หากพูดถึง Data Center ที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูงในประเทศไทยนั้น Nexcenter™ ของ NTT Communications เองก็ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าจับตามองไม่น้อย และยังได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าในภาคธุรกิจองค์กรและโรงงานเป็นอย่างดี จนล่าสุดในปี 2019 นี้เอง ทาง NTT Communications ก็ได้ประกาศขยาย Nexcenter™ BKK2 เป็นเฟสที่ 3 ให้เปิดจองพื้นที่กันได้ อีกทั้งยังประกาศความสำเร็จในการผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO50001 ซึ่งจะช่วยให้ Nexcenter™ นั้นสามารถใช้พลังงานได้อย่างคุ้มค่าเหนือกว่า Data Center ทั่วๆ ไป ให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนด้านการใช้พลังงานในประเทศไทยไปด้วยอีกทางหนึ่ง
Nexcenter™: บริการ Data Center มาตรฐานระดับโลกตอบโจทย์ธุรกิจองค์กรจาก NTT Com

Nexcenter™ นี้มีที่มาของชื่อจากการนำคำว่า Next และ Center มาผสานรวมกัน เพื่อให้แสดงถึงบริการเบื้องหลังของ NTT Communications ที่ต้องการจะเป็นผู้นำทางด้านตลาด Data Center ด้วยการก้าวนำให้เหนือกว่า Data Center ทั่วๆ ไปหนึ่งก้าวอย่างเสมอ ทั้งในแง่ของคุณภาพในการให้บริการ, ความยืดหยุ่นในการนำเสนอโซลูชันเพื่อตอบโจทย์ทางธุรกิจ และความคุ้มค่าในการลงทุนที่จะช่วยให้ธุรกิจองค์กรต่างๆ นั้นมั่นใจในการมาลงทุนใช้งานบริการของ Nexcenter™
หากเทียบกับบรรดา Data Center อื่นๆ ที่มีอยู่ในประเทศไทย Nexcenter™ นั้นต้องการวางตัวเองให้อยู่ในระดับของ Premium Data Center ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีและการออกแบบที่เหนือชั้นที่สุดให้กับเหล่าลูกค้าองค์กร ไม่ว่าจะเป็น SLA ทางด้านพลังงานที่ระดับ 100% พร้อมระบบ Fully Redundant สำหรับพลังงานและระบบเครือข่าย ที่มีการเชื่อมต่อไปยังผู้ให้บริการหลากหลายทั้ง CAT, Jastel, UIH, True, Symphony, AWN, Interlink และ TOT รวมถึงยังเชื่อมต่อกับเครือข่ายของ NTT Com ออกไปยังต่างประเทศได้โดยตรง ทำให้สามารถตอบโจทย์ของเหล่าธุรกิจองค์กรที่มีการใช้งานบริการ Cloud ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ธุรกิจข้ามชาติที่มีสาขากระจายอยู่หลายประเทศได้เป็นอย่างดี

Data Center ภายใต้แบรนด์ Nexcenter™ นี้ในไทยมีด้วยกัน 2 แห่ง ได้แก่ BKK1 ที่อยู่ในบริเวณกรุงเทพมหานคร และ BKK2 ซึ่งเป็น Data Center แห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ใน Amata Data Center Park ห่างจากกรุงเทพมหานครออกไปถึง 70 กิโลเมตร เป็นพื้นที่ที่ไม่เคยมีการชุมนุมทางการเมืองหรือเกิดเหตุอุทกภัยมาก่อน รวมถึงยังไม่อยู่ในแนวพื้นที่อันตรายจากเหตุแผ่นดินไหวด้วย ด้วยเหตุนี้เองเหล่าธุรกิจองค์กรจำนวนมากที่มองหา Data Center ที่มีความมั่นคงและน่าเชื่อถือ จึงได้เลือกใช้ Nexcenter™ BKK2 เป็นอย่างมากจนพื้นที่ในเฟส 1 และเฟส 2 ของการลงทุนนั้นถูกจับจองจนเกือบเต็มพื้นที่อย่างรวดเร็ว
Nexcenter™ BKK2 มีพื้นที่โดยรวมมากกว่า 10,000 ตารางเมตร และมีพื้นที่สำหรับบริการ Colocation มากกว่า 5,000 ตารางเมตร รองรับการติดตั้งตู้ Rack ขนาด 42U ได้สูงสุดถึง 1,500 ตู้เลยทีเดียว
