ในงาน Intermach 2020 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2020 ณ ไบเทค บางนา ทางทีมงาน AIS IoT ได้ขึ้นเวทีบรรยายในหัวข้อ The Future of Thailand’s IoT/M2M 2021 Market & Trend ร่วมกับสมาคมไทยไอโอทีและบริษัท มัลติ อินโนเวชั่น ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจองค์กรไทยต้องจับตามองเพื่อเตรียมปรับตัวสู่อนาคต ทีมงาน TechTalkThai จึงขอสรุปประเด็นต่างๆ เอาไว้ดังนี้
สมาคมไอโอทีกับการผลักดันเทคโนโลยี IoT ในประเทศไทย
คุณนิติ เมฆหมอก นายกสมาคมไอโอที ได้เริ่มต้นวงเสวนาด้วยการเล่าถึงสมาคมไอโอทีมีดประสงค์สี่ด้านของสมาคม ดังนี้
- การสร้างความรับรู้เรื่อง IoT ตั้งแต่ระดับนิสิต นักศึกษา นักวิจัย นักพัฒนา และผู้ประกอบการ
- การสร้างผู้เชี่ยวชาญด้าน IoT เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญด้าน IoT ในไทยยังขาดแคลน
- การสร้าง Alliance เพื่อให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ
- การทำให้เทคโนโลยี IoT เกิดขึ้นและใช้งานได้จริง
คุณนิติยังได้เสริมอีกว่าที่ผ่านมาสมาคมไอโอทีจะเป็นตัวกลางในการประสานงานระหว่างภาคส่วนต่างๆ เพื่อให้เกิดความร่วมมือด้าน IoT มากขึ้น โดยสำหรับ Value Chain ของ IoT เองก็มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Smart Module, Smart Object, Smart Connectivity, Platform, Software Customization, Application และ Customer จึงจะครบวงจรตั้งแต่การสร้างสรรค์ไปจนถึงการใช้งานจริง และประเทศไทยก็ยังคงขาดส่วนประกอบสำคัญเหล่านี้อยู่ ดังนั้นทางสมาคมจึงมีแผนที่จะสร้างความร่วมมือทั้งภายในและภายนอกประเทศ, การผลักดันให้เกิดเวทีวิชาการด้าน IoT, การผลักดันให้เกิด Mega Project ทางด้าน IoT ขึ้นมาให้ได้ในประเทศไทย, การจัดการ IoT Expo ในระดับนานาชาติ และการวางมาตรฐานสำหรับผลิตภัณฑ์ IoT ในประเทศไทย
ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมาคมไอโอทีได้ที่ https://iotthailand.net/
AIS แบ่งปันผลการศึกษาตลาด IoT ในประเทศไทย
คุณนวชัย เกียรติก่อเกื้อ Enterprise Marketing Management Manager แห่ง AIS ได้มาเล่าถึงภาพของ AIS ในฐานะของผู้ให้บริการด้านระบบโครงข่ายซึ่งเป็นหัวใจสำคัญอันหนึ่งของโซลูชัน IoT จึงได้มีการจับมือกับธุรกิจต่างๆ ในเมืองไทยเพื่อผลักดันให้โซลูชันด้าน IoT เกิดขึ้นจริง และสร้างชุมชนนักพัฒนา IoT ตั้งแต่รุ่นเยาว์มาจนถึงรุ่นผู้ประกอบการ โดยเมื่อ 5G เริ่มกลายเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาในเมืองไทย AIS เองก็เล็งเห็นถึงโอกาสมากมายที่จะเกิดขึ้นใน Ecosystem ของ IoT ทั่วไทยที่จะสามารถพัฒนาโซลูชันต่างๆ ให้เกิดขึ้นจริงโดยไม่ติดข้อจำกัดด้านระบบโครงข่ายอย่างในอดีตอีกแล้ว
AIS นั้นได้มีการสำรวจตลาด IoT ในเมืองไทยมาอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดท่ามกลางวิกฤต COVID-19 ทาง AIS ก็ได้ร่วมมือกับ IDC จัดทำการสำรวจว่า COVID-19 นั้นจะส่งผลกระทบต่อตลาด IoT ในเมืองไทยอย่างไรบ้าง และได้รับผลสำรวจดังนี้
- มูลค่าตลาดรวมกันในทุกภาคส่วนได้แก่ Hardware, Services, Software และ Connectivity ของปี 2020 นี้ มีมูลค่ารวมกันอยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ซึ่งถือว่าไม่น้อย แต่หากไม่มี COVID-19 มูลค่าของตลาดก็น่าจะสูงกว่านี้
