Black Hat Asia 2023

Leadership Vision: รู้จัก Digital Age Networking เทคโนโลยีเครือข่ายแห่งอนาคต บทสัมภาษณ์คุณสมยศ อุดมนิโลบล แห่ง Alcatel-Lucent Enterprise

IoT และ Edge เริ่มเข้ามามีบทบาทต่อธุรกิจองค์กรมากขึ้นเรื่อยๆ และทำให้ในระบบเครือข่ายนั้นเกิด Application รูปแบบใหม่ๆ ทุกวัน ระบบเครือข่ายควรต้องปรับเปลี่ยนไปอย่างไร? IT Manager ควรวางกลยุทธ์ด้านเครือข่ายอย่างไร? Network Engineer ควรปรับตัวอย่างไร?

พบกับคำตอบของคำถามเหล่านี้ได้ใน “Leadership Vision: รู้จัก Digital Age Networking เทคโนโลยีเครือข่ายแห่งอนาคต” บทสัมภาษณ์คุณสมยศ อุดมนิโลบล แห่ง Alcatel-Lucent Enterprise

ผู้ถูกสัมภาษณ์: คุณสมยศ อุดมนิโลบล

บริษัท: Alcatel-Lucent Enterprise Thailand

ตำแหน่ง: Country Business Leader, Alcatel-Lucent Enterprise Thailand

ช่องทางการติดต่อ:

  • Website บริษัท: https://www.al-enterprise.com/
  • เบอร์โทรติดต่อบริษัท: +66 2017 0999
  • Email ติดต่อ: Somyos.udomnilobon@al-enterprise.com

1. นิยามของ Digital Age Networking ในมุมของ ALE คืออะไร?

Digital Age Networking คือระบบเครือข่ายที่จะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ Application สมัยใหม่และการทำงานแห่งอนาคต ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้จะต้องเกิดขึ้นบนเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่เรียกว่า Digital Age Technologies นั่นเอง

ในมุมของ Alcatel-Lucent Enterprise นี้ Digital Age Networking จะต้องเป็นระบบเครือข่ายที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อส่งมอบบริการหรือ Service เป็นศูนย์กลางสำคัญ ดังนั้นแนวคิด SDN ของ Alcatel-Lucent Enterprise ของเราจึงไม่ใช่เพียงแค่ Software-Defined Networking ที่มองถึงเรื่องเทคโนโลยีเบื้องหลังระบบเครือข่ายและการบริหารจัดการเท่านั้น แต่ต้องทำได้ถึงระดับ Service-Defined Networking ที่มองถึงผลลัพธ์ของการใช้ระบบเครือข่ายเป็นสำคัญ และการทำ Automation นั้นต้องไม่เพียงแต่จะทำให้ผู้ดูแลระบบสามารถทำงานได้อย่างสะดวกสบาย ถูกต้องแม่นยำมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังต้องช่วยให้ผู้ใช้งานระบบเครือข่ายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

นอกจากนี้การรองรับการใช้งานอุปกรณ์ IoT ภายในเครือข่ายให้ได้ก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้มักมีรูปแบบของ Workload ที่แตกต่างกันไปตามแต่ละประเภทของอุปกรณ์ การจัดการด้านประสิทธิภาพและความมั่นคงปลอดภัยให้ตอบโจทย์การใช้งานอุปกรณ์แต่ละชนิดให้ได้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ในขณะที่ระบบเครือข่ายนั้นต้องถูกยกระดับความสำคัญมากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่ระบบเครือข่ายในเชิงรับ แต่ต้องเป็นระบบเครือข่ายที่ออกแบบและทำงานในแบบเชิงรุกเพื่อขับเคลื่อนภาคธุรกิจให้ได้ด้วย

สิ่งที่ Alcatel-Lucent Enterprise ได้นำมาเสริมให้กับเทคโนโลยีระบบเครือข่ายเพื่อก้าวไปสู่ภาพของการทำ Service-Defined Networking เพื่อรองรับการวางระบบ Digital Age Networking นั้นก็คือเทคโลยี Proactive Analysis ที่มี AI อยู่เบื้องหลัง เพื่อเสริมให้ระบบเครือข่ายมีคุณสมบัติเหล่านี้เพิ่มเติมได้

