VMware ออกอัพเดตสำหรับ VMware Virtual SAN 6.2 เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ รองรับการทำ Inline Deduplication, Compression, QoS และอื่นๆอีกมากมาย
การอัพเดตครั้งที่ 4 ของ Virtual SAN ในครั้งนี้ ทาง VMware ได้เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการข้อมูลที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำ Deduplication และ Compression รวมทั้งยังสามารถเลือกการทำงานในลักษณะ RAID-5 หรือ RAID-6 (Erasure Coding) ได้อีกด้วย พร้อมทั้งยังเพิ่มความสามารถในการ Monitoring ระบบโดยรวมให้สามารถตรวจสอบแบบเชิงลึกได้ดีขึ้น ทำให้ VMware Virtual SAN สามารถแข่งขันกับคู่แข่งรายอื่นๆในตลาด Hyper-Converged ได้มากขึ้น
สำหรับฟีเจอร์เด่นที่เพิ่มเติมเข้ามาใน VMware Virtual SAN 6.2 มีดังนี้
Inline Deduplication และ Compression
Inline Deduplication และ Compression จะทำงานระหว่าง Caching tier และ Capacity tier เพียงแค่ทำการ Enable ฟีเจอร์ “Space Efficiency” เท่านั้น สำหรับ Deduplication จะทำงานบน Disk group เป็นหลัก โดย Deduplication ratio นั้นจะขึ้นอยู่กับขนาดของ Disk group ยิ่งถ้า Disk group มีขนาดใหญ่มากขึ้น Ratio ก็จะมากขึ้นตาม หลังจากที่มีการทำ Deduplication ก็จะมีการทำ Compression ตามมา ซึ่งผลการทดสอบ VMware Virtual SAN 6.2 สามารถช่วยประหยัดพื้นที่ได้สูงถึง 7 เท่า
Erasure Coding – RAID-5/RAID-6
สำหรับการทำ RAID-5 และ RAID-6 ในระดับของ host จะเรียกว่า Erasure Coding ซึ่งใช้เทคนิคการทำ Single Parity หรือ Double Parity ให้กับข้อมูล ถ้าหากต้องการทำ RAID-5 จะต้องมี host อย่างน้อย 4 hosts(3+1) ในกรณีที่ host เสียไปหนึ่งเครื่องข้อมูลจะไม่สูญหาย สำหรับข้อดีของการทำ Erasure Coding คือ จะช่วยเพิ่มพื้นที่การใช้งานของ VMware Virtual SAN ให้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เวอร์ชันก่อนหน้านี้ VSAN จะทำงานให้แบบ Distributed RAID (RAID1) เช่น ข้อมูลระดับ 20GB จะต้องใช้ RAW disk space ถึง 40GB แต่ถ้าทำ Erasure Coding จะใช้เพียงแค่ประมาณ 27GB เท่านั้น สำหรับการตั้งค่า Erasure Coding จะทำการกำหนดใน VMware Storage Policy
Quality of Service (QoS)
เพิ่มการทำ QoS ในระดับ Storage ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถกำหนด Input/Output Operations Per Second (IOPS) สูงสุดของแต่ละ VM หรือ Object ได้ ช่วยให้สามารถจัดลำดับความสำคัญของแต่ละ Virtual Machine ได้ดีขึ้น ส่งผลให้ Virtual Machine ที่มีใช้งาน IO มากๆ ไม่กระทบกับระบบโดยรวม
Performance Monitoring Service
ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถ Monitor ประสิทธิภาพการทำงานของ VSAN Cluster ได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยสามารถตรวจสอบ Cluster Latency, Throughput, IOPS และยังสามารถตรวจได้ลึกถึงระดับ Disk แต่ละลูก, Cache hit และสถานะแต่ละ Disk group ได้ นอกจากนั้นยังสามารถส่งข้อมูลสถานะออกไปให้ 3rd Party ภายนอกได้ โดยผ่าน API ที่มีให้ สำหรับการ Monitor นี้สามารถทำผ่าน vCenter ได้โดยตรง
Software Checksum
ช่วยในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล และป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดจาก Memory, Disk ที่มีปัญหา โดยจะตรวจสอบในระดับ Sector
รองรับ IPv6
รองรับการทำงานกับ IPv6 รวมทั้งการใช้งาน IPv4 และ IPv6 พร้อมกัน ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาผู้ใช้งานที่ต้องการย้ายจาก IPv4 ไปยัง IPv6 ได้
อย่างไรก็ตามฟีเจอร์การทำ Inline Deduplication, Compression และ Erasure Coding นั้นรองรับเฉพาะ Cluster แบบ All-Flash เท่านั้น และจะมีอยู่ใน Virtual SAN Advanced Edition ขึ้นไป สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดแต่ละ Edition ได้จากลิ้งนี้ https://www.vmware.com/products/virtual-san/compare.html