[Guest Post] ‘เทนเซ็นต์ คลาวด์’ ชี้ผู้ประกอบการเห็นความสำคัญ “การใช้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย” รองรับธุรกิจดิจิทัลขยายตัว และการบังคับใช้กฎหมาย PDPA มิถุนายนนี้

Digital Transformation ไม่ใช่เรื่องใหม่ และไม่ใช่เรื่องที่องค์กรจะมองข้ามได้อีกต่อไป เห็นได้จากการที่องค์กรทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทยต่างเดินหน้าลงทุนในด้านเทคโนโลยี กันมากขึ้นหลังจากการระบาดของ COVID-19 ที่กินเวลาต่อเนื่องมาแล้วถึงสองปี องค์กรส่วนใหญ่ได้ปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างความคล่องตัวให้กับการดำเนินธุรกิจรองรับการยืดหดของตลาดให้ได้แบบทันท่วงที (Business Agility) โดยสังเกตได้ว่ามีการจัดตั้งหน่วยงานดูแลด้านดิจิทัลอย่างจริงจังเพื่อทำให้ธุรกิจพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ด้วยแนวคิดแบบ Digital-First

มร. ชาง ฟู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า “การใช้งานคลาวด์ในไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลาง Disruption ที่เกิดขึ้นมากมายในทุกอุตสาหกรรม เทคโนโลยีคลาวด์และเอไอถูกนำมาใช้เพื่อขยายขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ แต่ประเด็นที่น่าสนใจ คือ แม้ว่าจะมีการใช้คลาวด์อย่างแพร่หลายรวมถึงทิศทางของการใช้งานระบบคลาวด์ในบริษัทไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า แต่จากรายงานของ PwC พบว่า องค์กรต่างๆ ยังไม่สามารถใช้งานคลาวด์ได้อย่างเต็มศักยภาพเท่าที่ควรจะเป็น ซึ่งแท้จริงแล้วองค์กรสามารถดึงศักยภาพอันมหาศาลของคลาวด์มาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ด้วยการปรับใช้คลาวด์เพื่อสร้างความคล่องตัวให้กับการดำเนินธุรกิจ (Business Agility) เพื่อให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปมาอย่างรวดเร็วได้ทันท่วงที ทั้งในแง่ของการสร้างการเติบโต หรือการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด”

ไฮบริด คลาวด์ (Hybrid Cloud) คือ หนึ่งในตัวเลือกทางกลยุทธ์แรกๆที่หลายองค์กรใช้เพื่อปรับโครงสร้างเข้าสู่ยุค Digital Transformation จากการนำโซลูชันคลาวด์และเอไอมาใช้ในองค์กร เพื่อรองรับการเติบโตของการกิจกรรมทางธุรกิจดิจิทัลมากมายที่ต้องอาศัยการส่งต่อ จัดเก็บ คิดคำนวณ และถ่ายโอนข้อมูลแบบออนไลน์มากขึ้น เพิ่มความรวดเร็วเมื่อต้องรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ไม่ว่าจะใช้งานโซลูชันคลาวด์ในแบบใด ควรเลือก Public Cloud ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือ เป็นไปตามข้อกำหนดทางกฏหมาย โดยเฉพาะความปลอดภัยในเรื่องของการจัดเก็บข้อมูล เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่องค์กรต้องนำมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ เป็นต้น ซึ่งในเดือนมิถุนายน 2565 นี้ ประเทศไทยจะเริ่มบังคับใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ซึ่งมีหลักสำคัญ คือ ต้องการให้เกิดการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอย่างถูกต้องและถูกวิธี โดยมีข้อกำหนดว่าข้อมูลส่วนบุคคล (Personal data) จะต้องถูกเก็บไว้ในประเทศไทย

ด้วยเหตุนี้ การเลือกใช้ Public Cloud จากเทนเซ็นต์ คลาวด์ที่มีเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลที่แข็งแกร่ง และดาต้า เซ็นเตอร์ตั้งอยู่ในประเทศไทยถึงสองแห่ง พร้อมที่จะเป็นพันธมิตรในด้านเทคโนโลยีให้ทุกองค์กร ที่จะนำคลาวด์ไปเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น ปลอดภัย และเป็นไปตามกฏหมาย ซึ่งดาต้าเซ็นเตอร์แห่งล่าสุดของเทนเซ็นต์ คลาวด์ที่ตั้งขึ้นในประเทศไทย ถือเป็นศูนย์ข้อมูลระดับ Tier 3 ตั้งอยู่ในทำเลศูนย์กลางเครือข่ายที่สำคัญใจกลางกรุงเทพฯ จุดเด่นของศูนย์ข้อมูลแห่งนี้ คือประสิทธิภาพในการประมวลผลข้อมูลที่เพิ่มสูงขึ้น มีความยืดหยุ่น ที่มาจากการติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ผสานกับการทำงานของ Graphics Processing Unit (GPU) ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการประมวลผลต่างๆ และสร้างความยืดหยุ่นในการใช้งาน