  • การเรียนรู้สภาพแวดล้อมของระบบ IT ที่เชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายอยู่ ว่าเป็นธุรกิจในอุตสาหกรรมลักษณะใด และมีการเชื่อมต่อใดบ้างที่เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อทำการปรับแต่งระบบเครือข่ายให้เหมาะสมกับการใช้งานจริงโดยอัตโนมัติเบื้องต้น ก่อนจะเปิดให้ผู้ดูแลระบบสามารถทำการปรับแต่งรายละเอียดปลีกย่อยเพิ่มเติมให้ระบบเครือข่ายทำงานได้อย่างแม่นยำสูงสุด
  • การเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้งานภายในระบบเครือข่าย และแบ่งกลุ่มผู้ใช้งานออกจากกัน เพื่อสร้าง Profile การใช้งานตามพฤติกรรมของผู้ใช้งานแต่ละกลุ่มให้ตอบโจทย์ต่อการใช้งานจริงมากขึ้น โดยผู้ใช้งานแต่ละคนอาจมี Profile ที่เปลี่ยนแปลงตามการทำงานแต่ละแบบได้ เช่น หากผู้ใช้งานทำงานในแผนกของตนเองก็อาจได้รับ Profile แบบหนึ่ง แต่หากไปยังห้องประชุมก็อาจได้รับ Profile อีกแบบหนึ่ง หรือหากไปเดินตรวจงานในโรงงานหรือโรงพยาบาล ก็อาจได้รับ Profile อีกแบบหนึ่ง เนื่องจากในการใช้งานจริงนั้น ผู้ใช้งานแต่ละคนอาจมีการใช้งาน Application ที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลาของการทำงาน ดังนั้น Profile แบบเดียวสำหรับผู้ใช้งานแต่ละคนนั้นจึงไม่เพียงพออีกต่อไป
  • การเรียนรู้ถึงอุปกรณ์ Internet of Things (IoT) ที่ทำงานอยู่ภายในระบบเครือข่าย เพื่อให้ระบบเครือข่ายสามารถปรับแต่งการตั้งค่าให้ตอบโจทย์ต่อการใช้งานอุปกรณ์ IoT เหล่านั้นได้ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ, ความมั่นคงทนทาน และความมั่นคงปลอดภัย
  • การเสริม Business Engine ให้กับระบบเครือข่าย เช่นธุรกิจห้างสรรพสินค้า, โรงแรม หรือสนามบิน เพื่อช่วยให้ธุรกิจเหล่านั้นสามารถใช้ระบบเครือข่ายเพื่อสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าหรือธุรกิจเพิ่มเติมได้

แนวคิดของ Digital Age Networking ที่มี Service-Defined Networking อยู่เบื้องหลังนี้ จึงสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งภาคธุรกิจองค์กร ไปจนถึงโครงการระดับ Smart City ที่ต้องการมีเทคโนโลยีแห่งอนาคตและประสบการณ์ของผู้ใช้งานเป็นหัวใจสำคัญ

2. ตัวอย่างของ Application รูปแบบใหม่บน DAN ที่ Alcatel-Lucent Enterprise คาดว่าจะได้เริ่มเห็นก่อนในประเทศไทยเป็นอย่างไร?

สำหรับในประเทศไทยนั้นก็มีโอกาสที่ธุรกิจองค์กรในหลายๆ อุตสาหกรรมจะได้นำภาพของ Digital Age Networking ไปใช้งานจริง โดยแต่ละอุตสาหกรรมนั้นก็อาจมีรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป เช่น

  • สำหรับโรงพยาบาลและหน่วยงานสาธารณสุข Digital Age Networking หรือ DAN นั้นจะเข้าไปมีบทบาทเป็นอย่างมากในการช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ในแต่ละส่วนสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถปรับ Priority ของการสื่อสารให้สูงขึ้นเพื่อสนับสนุนการช่วยชีวิตของผู้ป่วยได้โดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดช่องทางพิเศษสำหรับการสื่อสารที่มีคุณภาพสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ หรือการเพิ่มระดับความสำคัญในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ต่างๆ ไปจนถึงการปรับรูปแบบการทำงานของระบบเครือข่ายให้สอดคล้องกับภารกิจที่เจ้าหน้าที่แต่ละคนกำลังทำอยู่ในแต่ละช่วงขณะ เป็นต้น
  • สำหรับระบบเครีอข่ายที่มีการใช้งานกล้องวงจรปิดหรืออุปกรณ์ IoT ระบบ Digital Age Networking จะทำการจำแนกกประเภทของอุปกรณ์แต่ละชนิดให้ พร้อมทำการเสริมความมั่นคงปลอดภัยให้กับอุปกรณ์เหล่านั้นโดยอัตโนมัติ รวมถึงถ้าหากเกิดปัญหาภายในระบบเครือข่ายทำให้ไม่สามารถเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์นั้นๆ ได้ ระบบก็จะทำการแก้ไขปัญหาโดยอัตโนมัติด้วยตัวเองให้มากที่สุด เพื่อลด Downtime ที่จะเกิดขึ้นกับระบบเครือข่ายลง

