สัมภาษณ์ NTT กับวิสัยทัศน์ด้านการจับมือกันของผู้ให้บริการ Cloud ไทย พร้อมแง่มุมของ Veeam ที่ไม่ใช่เพียงการสำรองข้อมูล

ในงานสัมมนา VeeamOn 2019 Tour Bangkok ทางทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้สัมภาษณ์กับคุณธนวัฒน์ วิวัฒน์พาณิชย์ Deputy Director ทางด้าน Product & Service แห่ง NTT ในเรื่องราวของทิศทางตลาด Cloud ไทย และการนำ Veeam มาให้บริการในแง่มุมที่เหนือไปกว่าการเป็นโซลูชันด้าน Backup และ Disaster Recovery แก่ธุรกิจองค์กรไทย

นำเสนอ Veeam ในรูปแบบ Managed Services ครอบคลุมทั้งการทำ Data Management, Backup และ Disaster Recovery

โดยทั่วไปแล้วหากเราได้พบเจอกับบริการ Veeam บน Cloud ภาพส่วนใหญ่ที่เราเห็นนั้นมักจะเป็นภาพของการให้บริการด้านการทำ Backup และ Disaster Recovery เป็นหลัก ซึ่งบริการเหล่านี้ NTT เองก็ได้เปิดให้บริการมานานแล้ว และปัจจุบันก็ได้เรียนรู้ความต้องการของธุรกิจองค์กรที่มีต่อการสำรองข้อมูลและระบบมากขึ้น จึงได้ขยายจากบริการ Cloud มาสู่บริการ Managed Services อย่างเต็มตัว

คุณธนวัฒน์ได้เล่าว่า Managed Services นี้ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของ NTT หลังจากนี้ โดยการเสริมบริการ Managed Services ให้กับบริการ Backup และ Disaster Recovery ที่ใช้ Veeam เป็นหลักนี้ ก็ทำให้ NTT ได้นำเทคโนโลยีอื่นๆ ของ Veeam และบริการจากทีมวิศวกรภายในของ NTT เข้ามาช่วยตอบโจทย์ให้แก่ธุรกิจองค์กรเพิ่มเติม เช่น

• มีทีมงานของ NTT เข้าร่วมประชุมกับแผนก IT ของธุรกิจองค์กรต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับแต่งแนวทางการสำรองข้อมูลและระบบให้สอดคล้องต่อความต้องการของระบบใหม่ๆ
• การนำ Veeam One มาให้บริการออกรายงานต่างๆ พร้อมปรับแต่งรายงานให้สอดคล้องกับความต้องการของการทำ Audit
• มีทีมงานของ NTT คอยตรวจสอบว่าข้อมูลหรือระบบที่ทำการสำรองได้นั้น จะสามารถถูกกู้ขึ้นมาให้พร้อมใช้งานได้อย่างมั่นใจ
• มีการพัฒนาระบบ Portal เพื่อให้ลูกค้าที่ใช้งานบริการ Cloud ของ NTT สามารถเข้ามาจัดการปรับแต่งการสำรองข้อมูลได้ด้วยตนเอง

บริการ Managed Services นี้จะช่วยให้ธุรกิจองค์กรต่างๆ สามารถลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องกังวลถึงประเด็นด้านการขาดแคลนทรัพยากรบุคคลในการดูแลรักษาและบริหารจัดการใช้งานเทคโนโลยีเหล่านั้นให้มีประสิทธิภาพ สามารถมุ่งเน้นไปที่การดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจและเทคโนโลยีได้อย่างเต็มที่

แนวทางนี้ของ NTT ทำให้ลูกค้าของ NTT มีทางเลือกมากขึ้นในการเลือกใช้งาน Veeam ซึ่งเดิมทีลูกค้าบริการ Cloud ของ NTT แทบทุกรายเองนั้น ก็มักจะเลือกใช้บริการ Veeam เพื่อสำรองข้อมูลด้วอยู่แล้ว

