IBM Flashsystem

เส้นทางสู่ปรากฏการณ์แห่งสมรรถนะของ WAN (ตอนที่ 3)

บทความนี้เป็นตอนที่ 3 และเป็นตอนสุดท้ายของซีรี่ส์บทความที่เน้นเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยีของ SD-WAN โดยเฉพาะ

ซึ่งในบทความก่อนหน้า เราได้แสดงให้เห็นว่า Business Intent Policies และ Dynamic Path Control สามารถสร้างสมรรถนะ (Performance) ให้สูงยิ่งขึ้นได้อย่างไร ในบทความนี้ซึ่งเป็นตอนสุดท้าย เราจะพาไปดูบทบาทของ Traffic Shaping และการเพิ่มประสิทธิภาพ WAN (WAN optimization)

คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานในองค์กร จะขึ้นกับสมรรถนะของแอปพลิเคชัน (Application performance) และความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลอย่างรวดเร็ว ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะนำไปสู่ความได้เปรียบด้านการแข่งขันสำหรับองค์กรทุกแห่ง วิธีหนึ่งในการสร้างความมั่นใจว่า
ทราฟฟิกไม่ถูกหน่วงไว้ก็คือการใช้ Traffic Shaping

เทคโนโลยี Traffic Shaping สามารถช่วยสร้างความมั่นใจว่าการเชื่อมต่อแต่ละประเภทจะไม่มีผู้ใช้งานมากเกินไป Traffic Shaper Engine ควรจะจัดสรรแบนด์วิดท์เป็นเปอร์เซ็นต์แบนด์วิดท์ของระบบ และให้การสนับสนุนระดับ Class ของทราฟฟิกที่แตกต่างกันได้มากถึง 10 ระดับ โดยทั่วไปมักกำหนดระดับทราฟฟิกไว้ล่วงหน้าสี่ระดับ คือ แบบตามเวลาจริง (Real-Time), แบบโต้ตอบ (Interactive), แบบค่าเริ่มต้น (Default) และแบบทำหน้าที่อย่างดีที่สุด (Best Effort)

เทคโนโลยี Traffic Shaping ทำงานเป็นอิสระกับทั้งทราฟฟิกขาเข้าและขาออก สำหรับทราฟฟิกขาออก อาจกำหนดค่าต่ำสุดและสูงสุดของ Traffic Shaping Engine ที่ใช้ในการส่ง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้ผู้จัดการฝ่ายไอทีมีความยืดหยุ่นในการรับรองคุณภาพการให้บริการ หรือ QoS

สำหรับทราฟฟิกขาเข้า Traffic Shaper Engine จะใช้สำหรับลิงก์ IP เพื่อสร้างความมั่นใจว่าทราฟฟิกที่มีความสำคัญต่ำจะไม่แทนที่ทราฟฟิกที่มีความสำคัญสูงกว่า ตัวอย่างได้แก่ การที่ YouTube และแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียอื่นๆ สามารถรักษาแบนด์วิดท์เอาไว้ได้จากการดาวน์โหลดไฟล์วิดีโอขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังจำเป็นจะต้องมั่นใจว่าสถานการณ์การใช้งานที่เกิดบ่อยนี้ไม่ลดทอนสมรรถนะของลิงก์สำหรับแอปพลิเคชันที่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ (Mission-critical)

SD-WAN มีขีดความสามารถในการทำ Dynamic Rate Control (DRC) เพื่อเพิ่มประโยชน์ของ Traffic Shaping แบบสองทิศทาง (Bidirectional) ให้มากยิ่งขึ้นไปอีก DRC ช่วยให้อุปกรณ์ปรับแบนด์วิดท์สูงสุดสำหรับแต่ละทันแนล (Tunnel) โดยอัตโนมัติ อันเป็นการช่วยขจัดปัญหาความแออัดบน WAN รวมทั้งความเร็วในการเชื่อมต่อ ดังนั้น เมื่อต้องการเลือกใช้ SD-WAN ให้พิจารณาชนิดที่มีคุณสมบัติการทำ Traffic Shaping

