Tencent ประกาศเปิดตัวดาต้าเซนเตอร์แห่งแรกในอินโดนีเซีย

Tencent บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จากจีนได้เปิดดาต้าเซนเตอร์แห่งแรกในอินโดนีเซียแล้ว เพื่อรองรับความต้องการที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต ในโอกาสเดียวกันนี้ยังเผยแผนที่จะเปิดดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่สองในไทยและเกาหลีใต้ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า

Tencent ถือเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ แม้ว่าหลายคนอาจจะไม่คุ้นชินแต่อันที่จริงแล้วบริษัทมีดาต้าเซ็นเตอร์ให้บริการแล้วกว่า 61 แห่ง เพียงแต่ว่ากว่า 40 แห่งอยู่ในจีน ซึ่งส่วนของประเทศอื่นหน่วยงานคลาวด์นอกประเทศเพิ่งถูกจัดตั้งขึ้นแค่ 3 ปีเท่านั้น แต่รุกเข้าไปในหลายประเทศแล้วเช่น สิงค์โปร์ โตเกียว เกาหลีใต้ รัสเซีย แคนนาดา และเยอรมัน ล่าสุดอินโดนีเซียถือเป็นอีกจุดสำคัญที่มีการจัดตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ขึ้นและประมาณการว่าภายในสิงหาคมจะเปิดแห่งที่สองในอินโดนีเซียตามมาเลย

โดย Tencent เผยว่าดาต้าเซ็นเตอร์ในจากาต้านี้มีแหล่งจ่ายไฟ 2 แหล่ง รวมถึงระบบไฟสำรองแบบ N+1 ซึ่งรองรับโหลดแบบเต็มที่ได้กว่า 72 ชั่วโมง ทั้งนี้บริษัทเห็นโอกาสในอินโดนีเซียเช่น JOOX และ WeTV ซึ่งบริษัทวางแผนว่าจะขยายผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์คนท้องถิ่นมากขึ้น รวมถึงหากคนจีนต้องการขยายธุรกิจมายังอินโดนีเซีย Tencent ก็จะเป็นโครงสร้างที่เหมาะสมด้วย

ที่มา : https://www.zdnet.com/article/tencent-cloud-pledges-sea-expansion-with-launch-of-indonesia-data-centre/

About nattakon

จบการศึกษา ปริญญาตรีและโท สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ KMITL เคยทำงานด้าน Engineer/Presale ดูแลผลิตภัณฑ์ด้าน Network Security และ Public Cloud ในประเทศ ปัจจุบันเป็นนักเขียน Full-time ที่ TechTalkThai

Check Also

IP Fabric เปิดตัวอัปเดต 7.0 เพิ่มความมั่นคงปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดสำหรับระบบมัลติคลาวด์

สตาร์ทอัพด้านการตรวจรับรองเครือข่ายโดยอัตโนมัติ IP Fabric ประกาศเปิดตัว IP Fabric Version 7.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหม่ของแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบและมาตรฐาน ความมั่นคงปลอดภัยได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมเสริมความยืดหยุ่นในการดำเนินงานสำหรับบริการดิจิทัลที่สำคัญในสภาพแวดล้อมมัลติคลาวด์

ดีลเจ้าของ TikTok ในสหรัฐฯ เจรจาเข้ม – Trump ตั้ง JD Vance เข้ามาดูแล

มีรายงานว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ได้แต่งตั้งรองประธานาธิบดี JD Vance ให้เป็นผู้ดูแลการเจรจาข้อตกลงที่อาจช่วยให้ TikTok สามารถดำเนินกิจการในสหรัฐฯ ต่อไปได้ ในขณะที่บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งแสดงความสนใจเข้าซื้อกิจการของ TikTok ในสหรัฐฯ