โดย คุณธเนศ อังคศิริสรรพ ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคอินโดจีน เลอโนโว

เทคโนโลยีเคยเป็นหัวใจสำคัญสำหรับธุรกิจ SMB ก่อนยุคโควิด โดยมุ่งเน้นไปที่อุปกรณ์ต่าง ๆ อาทิ แล็ปท็อป เดสก์ท็อป โทรศัพท์มือถือและเซิร์ฟเวอร์ รวมถึงอุปกรณ์เครือข่าย ความมั่นคงปลอดภัย ซอฟต์แวร์และบริการต่าง ๆ
และหลาย ๆ ธุรกิจ SMB ต่างก็ย้ายขึ้นคลาวด์เพิ่มมากขึ้น
เมื่อธุรกิจ SMB ทั่วโลกจำนวนมากถึง 86% เร่งหันมาเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็นการทำงานทางไกล (Remote work) อันเนื่องมาจากโควิด ผมคิดว่า ปัจจุบันความสนใจจึงมุ่งเน้นไปที่การพลิกโฉมธุรกิจด้วยเทคโนโลยี (Digital transformation) และเปลี่ยนไปจากแค่การจัดซื้ออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์สำหรับพนักงานที่ทำงานที่บ้านเพียงเท่านั้น
จากการวัดประเมินอัตราการเปิดใช้งาน (Activation rate) หรือ การที่ผู้ใช้เปิดการใช้งานอุปกรณ์ที่พึ่งซื้อมาใหม่เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปรับแต่งซอฟต์แวร์นั้น จะเห็นได้ว่าในช่วงไตรมาสที่ผ่านมามีอุปกรณ์จัดจำหน่ายไปยังผู้ใช้ปลายทางมากขึ้นราว 20% ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่ต่อยอดจากเดิม ดังที่ธุรกิจ SMB หลายรายต่างเร่งเพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยีในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด
ด้วยขนาดของธุรกิจ SMB ที่ต่างกันออกไป วิธีการที่ธุรกิจเหล่านั้นใช้เทคโนโลยี สถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนไปตามแต่ละส่วนของโลก และความต้องการของตลาดบางแห่งในการใช้งานไอทีเฉพาะทาง ทั้งหมดนี้ สิ่งใดจะกลายเป็นทางเลือกต่อไปในด้านเทคโนโลยีสำหรับธุรกิจ SMB
สร้างทีมใหม่

หากกลุ่มพนักงานไม่ร่วมมือกัน องค์กรก็จะไม่ประสบความสำเร็จ ดังที่ดีลอยท์ได้อธิบายถึงการทำงานร่วมกันว่าเป็นการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ โดยสามารถพิสูจน์และเห็นจากการดำเนินธุรกิจต่อไปด้วยแนวคิดใหม่ ๆ และสร้างประสิทธิภาพได้จากการทำงานร่วมกันเป็นทีม
การทำงานร่วมกันนั้นมีความสำคัญมาก่อนยุคโควิดเสียอีก แต่เมื่อการทำงานจากต่างที่กลายเป็นเรื่องปกติทั่วไป ดังนั้น จึงชัดเจนว่าประเด็นนี้ยิ่งสำคัญกว่าที่เคย
เราต่างได้เรียนรู้การใช้งานอุปกรณ์ของตนในรูปแบบใหม่ ๆ ในช่วงการแพร่ระบาด และเราไม่คิดที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านั้นในขณะนี้
สิ่งที่จะเปลี่ยนไปคือ ระบบนิเวศของอุปกรณ์ (Device ecosystem) ทั้งจอมอนิเตอร์และอุปกรณ์ที่ใช้งานร่วมกับแท็บเล็ตหรือเครื่อง PC เช่น อุปกรณ์ต่อพ่วงและอุปกรณ์จ่ายพลังงาน กล้องอัจฉริยะและระบบเสียง และสิ่งที่นอกเหนือจาก PC เพื่อใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันเฉพาะงานและซอฟต์แวร์ใหม่ระบบคลาวด์เพื่อเสริมประสบการณ์การทำงานร่วมกันและการแบ่งปันข้อมูล ซึ่งทำงานได้อย่างมั่นคงปลอดภัยทั้งหมด
นอกจากนี้ การที่คนมักใช้เวลาจ้องหน้าจออุปกรณ์มากถึงวันละ 13 ชั่วโมงในแต่ละวัน ทำให้มีงานวิจัยเพิ่มมากขึ้นที่ศึกษาว่า ผู้ใช้ควรได้รับแสง โดยเฉพาะแสงสีฟ้ามากน้อยเพียงใด และควรเปลี่ยนหน้าจออย่างไรเพื่อลดความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้นได้จากการใช้งานเป็นระยะเวลานาน
จากการเริ่มต้นใหม่สู่ความก้าวหน้า

