“เทนเซ็นต์ คลาวด์” เดินหน้าเสริมแกร่งสตาร์ทอัพไทย สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดด้วย Tencent Cloud Startup Program [Guest Post]

กรุงเทพฯ – (6 กรกฎาคม 2566) ท่ามกลางยุคดิจิทัลในปัจจุบันนี้ ธุรกิจสตาร์ทอัพได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อความสามารถในการแข่งขันของแต่ละประเทศ จากศักยภาพในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจผ่านการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด ด้วยเหตุนี้เทนเซ็นต์ คลาวด์ ในฐานะ Digital Enabler พร้อมให้การสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพไทย ผ่านโปรแกรม Tencent Cloud Startup Program ซึ่งจะช่วยสนับสนุนในด้านต่างๆ ให้สตาร์ทอัพสามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ รวมถึงเทคโนโลยีคลาวด์และเอไอที่หลากหลาย

มร. ชาง ฟู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า “จากรายงานของ Deloitte1 เผยว่าระบบนิเวศของสตาร์ทอัพไทยได้ถูกจัดให้อยู่อันดับที่ 11 ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอันดับที่ 4 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีอุตสาหกรรมฟินเทค อีคอมเมิร์ซ และโซลูชันทางธุรกิจ เป็นอุตสาหกรรมหลักในประเทศไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการเติบโตของสตาร์ทอัปจะเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญสำหรับเศรษฐกิจของประเทศ

ธุรกิจสตาร์ทอัพจำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีและระบบการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเพื่อให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทนเซ็นต์ คลาวด์ กลุ่มธุรกิจคลาวด์ภายใต้บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง เทนเซ็นต์ จึงพร้อมให้การสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพในทุกระดับ ผ่านโซลูชันและเทคโนโลยีต่างๆ ที่หลากหลาย โดยสามารถปรับแต่งโซลูชันที่ครอบคลุมทั้งด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการได้ตามความต้องการ นอกจากนี้เรายังมีบริการที่ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานในส่วนต่างๆ เพื่อยกระดับขีดความสามารถให้สตาร์ทอัพไทยสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศไทย”

Tencent Cloud Startup Program เป็นโปรแกรมที่นำเสนอแก่สตาร์ทอัพที่ใช้เงินทุนของตนเองและสตาร์ทอัพที่ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันทางการเงิน ให้สามารถใช้ประโยชน์จากบริการและโซลูชันของเทนเซ็นต์ คลาวด์ผ่านการสนับสนุนในด้านการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการมอบบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุดถึงหนึ่งแสนเหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติที่ผ่านการพิจารณา) ส่วนลดค่าบริการ การฝึกอบรม และโอกาสทางการตลาดอีกมากมาย โดยสตาร์ทอัพสามารถใช้บัตรกำนัลดังกล่าวกับโซลูชันคลาวด์หลากหลายประเภทที่ครอบคลุมทั้งบริการ IaaS PaaS และ SaaS อาทิ