- หากมองแยกที่แต่ละส่วนของตลาด ทุกส่วนนั้นเติบโตขึ้นหมด แต่ล้วนก็ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ไม่เติบโตเท่าที่ควร เพราะโครงการบางส่วนหยุดชะงักไป โดยส่วนของ Connectivity นั้นได้รับผลกระทบมากที่สุด ในขณะที่ฝั่งของ Hardware, Services และ Software นั้นได้รับผลกระทบไม่มากนัก เพราะโครงการพัฒนาระบบเหล่านี้ยังคงต้องดำเนินต่อไปเพื่อรอการกลับมาของตลาด
- อีกปัจจัยที่จะส่งผลกับตลาด IoT ชัดเจนมากก็คือ 5G ที่จะทำให้เกิดกรณีการใช้งานของโครงข่ายที่มีคุณสมบัติเฉพาะทางสำหรับการใช้งาน IoT โดยเฉพาะได้ แต่ก็ยังคงต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปีกว่ากรณีการใช้งานเหล่านี้จะเกิดขึ้นจริงอย่างแพร่หลาย
โดยสรุปคือตลาด IoT ยังคงเติบโตต่อเนื่องไปในอนาคต ถึงแม้อาจจะเติบโตไม่รวดเร็วเท่าที่เคยทำนายเอาไว้ก่อนที่ COVID-19 จะมา แต่ภาพรวมวงการก็ยังคงขับเคลื่อนไปได้
ในมุมของ AIS เองนั้นก็มีตัวเลขสถิติด้านการเชื่อมต่อโครงข่ายสำหรับ IoT ในประเทศไทยที่น่าสนใจจากเดือนมิถุนายน 2020 มาแบ่งปันกันดังนี้
- การเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ผ่านโครงข่ายของผู้ให้บริการโดยรวมมีสูงกว่า 1.338 ล้านการเชื่อมต่อแล้ว เติบโตขึ้นมาจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 23% โดยเป็นการเชื่อมต่อที่ใช้ connectivity จาก AIS ถึง 783,000 อุปกรณ์ หรือมากกว่า 60% ของการเชื่อมต่อในประเทศ
- สำหรับตลาดประเทศไทย มีการใช้งาน IoT ในธุรกิจ Transportation & Logistics มากที่สุด ตามมาด้วย Finance และ Retail
- สำหรับตลาดระดับโลก มีการใช้งาน IoT ในภาคธุรกิจ Manufacturing มากที่สุด ซึ่งก็ทำให้เห็นว่าในไทยยังมีโอกาสที่ตลาด IoT สำหรับ Manufacturing จะเติบโตตามเทรนด์โลกได้
- ในประเทศไทย IoT Application ที่ถูกใช้งานมากที่สุดได้แก่ Fleet Management, Mobile EDC และ Kiosk ตามลำดับ
นอกจากในแง่ของโครงข่าย ทาง AIS เองก็มี AIS AIAP ซึ่งเป็นชุมชนของนักพัฒนา IoT ในประเทศไทยที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2018 จนปัจจุบันนี้มีสมาชิกมากกว่า 1,900 รายแล้ว และได้สร้างโครงการ IoT สำหรับธุรกิจให้เกิดขึ้นจริงแล้วมากกว่า 35 โครงการ ส่วนโครงการที่กำลังถูกพัฒนามากที่สุดในยามนี้คือ Smart Agriculture, Smart Building และ Smart City เป็น 3 อันดับแรก
IoT ยังมีอนาคตในไทย หลังธุรกิจได้เริ่มใช้งานตั้งแต่ก่อน COVID-19 และผู้คนได้สัมผัสกับเทคโนโลยีมากขึ้นในช่วง COVID-19
คุณสาธิต สาตรพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่ม บริษัท มัลติ อินโนเวชั่น ได้เล่าถึงมุมของตนเองในฐานะของ Systems Integrator ที่จะมามีบทบาทในการผสานเทคโนโลยีในโลก IoT เข้าเป็นโซลูชันสำหรับตอบโจทย์ธุรกิจ ซึ่งมี 4 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ 1) ส่วนของการผลิตหลอดไฟ, Sensor, Hardware และอื่นๆ 2) ส่วนของธุรกิจ SI สำหรับให้บริการหน่วยงานภาครัฐ กองทัพ และมหาวิทยาลัย 3) ส่วนของธุรกิจด้านพลังงานทั้งโรงงาน Bio Gas และโซลาร์เซลล์ 4) ส่วนของการพัฒนาระบบ Platform E-Marketplace ของไทยที่มีร้านค้ามากกว่า 1,000 แห่งเข้าร่วม
