 คนทั่วประเทศไทยใน 17 สาขาใหญ่ทั่วประเทศและอีก 18 ศูนย์บริการย่อย ให้บริการได้ใน 76 จังหวัดทั่วประเทศไทยทั้งแบบ 5×8 และ 7×24 ก้าวเข้าสู่รูปแบบใหม่ของบริการที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงสุดแก่ลูกค้าองค์กรต่าง ๆ ด้วยแนวทางดังนี้
- การเช่าใช้ลิขสิทธิ์ของ Software ต่าง ๆ แบบ Subscription ได้ ทำให้องค์กรมีทางเลือกใหม่ ๆ สำหรับการใช้งาน Software ชั้นนำในการดำเนินธุรกิจองค์กรเพิ่มเติม ในขณะที่องค์กรเองก็มั่นใจได้ว่าจะได้ใช้งาน Software ที่ใหม่ล่าสุดอยู่เสมอ
- การเช่าใช้ Hardware และ IT Infrastructure ได้ในแบบ Subscription ทำให้องค์กรสามารถเริ่มต้นใช้งานโซลูชันต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาเรื่องการซ่อมบำรุงดูแลรักษาหรือการอัปเกรดอีกต่อไป
- การให้บริการเสมือน CSD IT Services เป็นพนักงานภายในองค์กรของลูกค้า ทำให้องค์กรต่าง ๆ สามารถเริ่มต้นใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลถึงการขยายฝ่าย IT เพื่อมารองรับกับการดูแลเทคโนโลยีเหล่านี้อีกต่อไป และทำให้ฝ่าย IT ขององค์กรสามารถทำงานในเชิงรุกได้มากขึ้น
ถึงแม้แนวทางเหล่านี้จะถือว่ายังใหม่ในประเทศไทย แต่ในต่างประเทศการให้บริการแบบ Managed Service สำหรับธุรกิจ IT นี้ถือเป็นแนวทางที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะการที่องค์กรต่าง ๆ จะก้าวไปสู่การทำ Digital Transformation ให้สำเร็จได้นั้น ฝ่าย IT ภายในองค์กรเองก็จะต้องถูกผันไปดูแลระบบ IT ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Core Business ขององค์กรให้มากขึ้น ในขณะที่การนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้ภายในองค์กรเพื่อให้การทำงานของพนักงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้นนั้นก็ต้องเติบโตตามไปด้วยเช่นกัน และ Managed Service เองก็สามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้เป็นอย่างดี
แต่ทั้งนี้เพื่อให้เหมาะกับตลาดขององค์กรในประเทศไทย ทาง CSD IT Services เองนั้นก็ไม่ได้มีแต่บริการ Managed Service เพียงอย่างเดียวเท่านั้น การขายผลิตภัณฑ์ให้แก่องค์กรและการให้บริการตามสัญญาแบบปกติก็ยังคงเป็นทางเลือกที่ทาง CSD IT Services เตรียมไว้ให้สำหรับองค์กรที่ต้องการการซื้อขายระบบ IT ในแบบที่คุ้นเคยได้อยู่ด้วยเช่นกัน
สนใจติดต่อ CSD IT Services หรือตรวจสอบราคาได้ทันที
สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชันของ CSD IT Services และต้องการรายละเอียดต่าง ๆ เพิ่มเติม หรือต้องการใบเสนอราคาเพื่อเปรียบเทียบความคุ้มค่าในการลงทุน สามารถติดต่อทีมงานของ CSD IT Services ได้โดยตรงที่โทร 02-088-8000 หรืออีเมล ricoh_callcenter@ricoh.co.th หรือเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของทาง CSD IT Services ได้ทันทีที่ http://www.csditservices.com/
นอกจากนี้ทาง CSD IT Services ยังมี Brochure ที่รวมราคาของบริการต่าง ๆ เอาไว้อย่างครบถ้วน โดยผู้ที่สนใจสามารถกรอกแบบฟอร์มดังต่อไปนี้เพื่อโหลดเอกสารรายละเอียดของโซลูชันพร้อมราคาได้ทันที