ยกตัวอย่างการใช้ Hybrid Cloud ของธุรกิจกลุ่มค้าปลีกจากการเลือกใช้ Public Cloud ของผู้ให้บริการที่มีดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการรับมือกับสถานการณ์เปลี่ยนแปลง รวมไปถึงรองรับแคมเปญทางการตลาดที่ทำอย่างต่อเนื่องและตลอดเวลา ขับเคลื่อนให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้อย่างไม่สะดุด ปัจจุบันแทบไม่มีธุรกิจค้าปลีกเจ้าใดที่ไม่มีการทำตลาด eCommerce หรือการทำ Digital Marketing ทุกเจ้าต่างออกแคมเปญการตลาดเพื่อส่งเสริมการขายมากมายต่อเนื่อง และมีการปรับกลยุทธ์อยู่ตลอดเวลา เช่น การเปิดจองสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ การเปิด Pre-sale การรับคูปอง การเปิดเป็น Market place ให้เจ้าของแบรนด์ทำไลฟ์ขายของพร้อมๆ กัน หรือการลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษต่างๆ ฯลฯ แน่นอนว่ากิจกรรมเหล่านี้ต้องมีการใช้คลาวด์และเอไอในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเพื่อใช้ในการดำเนินงานส่วนต่างๆ ซึ่งต้องมีระบบการจัดเก็บและส่งต่อข้อมูลที่ปลอดภัย ดังนั้น การเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินงานจากการใช้ Public Cloud ที่มีดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศ จึงเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ช่วยให้การดำเนินงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเก็บหรือเรียกใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA ของไทย

เทนเซ็นต์ คลาวด์ ในฐานะ ‘Digital Enabler’ ที่ทำหน้าที่สนับสนุนให้องค์กรประสบความสำเร็จในการสร้างความคล่องตัวพร้อมสนับสนุนทุกองค์กรเตรียมพร้อมปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงทั้งเชิงบวกและเชิงลบได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการผสานความเชี่ยวชาญ และความเข้าใจเชิงลึกในด้านการให้บริการแพลตฟอร์มขนาดใหญ่จากบริษัทแม่  ความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานจากพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุม 69 พื้นที่ใน 26 ภูมิภาคทั่วโลก และการมีดาต้าเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยถึง 2 แห่ง ที่ช่วยให้การถ่ายโอนข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว เสถียร และปลอดภัย นำเสนอโซลูชันระบบคลาวด์ที่มีความยืดหยุ่น ครอบคลุมความต้องการอันหลากหลายของแต่ละธุรกิจ ตอบโจทย์การเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวให้กับองค์กร ด้วยเครือข่ายที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูง รวมถึงการมีทีมงานคนไทยที่มีเชี่ยวชาญให้การสนับสนุนและคำแนะนำต่างๆ ผลักดันให้ธุรกิจสามารถก้าวข้ามความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้และรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้อย่างรวดเร็ว ทันท่วงที นำไปสู่การยกระดับองค์กรให้เป็นดิจิทัล เอ็นเตอร์ไพรส์ เต็มรูปแบบ” มร. ชาง กล่าวสรุป

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เทนเซ็นต์ คลาวด์ ได้ที่นี่

 

About Maylada

Check Also

NetApp เปิดทดสอบบริการ Backup สำหรับ Google Cloud NetApp Flex service level

NetApp ได้เพิ่มความสามารถ Backup สำหรับกลุ่มผู้ใช้ Google Cloud NetApp ในบริการแบบ Flex

Microsoft พร้อมให้บริการ o3-mini บน Azure OpenAI Service แล้ว

หลังจาก OpenAI ได้เปิดตัวโมเดล OpenAI o3-mini แบบ Generally Available ปลายสัปดาห์ที่แล้ว Microsoft ก็ได้ประกาศพร้อมให้บริการโมเดลบน Microsoft Azure OpenAI Service …