เผยเรื่องราวเบื้องหลัง Wi-Fi 6 ผ่านมุมมองของผู้นำทีมพัฒนามาตรฐานอย่าง Huawei

มาตรฐาน Wi-Fi เริ่มปรากฎโฉมและถูกใช้งานครั้งแรกในปี 1997 หลังจากนั้นก็ถูกพัฒนาต่อเนื่องเรื่อยมา จนมาถึง Wi-Fi 6 ความเร็วระดับ Gbps ที่กำลังจะถูกประกาศเป็นมาตรฐานอย่างเป็นทางการในปี 2020 นี้ บทความนี้จะมาเล่าถึงเรื่องราวเบื้องหลังกว่าจะมาเป็นมาตรฐาน Wi-Fi 6 โดย Dr. Osama Aboul Magd จาก Huawei ในฐานะประธานกลุ่มพัฒนามาตรฐาน Wi-Fi 6 (IEEE 802.11ax)

Wi-Fi กลายเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิตของเรา เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วที่โปรโตคอล 802.11b ถูกคิดค้นพัฒนาขึ้น โปรโตคอล Wi-Fi แต่ละเจเนอเรชันหลังจากนั้นก็ได้ถูกปรับปรุงให้มีทั้งความเร็วและ Throughput สูงขึ้นเรื่อยมาเพื่อให้รองรับต่อความต้องการของผู้ใช้ในยุคนั้นๆ และเมื่อเราเดินทางเข้าสู่ยุค Digital Transformation ซึ่งเป็นยุคที่มีอุปกรณ์เชื่อมต่อหากันอย่างมหาศาล รวมไปถึงแนวคิดเรื่องเทคโนโลยี Edge Computing ทำให้มาตรฐาน Wi-Fi ใหม่ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านปริมาณทราฟฟิกของผู้ใช้ในอีกมิติหนึ่ง ส่งผลให้กลุ่มนักวิจัย IEEE 802.11 ได้จัดตั้งกลุ่ม High Efficiency WLAN Study Group ขึ้นมา เพื่อศึกษาการเพิ่มประสิทธิภาพของสเปกตรัม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มปริมาณ Throughput ภายใต้สถานการณ์ที่มีจำนวน AP และผู้ใช้หนาแน่น นั่นจึงเป็นที่มาของโครงการ 802.11ax หรือที่รู้จักกันในนาม Wi-Fi 6 ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2014

Dr. Osama Aboul Magd จาก Huawei ได้รับเลือกให้เป็นประธานกลุ่มพัฒนามาตรฐาน IEEE 802.11ax WLAN ซึ่งก่อนที่จะเข้าสู่ทีมพัฒนามาตรฐานนั้น Dr. Osama ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐานและมาตรฐานเครือข่าย เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับมาตรฐาน Wi-Fi ใหม่ รวมไปถึงการนำไปใช้งานในรูปแบบต่างๆ นอกจากนี้ Dr. Osama ยังได้อธิบายถึงสาเหตุว่าทำไมถึงต้องเปลี่ยนชื่อมาตรฐานจาก 802.11ax ไปเป็น Wi-Fi 6 และทำไมถึงควรเริ่มพิจารณาการนำ WI-Fi 6 เข้ามาใช้งาน

“Wi-Fi 6 เป็นปัจจัยสำคัญในการพลิกโฉมวิธีการที่เราซัพพอร์ตแอปพลิเคชันบนเครือข่าย Wi-Fi ในปัจจุบัน การวางระบบ Wi-Fi 6 จะช่วยสร้างและยกระดับประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้ใช้ในสถานการณ์ที่มีการใช้งานหนาแน่น เมื่อเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นใน Wi-Fi ยุคก่อนหน้า” — Dr. Osama กล่าว

หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของ 802.11ax คือการที่ผู้ใช้มีประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น และเพิ่ม Throughput ให้แต่ละอุปกรณ์บนเครือข่ายสูงกว่าเดิม 4 เท่าหรือมากกว่านั้น มาตรฐาน 802.11ax ยังถูกคาดหวังว่าจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพของการใช้ Wi-Fi ภายใต้สภาวะแวดล้อมที่มีปริมาณผู้ใช้งานหนาแน่น อย่างสถานที่สาธารณะ เป็นต้น ผ่านการใช้คลื่นสเปกตรัมที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การบริหารจัดการสัญญาณรบกวน และการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่โปรโตคอล เช่น Medium Access Control (MAC) นอกจากนี้ ยังมีการเสนอให้นำ OFDMA ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้ใน LTE และมาตรฐาน Wi-Fi ก่อนหน้า เข้ามาใช้ด้วย เพื่อเพิ่มอัตราการรับส่งข้อมูลให้สูงยิ่งขึ้น