การออกแบบ Nexcenter™ BKK2 นี้ได้ออกแบบสอดคล้องตามมาตรฐาน Uptime Institute Standard ระดับ Tier 3 และ Tier 4 ผสมกัน เพื่อให้ Data Center นี้มีคุณภาพสูงสำหรับให้บริการลูกค้าได้อย่างมั่นใจ ดังนี้

ส่วนมาตรฐานต่างๆ ที่ Nexcenter™ ได้รับนั้นก็ได้แก่ ISO27001:2013 มาตรฐานด้านความปลอดภัยของข้อมูล, Payment Card Industry Data Security Standard หรือ PCI DSS มาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยสำหรับธุรกิจที่ต้องจัดการกับข้อมูลบัตรเครดิต, ISAE 3402 Type 2 Report รายงานเพื่อรับรองถึงการควบคุมการให้บริการภายในองค์กร และล่าสุดนี้เองก็ยังได้รับ ISO50001:2011 ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านการบริหารจัดการพลังงานโดยเฉพาะอีกด้วย
ความปลอดภัยเองก็ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของบริการ Nexcenter™ ดังนั้นก่อนที่ลูกค้ารายใดๆ จะสามารถเข้าถึง Hardware ของตนเองภายในตู้แร็คได้นั้น ก็ต้องผ่านด่านการตรวจสอบด้านความมั่นคงปลอดภัยมากถึง 8 ชั้นเลยทีเดียว
สำหรับบริการต่างๆ ที่เปิดให้ใช้งานได้ใน Nexcenter™ มีด้วยกันดังนี้
- Colocation สำหรับวาง Server หรือ Hardware ต่างๆ
- BCP Office เช่าใช้งานพื้นที่ทำงานยามเกิดภัยพิบัติ
- Connectivity บริการเชื่อมต่อเครือข่ายผ่าน UTP และ Fiber
- Remote Hands เจ้าหน้าที่ช่วยดูแลรักษาระบบต่างๆ ทั้งการจัดการการแจ้งเตือน, การแก้ไขการเดินสาย, การเปิดปิดเครื่อง ไปจนถึงการจัดการกับ Tape Backup, การออกรายงาน, การทำหน้าที่ที่กำหนดรายวัน และอื่นๆ ตามแต่จะตกลง
- Network มีทั้งการเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่าง NexcenterTM ทั้ง 2 สาขาเข้าด้วยกันด้วยความเร็วสูง, บริการ Internet ทั้งภายในและนอกประเทศ รวมถึง Arcstar Universal One สำหรับเชื่อมต่อเครือข่ายใน 196 ประเทศทั่วโลกเข้าด้วยกัน
สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Nexcenter สามารถศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเพิ่มเติมได้ที่ https://www.th.ntt.com/en/services/data-center/nexcenter/thailand.html ครับ
ลงทุน 500 ล้านบาท ขยาย Nexcenter™ BKK2 ในเฟส 3 รองรับการเติบโตของภาคธุรกิจและ EEC พร้อมตอบรับ Workload แบบ High Density สำหรับ Advanced Solution
สำหรับการประกาศแรกที่ใหญ่มากในปี 2019 ของ Nexcenter™ ในประเทศไทยนั้น ก็คือการลงทุนเพิ่มเติมอีก 500 ล้านบาทโดย NTT Communications เพื่อเปิดโครงการในเฟส 3 ของ Nexcenter™ BKK2 ภายใต้แนวคิด High Density Data Center โดยเฉพาะ โดยในการเฟส 3 นี้จะมีพื้นที่ 1,200 ตารางเมตร และกำลังไฟฟ้าที่สูงถึง 2,000 กิโลวัตต์ เพื่อรองรับ Workload แบบใหม่ๆ ที่จำเป็นต้องใช้พลังงานสูงภายในพื้นที่ตู้ Rack ขนาดเล็กอย่างเช่นการใช้ GPU ประมวลผลงานทางด้าน AI โดยเฉพาะเป็นต้น ในขณะที่ระบบทั้งหมดยังคงมีความมั่นคงทนทานตามมาตรฐาน