สำหรับโครงการทางด้าน IoT ที่มัลติ อินโนเวชั่นเคยทำมา ก็เห็นภาพชัดเจนว่าการมาของ COVID-19 นั้นทำให้การลงทุนทางด้าน IoT ของธุรกิจต่างๆ ชะงักไป แต่หลังจากนี้ก็มีโอกาสที่จะเติบโตกลับมาได้อย่างรวดเร็ว และมีอนาคตอีกไกล โดยในช่วงก่อน COVID-19 ก็มีโอกาสได้ไปร่วมในโครงการด้าน Smart Lighting ที่เป็นยุคถัดจาก LED ที่ IoT จะมาช่วยให้หลอด LED ประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้นไปอีก ในขณะที่โครงการกลุ่ม Smart City ซึ่งมีการใช้อุปกรณ์ปริมาณมหาศาลและสร้างผลกระทบขนาดใหญ่เองก็จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ตลาด IoT ยังเติบโตต่อไปได้อีกในอนาคต
มองย้อนกลับมา อุปกรณ์ IoT เองก็กลายเป็นอุปกรณ์ที่ใกล้ตัวเรามากขึ้นเรื่อยๆ และในทางกลับกันเองถึงแม้ที่ผ่านมา COVID-19 จะทำให้ตลาดโดยรวมของ IoT ชะลอลง แต่ก็ทำให้การบริโภคอุปกรณ์ IoT ในแง่มุมที่หลากหลายเกิดมากขึ้น และเชื่อว่าหลังจากนี้ธุรกิจองค์กรต่างๆ จะหันมาให้ความสำคัญกับโครงการด้าน IoT มากขึ้น ซึ่งจะเกิดขึ้นพร้อมกับการที่ค่าใช้จ่ายด้าน Connectivity จะลดลงอย่างต่อเนื่อง
คุณนวชัยจาก AIS ได้เสริมถึงกรณีการใช้งานจริงที่ AIS ได้เข้าไปมีส่วนร่วมอย่างโครงการ Smart Seaport ที่ได้นำ 5G ไปร่วมมือกับทางการท่าเรือแห่งประเทศไทยเพื่อทดสอบการควบคุมเครนยกของในท่าเรือจากระยะไกลได้อย่างแม่นยำและ Real-time ทำให้การจัดการท่าเรือเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะที่กรณีศึกษาถัดมาคือความร่วมมือกับ SCG และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ในการใช้ 5G ควบคุมรถ Forklift ระยะไกล โดยผู้ควบคุมอยู่ที่กรุงเทพมหานคร และรถ Forklift อยู่ที่สระบุรี ทำให้เห็นถึงอนาคตของการควบคุมเครื่องจักรหรือหุ่นยนต์ในรูปแบบอื่นๆ จากระยะไกลผ่าน 5G ได้ ทำให้การทำงานเป็นไปได้อย่างคล่องตัวยิ่งขึ้น และทำให้ผู้คนสามารถหลีกเลี่ยงการทำงานที่อันตรายด้วยการทำงานผ่านเครื่องจักรเหล่านี้ในระยะไกลได้
ทั้งนี้หลังจากนี้ AIS เองก็จะมีความร่วมมือกับธุรกิจและหน่วยงานต่างๆ เพื่อผลักดันภาพของการใช้ 5G ให้มีความหลากหลายและเกิดประโยชน์ต่อภาคงธุรกิจให้มากขึ้น และ AIS เองก็ยังเปิดรับต่อความร่วมมือใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องทั้งในภาคธุรกิจ, การศึกษา และการพัฒนา
สมาคมไอโอทีจับมือ AIS ร่วมผลักดันสร้าง Ecosystem ด้าน IoT
หลังจากเวทีเสวนาจบลง ก็ได้มีประกาศถึงพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีไอโอที ระหว่างสมาคมไทยไอโอทีและบริษัทแอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนของผู้ประกอบการทางด้าน IoT ในประเทศไทยเพื่อตอบสนองต่อโจทย์ความต้องการในภาคธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ กันอย่างเป็นระบบ และสร้าง Ecosystem ที่เข้มแข็งร่วมกัน เป็นอีกแรงสำคัญในการผลักดันธุรกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงด้วยนวัตกรรมที่เหมาะสมกับการใช้งานจริงในประเทศไทย
ความร่วมมือนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้าน IoT ใดๆ นั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งจากภาคธุรกิจที่มีโจทย์ที่ชัดเจน ทางภาคผู้พัฒนาเทคโนโลยีซึ่งมีองค์ความรู้ และทางด้านผู้ให้บริการโครงข่ายซึ่งจะสามารถสนับสนุนสัญญาณเชื่อมต่อรับส่งข้อมูลที่เหมาะสม พิธีลงนามในครั้งนี้ก็จะช่วยให้ผู้ประกอบการทางด้าน IoT มีโอกาสได้พบเจอกับโจทย์ทางธุรกิจซึ่งตรงกับทักษะของตนเอง และได้รับการสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ธุรกิจให้เป็นจริงขึ้นมาได้