การเพิ่มประสิทธิภาพ WAN

การเพิ่มประสิทธิภาพ WAN เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของสมรรถนะ แอปพลิเคชัน TCP/IP บางอย่าง เช่น การประมวลผลธุรกรรม ต้องอาศัยการทำแฮนด์เช็ค หรือการตอบรับระหว่างจุดปลายทาง (Endpoint) ซึ่งสิ่งนี้จะไม่เป็นปัญหาในระบบ LAN เนื่องจากระยะทางสั้น ดังนั้นจึงใช้ระยะเวลาในการส่งข้อมูลน้อยที่สุด

แต่หากสำนักงานสาขาที่อยู่ห่างไกลต้องเข้าถึงแอปพลิเคชันการประมวลผลธุรกรรมที่สำนักงานใหญ่ หรือในคลาวด์ ระยะเวลาส่งข้อมูลดังกล่าวอาจทำให้สมรรถนะและเวลาตอบสนองช้าลงอย่างเห็นได้ชัด เทคโนโลยี SD-WAN บางชนิดสามารถเร่งโพรโทคอล TCP ให้เร็วขึ้น ส่งผลให้เวลาตอบสนองของแอปพลิเคชันดีขึ้นมาก รวมทั้งประสิทธิภาพการทำงานด้วย

ดังนั้น เมื่อพิจารณาโซลูชัน SD-WAN ที่จะเลือกใช้ วิธีที่ดีที่สุดคือมองหาคอมโพเนนท์การเพิ่มประสิทธิภาพ WAN ที่มาพร้อมขีดความสามารถที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีสมรรถนะในระดับสูงสุดสำหรับระยะทางไกลๆ

เทคนิคการขจัดความซ้ำซ้อน (De-duplication) และการบีบอัดข้อมูลยังช่วยลดการส่งไฟล์และข้อมูลซ้ำๆ กันบน WAN ให้เหลือน้อยที่สุด และสร้างลายนิ้วมือ (fingerprint) ไปยังข้อมูลต้นฉบับเพื่อการเรียกใช้ในภายหลัง ซึ่งจะทำให้ผู้จัดการฝ่ายไอทีทำการสำรองข้อมูลเสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือกู้คืนข้อมูลที่สูญหายได้อย่างรวดเร็ว

หากท่านกำลังมองหา SD-WAN ขอแนะนำให้พิจารณา SD-WAN ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการเพิ่มประสิทธิภาพ WAN หรือ WAN Optimization ซึ่งมีความจำเป็นต่อการใช้งานที่เน้นระยะเวลาในการส่งข้อมูลหรือการใช้งานที่ต้องมีการถ่ายโอนข้อมูลเป็นจำนวนมาก

หากสนใจเกี่ยวกับ SD-WAN ที่ขับเคลื่อนด้วยสมรรถนะและ Unity EdgeConnect สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Silver Peak ที่ https://www.silver-peak.com/products/unity-edge-connect

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

ปลดล็อกทุกขีดจำกัดของข้อมูล Hybrid Multicloud ด้วยสถาปัตยกรรมใหม่จาก Nutanix AOS

แผนของ Hybrid Multicloud ในทางปฏิบัตินั้นยังมีความท้าทายอยู่ไม่น้อย ในประเด็นด้านการบูรณาการของเครื่องมือและข้อมูล โดยการออกแบบแอปพลิเคชันสมัยใหม่ควรให้ความสำคัญในเรื่องของ Cloud native ที่ถูกบริหารจัดการด้วย Kubernetes แต่ในชีวิตจริงการย้ายข้อมูลข้ามไปยังคลาวด์หรือ On-premise ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเช่นนั้น เพราะขาดซึ่งแพลตฟอร์มข้อมูลกลางที่ยึดโยงข้อมูลเข้ากับแอปพลิเคชันอย่างแท้จริง นั่นจึงนำไปสู่การเปิดตัวสถาปัตยกรรมด้านสตอเรจใหม่จาก …

ขอเชิญร่วมงานสัมมนา Microsoft Azure “Migrate to Innovate: Be AI-Ready and secure your IT foundation” [4 มิ.ย. 2568 — 9.00น.]

Metro Systems Corporation ร่วมกับ Microsoft ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมงานสัมมนาในหัวข้อ “Migrate to Innovate: Be AI-Ready and secure your IT …