ทั้งนี้นอกเหนือจากการปรับนำ Veeam มาให้บริการ Managed Services แล้ว ทาง NTT เองก็ยังมีบริการ Managed Services อื่นๆ อีกมากมายพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าธุรกิจองค์กร ในขณะเดียวทาง NTT เองก็ยังมุ่งมั่นนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาเสริมเพื่อให้บริการ Managed Services มีคุณภาพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น ปัจจุบันนี้ทาง NTT เองก็ได้เริ่มมีการศึกษาแนวทางในการทำ AI เข้ามาประยุกต์ใช้เสริมศักยภาพให้กับบริการ Managed Services ของตนเอง เป็นต้น รวมถึงยังมีบริการอย่าง Security Operations Center หรือ SOC สำหรับคอยตรวจสอบ, แจ้งเตือน และยับยั้งภัยคุกคามต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระบบของธุรกิจองค์กรได้อย่างทันท่วงที

Hybrid Cloud / Multi-Cloud กำลังโต Veeam คือเครื่องมือตัวช่วยที่ยอดเยี่ยม

คุณธนวัฒน์ได้แสดงความคิดเห็นในฐานะของหนึ่งในผู้ให้บริการ Cloud รายใหญ่ทั้งในระดับประเทศไทยและในระดับภูมิภาค ว่า NTT นั้นก็เห็นว่า Hybrid Cloud และ Multi-Cloud คือคลื่นลูกถัดไปของเหล่าผู้ให้บริการทั่วโลกอย่างชัดเจน ซึ่งสองเทคโนโลยีนี้ก็เป็นอีกกลยุทธ์หลักของ NTT ถัดจากนี้ไปด้วยเช่นกัน

ที่ผ่านมา NTT นั้นได้ขยายความสัมพันธ์กับเหล่าผู้ให้บริการ Cloud ชั้นนำระดับโลกมากมาย ด้วยการเชื่อมต่อโครงขยายที่ครอบคลุมทั่วโลกของ NTT ตรงไปยัง Data Center ของผู้ให้บริการ Cloud แต่ละราย ทำให้ลูกค้าธุรกิจองค์กรนั้นสามารถเช่าใช้ระบบเครือข่ายความเร็วสูงที่รับประกันความเร็วในการเข้าถึงบริการ Cloud ต่างๆ ได้จากทุกมุมโลกอยู่แล้ว ดังนั้นหากธุรกิจองค์กรใดต้องการก้าวไปสู่ภาพ Hybrid/Multi-Cloud ทาง NTT ก็พร้อมจะให้บริการด้วยระบบเครือข่ายความเร็วสูงและทีมงานที่มีประสบการณ์ด้านบริการ Cloud เหล่านี้ได้ทันที

ด้วยการใช้งาน Cloud ที่เติบโตและหลากหลายมากขึ้นในทุกๆ วันนี้ ทำให้แต่ละองค์กรได้เลือกใช้งานทั้ง IaaS, PaaS และ SaaS มากมาย แต่โจทย์หนึ่งที่ทุกองค์กรยังคงต้องพิจารณาให้ดีนั้นก็คือการจัดการกับข้อมูลบน Cloud เหล่านี้ ทั้งในแง่ของการสำรองข้อมูล และการย้ายระบบ Cloud ไปยังผู้ให้บริการรายอื่นๆ ตามกลยุทธ์ของธุรกิจในอนาคต ซึ่งแน่นอนว่า Veeam เองที่มีความสามารถรอบด้านในการจัดการข้อมูลก็สามารถตอบโจทย์นี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะหลังๆ ที่ Veeam มีการพัฒนาต่อเนื่องและเริ่มรองรับการสำรองข้อมูลจากระบบฐานข้อมูลที่สำคัญต่อธุรกิจอย่างเช่น SAP, Oracle, Microsoft มากขึ้นเรื่อยๆ

ชี้อนาคต ผู้ให้บริการ Cloud ไทยต้องจับมือกัน นำเสนอโซลูชัน Hybrid / Multi-Cloud ที่ทำงานร่วมกันได้