เฟส 3 ของ Nexcenter™ BKK2 นี้ตอบโจทย์ต่อการทำ Digital Transformation ของภาคธุรกิจองค์กร และโครงการ Eastern Economic Corridor หรือ EEC ที่ต้องมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าไปใช้ในภาคส่วนต่างๆ ของธุรกิจที่จะมีการลงทุนในประเทศไทยด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง AI ที่จะกลายเป็นเทคโนโลยีหลักที่ถูกใช้งานในธุรกิจหลากหลาย และการนำ GPU มาเปิดให้บริการภายใน Data Center ที่จะช่วยให้การประมวลผล AI มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการใช้งาน Software ด้านการออกแบบต่างๆ เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทั้งคู่นี้ต่างก็จำเป็นต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิตทั้งสิ้น รวมไปถึงการทำแอดวานซ์โซลูชันอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น IoT, Hybrid Cloud หรือ Blockchain และอื่นๆ เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจ
การออกแบบเพื่อรองรับ Workload เฉพาะทางนี้ได้ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว เพราะหลายธุรกิจในประเทศไทยเองนั้นก็เริ่มมีแผนในการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้าน AI ของตนเองกันมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจปริมาณมหาศาลที่มีอยู่และเกิดขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะธุรกิจในกลุ่มการเงินของประเทศไทยที่มักเป็นผู้บุกเบิกการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้งาน และธุรกิจกลุ่มพลังงานที่พร้อมจะสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องอยู่เสมอ และแน่นอนว่าด้วยมาตรฐานที่ Nexcenter™ มีอยู่นั้นก็ย่อมจะทำให้ธุรกิจสองกลุ่มนี้มั่นใจและเลือกใช้บริการได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
เฟส 3 ของ Nexcenter™ BKK2 นี้เริ่มเปิดให้เหล่าธุรกิจองค์กรที่สนใจได้เข้าไปจับจองพื้นที่สำหรับใช้งานกันแล้ว และมีแผนที่จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการภายในเดือนกรกฎาคม 2019 ที่จะถึงนี้
ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ISO50001 ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่ามากยิ่งขึ้นเพื่อความยั่งยืน
ประเด็นด้านการใช้พลังงานภายใน Data Center นี้ถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นใหญ่ที่เหล่าธุรกิจ Data Center ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกันเป็นอย่างมาก เพราะไม่เพียงแต่พลังงานนั้นจะเป็นต้นทุนที่ส่งผลเป็นอย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจ Data Center แต่การประหยัดพลังงานให้ได้นั้นถือเป็นวาระสำคัญของหลายๆ ประเทศทั่วโลกในภาวในยามนี้ และธุรกิจองค์กรหลายๆ แห่งเองก็ให้ความสำคัญทั้งในเชิงของความคุ้มค่าและการรักษาสิ่งแวดล้อมไปด้วยพร้อมๆ กัน
ISO50001 นี้เป็นมาตรฐานด้านการบริหารจัดการพลังงานที่อ้างอิงจากหลักการ Continuous Improvement ด้วยการนำ Plan-Do-Check-Act หรือ PDCA เข้ามาประยุกต์ใช้งาน โดยมีภาพรวมของ Framework ดังนี้