  • Infrastructure as a Service (IaaS) – บริการหลักด้านโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์สำหรับสตาร์ทอัป อาทิ TDSQL
    โซลูชันฐานข้อมูลแบบกระจายที่ครอบคลุมทุกการใช้งาน ซึ่งมาพร้อมกับคุณสมบัติต่างๆ ได้แก่ มีความสอดคล้องกับระบบระดับสูง มีความพร้อมและประสิทธิภาพสูงในการใช้งาน อีกทั้งยังออกแบบให้สามารถรองรับการใช้งานได้ทั่วโลก สามารถปรับสเกลความต้องการแบบกระจายแนวนอน รวมไปถึงการรักษาความปลอดภัยระดับองค์กรแบบเหนือขั้น นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับบริการต่างๆ เช่น ระบบ DBA อัจฉริยะ ฟังก์ชันแบบอัตโนมัติ และระบบการตรวจสอบและการแจ้งเตือน นอกจากนี้ เทนเซ็นต์ คลาวด์ยังมอบส่วนลดให้กับสตาร์ทอัปที่ซื้อโซลูชัน Cloud Virtual Machine (CVM) ในปีแรก โดย CVM เป็นบริการคลาวด์คอมพิวติ้ง ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกเพิ่มหรือลดจำนวนทรัพยากรที่ใช้ในการประมวลผลได้ตามความต้องการในการใช้งาน และเก็บเงินตามจำนวนทรัพยากรที่ใช้งานจริง สตาร์ทอัปที่ใช้เงินทุนของตนเองและสตาร์ทอัปที่ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันทางการเงินที่ผ่านการพิจารณาและชำระค่าบริการแบบรายเดือนจะได้รับส่วนลด 40% ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 40,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ และ 1,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ
  • Platform as a Service (PaaS) – บริการด้านแพลตฟอร์มที่รองรับการขยายตัวให้แก่สตาร์ทอัป อาทิ
  • FR-eKYC ใช้เทคโนโลยี AI ชั้นนำของเทนเซ็นต์ มาช่วยการจดจำเอกสาร การตรวจจับใบหน้า และการเปรียบเทียบใบหน้า เพื่อยกระดับกระบวนการตรวจสอบตัวตนให้มีความรวดเร็วและแม่นยำ ผ่านอัลกอริทึมปัญญาประดิษฐ์
    1. Tencent Kubernetes Engine (TKE) จะเข้ามาช่วยจัดการเรื่องคอนเทนเนอร์เป็นหลัก และด้วยความยืดหยุ่นในการปรับขยายโครงสร้าง รวมถึงการมีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงจึงทำให้สามารถรองรับการจัดการคอนเทนเนอร์ต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ยังรับประกันในเรื่องความสอดคล้องด้านสิ่งแวดล้อมตลอดการพัฒนาการทดสอบและการรันระบบปฏิบัติการ ซึ่งทำให้มีความสะดวกมากขึ้นต่อการจัดการคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่
    2. CODING-CD ระบบที่สามารถควบคุมการเผยแพร่ การปรับใช้ และการส่งมอบซอฟต์แวร์ โดยสามารถเชื่อมต่อกับโปรแกรมการจัดการโค้ด (Git) และฐานการเก็บข้อมูลเพื่อให้ระบบสามารถดำเนินงานได้แบบอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับทริกเกอร์ภายนอก เพื่อให้สามารถพัฒนาเครื่องมือการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • Live Video Broadcasting (LVB) บริการรองรับการทำไลฟ์สตรีมคุณภาพสูง โดยสามารถรองรับผู้ชมได้จำนวนมาก ตลอดจนการแปลงรหัส การแพร่สัญญาณ และการรับชมย้อนหลังที่รองรับความละเอียดสูงระดับ High-Definition
  • Video on Demand (VOD) โซลูชันที่รองรับที่การบันทึกเสียง/วิดีโอ การอัปโหลด การจัดเก็บ การแปลงรหัสอัตโนมัติ และการรับชมย้อนหลังได้ทันทีที่ต้องการ
  • Software as a Service (SaaS) – ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์แบบครอบคลุมบนคลาวด์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านอุปกรณ์ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือเว็บเบราว์เซอร์ได้อย่างปลอดภัย และประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยซอฟต์แวร์ของเทนเซ็นต์ คลาวด์ ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งฟีเจอร์และฟังก์ชันให้ตรงกับความต้องการในการใช้งานหรือกระบวนการทำงานต่างๆ เพื่อความสะดวกสบายในการดำเนินงานและขยายธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

“เทนเซ็นต์ คลาวด์ มีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนธุรกิจทุกขนาดในทุกอุตสาหกรรม พร้อมให้บริการด้านโซลูชันที่หลากหลายมากกว่า 400 รายการผ่านความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานจากพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุม 70 พื้นที่ใน 26 ภูมิภาคทั่วโลกและการมีดาต้าเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยถึง 2 แห่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการคลาวด์ ความยืดหยุ่น และการรองรับต่อสถานการณ์ต่างๆ ตลอดจนมีทีมงานคนไทยที่มีความเชี่ยวชาญ คอยให้การสนับสนุน และคำแนะนำต่างๆ แก่ผู้ใช้บริการ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดและช่วยให้การดำเนินธุรกิจของลูกค้าในยุคดิจิทัลเป็นไปอย่างราบรื่น” มร. ชาง กล่าวสรุป

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่ https://www.tencentcloud.com/campaign/startupprogram?exit หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เทนเซ็นต์ คลาวด์ ได้ ที่นี่ 

*ข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บัตรกำนัล: 

  • บัตรกำนัลไม่สามารถใช้กับผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้ Domains, Short Message Service, Tencent Cloud Lighthouse, Tencent Cloud Marketplace และ Cloud Virtual Machine Spot Instance 
  • บัตรกำนัลมีอายุ 1 ปีนับจากวันที่บัญชี Tencent Cloud ที่ใช้ลงทะเบียนได้รับการอนุมัติ 
  • ไม่สามารถแลกเปลี่ยนหรือทอนเป็นเงินสดได้ หากบัตรกำนัลหมดอายุ จำนวนเงินคงค้างจะไม่สามารถขอคืนได้ในทุกกรณี

About chanphen

Check Also

Google Cloud เพิ่ม BigQuery datasets บน Marketplace แล้ว

Google Cloud ประกาศเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงชุดข้อมูล BigQuery datasets ผ่าน Google Cloud Marketplace ด้วยการผสานการทำงานร่วมกับ BigQuery Analytics Hub เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงข้อมูลสำหรับองค์กร

Goldman Sachs คาดการณ์การใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูลจะเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าภายในปี 2030 เหตุจาก AI

การแข่งขันด้าน AI ส่งผลให้ความต้องการใช้พลังงานในศูนย์ข้อมูลทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก โดย Goldman Sachs คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 55 GW เป็น 122 GW ภายในปี 2030