ชื่อเดิมของมาตรฐาน Wi-Fi ในแต่ละเจเนอเรชันจะนำหน้าด้วย 802.11 ตามด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ 1 – 2 ตัวซึ่งไม่ได้เรียงลำดับกันอย่างชัดเจน ทำให้อ่านและจดจำได้ยาก จึงถูกเรียกใหม่ให้เข้าใจได้ง่ายกว่าเดิม คือ จาก 802.11ax ไปเป็น ‘Wi-Fi 6’ ในขณะที่ 2 มาตรฐานก่อนหน้าก็จะถูกเรียกเป็น ‘Wi-Fi 4’ (802.11n) และ ‘Wi-Fi 5’ (802.11ac) แทน จากชื่อที่เปลี่ยนใหม่นี้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่า มาตรฐาน 802.11ax ล่าสุดเป็นเทคโนโลยี Wi-Fi เจเนอเรชันที่ 6 ซึ่งสื่อให้คนทั่วไปเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ คนทั่วไปสามารถมองหาหมายเลขที่ต่อท้ายไอคอน Wi-Fi บนสมาร์ตโฟนเพื่อยืนยันได้ว่าโทรศัพท์ที่ตนใช้งานอยู่รองรับมาตรฐานใด Wi-Fi 4, Wi-Fi 5 หรือ Wi-Fi 6 และเมื่อมองจากมุมของตัวเทคโนโลยีเอง Wi-Fi 6 ไม่ใช่แค่การอัปเกรดประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจาก Wi-Fi 5 อย่างง่ายๆ แต่ยังมีการปรับปรุงตั้งแต่รากฐานของมาตรฐานรวมไปถึงคุณสมบัติต่างๆ ในระดับ PHY และ MAC ซึ่งบูรณาการฟีเจอร์ Multi-user MIMO เข้าด้วยกัน นอกจากนี้ Wi-Fi 6 ได้ถูกปรับปรุงให้รองรับการรับส่งข้อมูลพร้อมกันสูงสุดถึง 8 Spatial Streams และเทคนิค Beamfoaming ก็ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับ AP ได้พร้อมๆ กันมากขึ้น ในขณะที่ Throughput ยังอยู่ในระดับสูง

หนึ่งในรูปแบบการใช้งาน Wi-Fi 6 ยอดนิยม คือ ภายใต้สภาวะแวดล้อมที่มีการใช้งานหนาแน่น หรือก็คือมีผู้ใช้เป็นจำนวนมาก เช่น สถานที่สาธารณะอย่างสนามกีฬา ศูนย์การค้า สนามบิน รวมไปถึงห้องประชุม และห้องเรียน Wi-Fi 6 จะแสดงความสามารถแท้จริงออกมาได้เมื่อมีผู้ใช้แอปพลิเคชันที่ต้องการแบนด์วิดท์สูงหรือความหน่วง (Latency) ต่ำปริมาณมหาศาล โดย Wi-Fi 6 ไม่เพียงแต่จะเพิ่ม Throughput ให้เท่านั้น แต่ยังช่วยมอบประสบการณ์การใช้งานแอปพลิเคชันอันแสนยอดเยี่ยมให้แก่ผู้ใช้อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอปพลิเคชันประเภท On-demand Learning และ AR/VR นอกจากนี้ Wi-Fi 6 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Target Wait Time (TWT) ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานของอุปกรณ์ IoT ทำให้อุปกรณ์สามารถทำงานได้นานขึ้นกว่าเดิม

ในมหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษามากกว่า 30,000 คน หรือสนามกีฬากลางแจ้งที่มีผู้เข้าชมกว่า 80,000 คน ถ้าผู้คนเหล่านี้พร้อมใจกันเชื่อมต่อ Wi-Fi 5 อาจรองรับไม่ไหว แต่ Wi-Fi 6 สามารถจัดการกับปัญหานี้ได้โดยการให้อุปกรณ์เชื่อมต่อกับ AP แต่ละเครื่องพร้อมกันมากขึ้น และเปิดให้อุปกรณ์ข้างเคียงสามารถรับส่งข้อมูลได้พร้อมๆ กัน ตราบเท่าที่สัญญาณรบกวนอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ทำให้เมื่ออัปเกรดจาก Wi-Fi 5 ไปเป็น Wi-Fi 6 สามารถลดจำนวน AP ที่ใช้ลงได้ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการลงทุนติดตั้งอุปกรณ์ลง ที่สำคัญคือ Wi-Fi 6 ยังช่วยผลักดันที่เกิดการพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ๆ หลายประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แอปพลิเคชันมัลติมีเดียที่มาพร้อมกับวิดีโอระดับ UHD หรือ 4K

กล่าวได้ว่า Huawei มีบทบาทสำคัญในการพัฒนามาตรฐานและโปรโตคอล Wi-Fi 6 เป็นอย่างมาก นอกจาก Dr. Osama จะดำรงตำแหน่งเป็นประธานกลุ่มพัฒนามาตรฐานแล้ว ตัวแทนจาก Huawei ยังส่งการสนับสนุนไปยังกลุ่มพัฒนามาตรฐานถึงเกือบ 25% ซึ่งการสนับสนุนส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ในการจัดทำเอกสารสำหรับมาตรฐาน ทำให้ Huawei เป็นหนึ่งในผู้พัฒนา Wi-Fi 6 รายแรกๆ ของโลก โดยเริ่มพัฒนารุ่นต้นแบบมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2014 และเปิดตัว AP มาตรฐาน Wi-Fi 6 เครื่องแรกในปี 2017

ขณะนี้นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะเริ่มวางแผนการนำ Wi-Fi 6 เข้ามาใช้งาน องค์กรควรหันกลับไปดูกลยุทธ์การทำ Digital Transformation ของตนและประเมินว่าควรจะปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของระบบ IT อย่างไรให้รองรับต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว CIO และ IT Manager จำเป็นต้องเริ่มพิจารณาการอัปเกรดระบบเครือข่ายไปสู่ Wi-Fi 6 เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่นในอนาคต ปัจจุบันนี้ มีผู้ผลิตอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และชิปประมวลผลมากมายที่เริ่มให้บริการโซลูชันสำหรับ Wi-Fi 6 ปี 2019 ที่ผ่านมาจึงเป็นปีที่หลายองค์กรเริ่มประเมินและวางกลยุทธ์ทางด้าน Wi-Fi ใหม่ และเตรียมวางแผนนำ Wi-Fi 6 เข้ามาใช้เพื่อตอบรับความท้าทายในการพลิกโฉมธุรกิจสู่ยุคดิจิทัล

ผู้ที่สนใจสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Wi-Fi 6 ได้จากวิดีโอ Webinar ด้านล่าง บรรยายโดยคุณประยุทธ์ ตั้งสงบ IP CTO และคุณกิติพงษ์ ธาราศิริสกุล CTO จาก Huawei Enterprise Thailand

ที่มา: https://e.huawei.com/th/material/local/3152160ac8e04c6e9c2b930222df0e46

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

OpenAI เปิดตัวโมเดล Audio รุ่นใหม่สำหรับพัฒนา Voice Agent อัจฉริยะ

OpenAI ประกาศเปิดตัวโมเดล Audio รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงทั้ง Speech-to-Text และ Text-to-Speech พร้อมให้นักพัฒนาทั่วโลกใช้งานผ่าน API เพื่อสร้าง Voice Agent ที่มีความสามารถในการโต้ตอบอย่างเป็นธรรมชาติ

NB-IoT คืออะไร?

NB-IoT คงเป็นศัพท์ที่หลายท่านได้เห็นในทางเลือกของการเชื่อมต่อระยะไกลของอุปกรณ์ IoT และเชื่อว่าหลายคนก็ยังไม่เข้าใจเช่นกันว่า เหตุใดการโปรโมตบริการ NB-IoT จึงผ่านมาทางผู้ให้บริการมือถือรายใหญ่ ในบทความนี้เราจะมาอธิบายความหมายของ Narrowband IoT ให้รู้จักกันชัดๆ