การยกระดับเทคโนโลยีในหลาย ๆ ครั้งอันเป็นผลกระทบจากโควิดนั้น เคยเป็นเรื่องของการเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ ธุรกิจ SMB ขนาดย่อมได้อัปเกรดเปลี่ยนเป็นอุปกรณ์ใหม่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ส่วนธุรกิจ SMB ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจำเป็นต้องจัดหาคอมพิวเตอร์สำหรับพนักงานให้ทำงานที่บ้านได้ และต้องปรับปรุงเครือข่ายและความมั่นคงปลอดภัยขององค์กร การทำงานทางไกลและความจำเป็นที่ต้องทำงานร่วมกันผ่านวิดีโอก็ได้เพิ่มความต้องการของกล้องเว็บแคมสูงถึง 4 เท่า ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
การพลิกโฉมครั้งใหม่นี้ส่งสัญญาณถึงการเริ่มต้นแนวทางสู่เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและวัดผลได้มากขึ้นสำหรับหลายธุรกิจ SMB เมื่อถูกบีบบังคับให้ยกระดับ หลาย ๆ องค์กรต่างพบว่า เทคโนโลยีและการเข้าถึงเทคโนโลยีนั้นได้เปลี่ยนไปจากจุดที่ตนเคยรู้มาก่อน
ประเด็นหนึ่งที่เน้นเป็นพิเศษคือในแง่ของการบริการ
ก่อนยุคโควิด บริษัทหลาย ๆ แห่งใช้เพียงแค่บริการซ่อมบำรุงแก้ไขปัญหาหน้างาน แต่ปัจจุบันนี้บริการต่าง ๆ ที่เพิ่มคุณค่าสามารถสร้างความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในด้านประสิทธิภาพและโอกาสทางธุรกิจ เพราะเทคโนโลยีใหม่นั้นเข้าถึงได้มากขึ้น และเงินทุนสามารถนำไปจัดการลงทุนในพื้นที่การเติบโตแขนงใหม่และผู้มีทักษะหน้าใหม่ ยกตัวอย่างเช่น Device-as-a-service (DaaS) ที่สามารถดูแลโซลูชันไอทีที่ปรับแต่งแบบครบวงจร สำหรับค่าใช้จ่ายรายเดือนที่บริหารจัดการได้
เรายังคงพัฒนาการให้บริการไอทีสำหรับธุรกิจ SMB ให้ครอบคลุมทุกอย่างอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การติดตั้งสภาพแวดล้อมการดำเนินงานแบบมาตรฐาน (Standard operating environment) จากทางไกล บริการจัดการเครือข่าย (Network managed service) ไปจนถึงการสนับสนุนการพัฒนาซอฟต์แวร์และโซลูชันด้านความมั่นคงปลอดภัย
ตัวอย่างหนึ่งของธุรกิจ SMB ที่ใช้บริการที่ออกแบบเฉพาะองค์กร คือ บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งด้านการจัดเรียง DNA ซึ่งเป็นลูกค้าของ Lenovo โดยบริษัทแห่งนี้เป็นบริษัทเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีความต้องการโดยเฉพาะในด้านความมั่นคงปลอดภัย การแบ่งปันข้อมูลละเอียดอ่อนอย่างทันท่วงที และความสามารถในการประมวลผลขนาดใหญ่
เนื่องจากลักษณะข้อมูลที่บริษัทจัดการนั้นมีความละเอียดอ่อนและเป็นความลับ ดังนั้น Lenovo จึงพัฒนาบริการคลาวด์ส่วนบุคคล (Private cloud) ที่อยู่ภายในคลาวด์สาธารณะ (Public cloud) เพื่อให้บริษัทสามารถควบคุมและจัดการข้อมูลที่วางไว้ที่นั่นได้ อีกทั้งยังสร้างระบบการจัดการ ID และการควบคุมสิทธิ์ให้กับองค์กรอีกด้วย เพื่อให้บริษัทสามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงต่างระดับแก่พนักงานแต่ละคนได้
ธุรกิจ SMB ควรลงทุนเทคโนโลยีใหม่หรือไม่
จากที่กล่าวไปข้างต้น การลงทุนเทคโนโลยีใหม่ขึ้นอยู่กับธุรกิจ SMB เนื่องจากแต่ละธุรกิจมีความแตกต่างกันไป ทั้งในแง่ของการดำเนินงานในแต่ละอุตสาหกรรมและตลาดที่ต่างกันออกไป ผมคิดว่ามีความเสี่ยงที่จะล้าหลังเทคโนโลยี ซึ่งถือว่าเป็นความเสี่ยงยิ่งกว่าการไม่ลงทุนในระบบและบริการใหม่ ๆ ทั้งนี้ มีงานวิจัยที่รองรับคำกล่าวที่ว่า ก่อนยุคโควิด ธุรกิจ SMB รู้สึกว่า บริษัทของตนล้าหลังในด้านไอทีและจำเป็นต้องลงทุนเพิ่ม
ธุรกิจ SMB ขนาดเล็กอาจสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ด้วยอุปกรณ์ไอทีพื้นฐานที่มีความมั่นคงปลอดภัย แต่มีความเสี่ยงที่จะตามไม่ทันคู่แข่งที่เปิดรับโลกไฮบริดดิจิทัล
ส่วนธุรกิจ SMB ขนาดใหญ่อาจเผชิญหน้ากับความเสี่ยงระดับใหญ่กว่าหากองค์กรไม่ดำเนินการลงทุนเทคโนโลยีต่อไปในการช่วยส่งมอบประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้น (ซึ่งเป็นสิ่งที่ธุรกิจ SMB กว่า 1 ใน 4 ต่างเห็นตรงกันว่าเป็นสิ่งที่สำคัญสูงสุดสำหรับไอทีขององค์กร)
โลกกำลังเปลี่ยนไป
วิธีการการดำเนินธุรกิจกำลังเปลี่ยนไป
ภูมิทัศน์เทคโนโลยีทางธุรกิจกำลังเปลี่ยนไป
ในฐานะพาร์ตเนอร์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์และผู้ให้บริการโซลูชันครบวงจร สิ่งที่ Lenovo กำลังทำร่วมกับลูกค้า SMB ของเรา คือการช่วยสนับสนุนให้ SMB ดำเนินธุรกิจต่อไปได้ แทนที่จะมากังวลด้านไอที