ในระยะยาวแล้ว คุณธนวัฒน์ได้เล่าถึงวิสัยทัศน์ของเขาเองที่น่าสนใจมากว่า ผู้ให้บริการ Cloud ในไทยจะต้องเริ่มจับมือกันเองเพื่อนำเสนอบริการ Hybrid/Multi-Cloud ร่วมกันให้ได้ โดยจะต้องมีการร่วมมือกันพัฒนาโซลูชันให้ Cloud ของแต่ละรายสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น สำหรับตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจองค์กรในไทย

ประเด็นนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากแนวโน้มของเหล่าธุรกิจองค์กรไทย ที่เมื่อเริ่มคุ้นเคยกับการใช้งาน Cloud อย่างจริงจังแล้ว ก็เริ่มที่จะมองหาผู้ให้บริการ Cloud รายอื่นๆ สำหรับกระจายความเสี่ยง เพราะที่ผ่านมาก็มีข่าวคราวของการที่ผู้ให้บริการ Cloud ระดับโลกนั่นล่มอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถึงแม้ผู้ให้บริการ Cloud รายนั้นๆ จะมีหลาย Region ให้เลือกใช้ แต่ในหลายกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นก็ไม่สามารถแก้ไขได้ถึงแม้จะมีการเช่าใช้งานระบบในหลาย Region ก็ตาม

คุณธนวัฒน์เล่าถึงความเป็นไปได้ของแนวทางนี้ว่าสามารถเป็นไปได้จริง แต่อาจต้องใช้เวลาสักหน่อย เพราะในเชิงธุรกิจการจับมือกันในลักษณะนี้ย่อมเป็นผลดีต่อลูกค้าของทั้งสองฝ่ายอยู่แล้ว ส่วนในเชิงเทคนิคนั้น โดยทั่วไปผู้ให้บริการ Cloud รายใหญ่มักจะใช้เทคโนโลยีเบื้องหลังไม่ต่างกันมากนัก แต่ก็จะมีรายละเอียดปลีกย่อยในเชิงเทคนิคและระบบเครือข่ายที่ต้องมาปรับแต่งเพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้ในอนาคต

Data Privacy จะเป็นตัวเร่งที่ทำให้ผู้ให้บริการ Cloud ทุกรายต้องปรับตัว

อีกหนึ่งประเด็นน่าสนใจในบทสนทนาครั้งนี้ ก็คือเรื่องราวของ Data Privacy ที่จะเข้ามาส่งผลกระทบต่อผู้ให้บริการ Cloud เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเมืองไทยที่อุตสาหกรรมสาธารณสุขนั้นกำลังเริ่มต้นพิจารณาใช้ Cloud กันอย่างจริงจังในเวลานี้

แน่นอนว่าที่ผ่านมา กระแสของการประกาศกฎหมาย Personal Data Protection Act หรือ PDPA นั้นย่อมเป็นที่สนใจและจับตามองของทุกคนในอุตสาหกรรม IT และหน้าที่แรกๆ ของผู้ให้บริการ Cloud นั้นก็คือการทำความเข้าใจกับกฎหมายนี้และแนะแนวทางที่เหมาะสมให้กับเหล่าธุรกิจองค์กรให้ได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่เป็นแค่ผู้ให้บริการ Cloud ที่ดูแลด้านเทคโนโลยีเท่านั้นแต่ต้องเข้าใจกฎหมายให้ดีด้วย

NTT มีทีมงานระดับโลกที่เคยผ่านการให้คำปรึกษาในลักษณะนี้มาแล้ว ตั้งแต่กฎหมาย GDPR ของยุโรปเอง ไปจนถึงกฎหมายในลักษณะใกล้เคียงกันของสิงคโปร์และญี่ปุ่น ทำให้ NTT มีความพร้อมที่จะให้คำปรึกษาและนำ Best Practice ที่มีอยู่นั้นมาปรับใช้ให้เข้ากับกฎหมายของไทย และให้คำแนะนำแก่ธุรกิจต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ

สนใจติดต่อ NTT ได้ทันที

สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชันทางด้าน Cloud สำหรับธุรกิจและองค์กรทุกขนาด รวมถึงโซลูชันของ Veeam สามารถติดต่อทีมงาน NTT เพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทันทีที่โทร 02-236-7227 ext 1161 หรืออีเมล์ nttapac.th.marketing@global.ntt