- สร้างนโยบายใหม่ๆ และบังคับใช้เพื่อเพิ่มความคุ้มค่าในการใช้พลังงาน
- ตั้งเป้าหมายและวัตถุประสงค์ให้ตอบรับต่อนโยบาย
- ใช้ข้อมูลในการทำความเข้าใจและตัดสินใจด้านการใช้พลังงาน
- วัดผลที่เกิดขึ้นจากการทำตามนโยบาย
- ทบทวนว่านโยบายที่กำหนดเอาไว้นั้นได้รับผลเป็นอย่างไร
- ปรับปรุงการบริหารจัดการด้านการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง
- การฝึกอบรมบุคลากร เพื่อสร้างความต่อเนื่องในการรักษามาตรฐานการดำเนินงาน
การนำ ISO50001 มาปฏิบัติใช้งานจริงนี้จะทำให้ธุรกิจที่มีพลังงานเป็นต้นทุนหลักอย่าง Data Center สามารถเพิ่มความคุ้มค่าในการใช้พลังงานไปพร้อมๆ กับผลกำไรได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งการชี้วัดความคุ้มค่าในการใช้พลังงานนี้จะมีการวัดค่า Power Usage Effectiveness หรือ PUE นั่นเอง
ค่า PUE นี้คิดจากการนำพลังงานทั้งหมดที่ใช้ หารด้วยพลังงานที่ใช้สำหรับอุปกรณ์ IT ภายในระบบ โดยหากค่ายิ่งเข้าใกล้ 1.0 ได้นั้นก็ถือว่ายิ่งดี นั่นแปลว่าหากธุรกิจ Data Center ยิ่งสามารถลดการใช้พลังงานในส่วนที่นอกเหนือจากอุปกรณ์ IT โดยตรงได้เท่าไหร่ ค่า PUE ก็จะยิ่งลดต่ำลง และแปลว่าธุรกิจนั้นๆ ยิ่งสามารถใช้พลังงานได้คุ้มค่ามากขึ้นนั่นเอง
หลังจากที่ Nexcenter™ ได้นำ ISO50001 เข้ามาใช้งานนั้น ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายประการ เช่น
- ปรับการตั้งค่า Compressor จาก 70% เป็น 100% เพื่อให้ Compressor ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และลดปริมาณการทำงานของ Compressor อีกชุดหนึ่งลง
- การเปลี่ยนหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ T5 เป็นหลอด LED แทนทั้งสิ้นจำนวน 432 หลอด
- การติดตั้งเครื่องลดความชื้นและปรับแต่งการทำงานของเครื่องปรับอากาศในห้อง Maintenance Corridor
- การปรับตั้งอุณหภูมิน้ำเย็นจากเครื่องทำน้ำเย็น (Chiller) ให้สูงขึ้นจาก 45 °F เป็น 49 °F
กิจกรรมเหล่านี้สามารถช่วยลดค่า PUE ของ Nexcenter™ ลงได้มากทีเดียว โดยจากเดิมในปี 2017 ที่มีค่า PUE อยู่ที่ 2.5 นั้น ก็สามารถลดได้ลงถึงต่ำกว่า 2.0 ในปี 2018 และการวัดผล PUE ของเดือนกุมภาพันธ์ นั้นก็สามารถลดค่า PUE ลงไปได้ถึง 1.65 เลยทีเดียว ที่ผ่านมาค่า เรียกได้ว่าภายในเวลาเพียงหนึ่งปีนั้น ก็สามารถลดค่า PUE ลงไปได้มากกว่า 30% แล้ว
แน่นอนว่าทาง Nexcenter™ เองก็จะไม่หยุดกิจกรรมด้านการบริหารจัดการพลังงานลงเพียงแต่เท่านี้ และหลังจากนี้ก็จะมีการปรับเปลี่ยนกระบวนการหรือการตั้งค่าและทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้การใช้พลังงานภายใน Nexcenter™ นั้นมีความคุ้มค่าสูงยิ่งขึ้น ให้สามารถรองรับต่อการเติบโตทางด้านระบบ IT ภายใน Nexcenter™ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างคุ้มค่าและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นไปด้วยในอนาคต
สนใจ Nexcenter™ ติดต่อทีมงาน NTT Communications ได้โดยตรง
สำหรับผู้ที่สนใจในบริการ Nexcenter™ สามารถติดต่อทีมงาน NTT Communications เพื่อขอคำปรึกษาหรือใบเสนอราคาได้ทันทีที่ nttct-marketing-gl@ap.ntt.com