ทั้งนี้รูปแบบการใช้งานในแบบอื่นๆ ก็จะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคของการทำงานแบบ Hybrid Work ที่การทำงานนั้นเกิดขึ้นได้จากทุกที่ทุกเวลาบนทุกอุปกรณ์ และด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ทั้งเรื่องของ AI, Edge และ Digital Age Technologies ทำให้ระบบเครือข่ายนั้นต้องรองรับงานที่มีความซับซ้อนสูงยิ่งขึ้นได้ รวมถึงต้องทำงานได้แบบอัตโนมัติเพื่อแบ่งเบาภาระของผู้ดูแลระบบ IT ให้ได้มากที่สุด

3. เมื่อ Network ต้องกลายเป็น Platform สำหรับ Application รูปแบบใหม่ในอนาคตแล้ว ระบบเครือข่ายขององค์กรควรต้องปรับปรุงอย่างไรบ้าง?

การปรับระบบเครือข่ายที่มีอยู่ให้กลายเป็น Digital Age Networking นั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพราะสำหรับ Alcatel-Lucent Enterprise แล้ว การปรับปรุงระบบเครือข่ายนี้ก็ไม่ได้ซับซ้อนไปมากกว่าเพียงแค่ติดตั้ง Module หรือ AI สำหรับประมวลผลข้อมูลที่เกิดขึ้นจากระบบบริหารจัดการและอุปกรณ์เครือข่ายเพื่อทำการวิเคราะห์และตอบสนองอย่างชาญฉลาดโดยอัตโนมัติเท่านั้น ระบบเครือข่ายทั้งหมดก็พร้อมจะทำงานได้อย่างอัจฉริยะและเป็นอัตโนมัติแล้ว

สำหรับลูกค้าองค์กรที่ใช้งานโซลูชันของ Alcatel-Lucent Enterprise อยู่เดิมอย่างเช่น OmniAccess หรือ OmniStellar ในรุ่นที่ไม่เก่ามาก เพียงแค่ทำการอัปเกรด Firmware ระบบเครือข่ายของคุณก็จะรองรับการทำงานแบบ Software-Defined Networking และ Service-Defined Networking ได้แล้ว เหลือเพียงแค่การเสริม Module ที่ต้องการให้ทำงานร่วมกับระบบบริหารจัดการอย่าง OmniVista เท่านั้น ระบบเครือข่ายก็จะกลายเป็น Digital Age Networking ทันที

4. Network Engineer ควรต้องเรียนรู้อะไรใหม่ๆ บ้างเพื่อรับกับการมาของ DAN? What are the new things network engineers should learn for DAN?

Network Engineer ควรจะต้องยังคงมีความรู้พื้นฐานด้านระบบเครือข่ายให้ครบถ้วนอยู่ แต่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมในส่วนของการเขียน Script และมีการทำงานร่วมกับภาคธุรกิจให้มากขึ้น เพื่อให้สามารถนำเสนอระบบเครือข่ายที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการสร้าง User Experience ที่ดีแก่ผู้ใช้งาน และสร้างคุณค่าเพิ่มเติมให้กับธุรกิจได้

ทั้งนี้เนื่องจาก Digital Age Networking นั้นถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเปลี่ยน Network ให้กลายเป็น Platform ที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้าที่ใช้งานเครือข่ายในบริบทที่แตกต่างกันได้ และทำให้สามารถทำงานได้อย่างมประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยประสบการณ์ที่ดีที่สุด ดังนั้น Network Engineer จึงต้องเข้าใจปัญหาในเชิงธุรกิจและการใช้งานให้ได้อย่างถ่องแท้ และสามารถปรับแต่งเครือข่ายให้เหมาะสมกับการใช้งานจริงได้ ซึ่งตรงนี้ก็ถือเป็นโอกาสใหม่ของ Network Engineer ที่จะได้เข้าไปทำงานในเชิงรุกของธุรกิจ และได้เรียนรู้ในประเด็นใหม่ๆ นอกเหนือจากประเด็นเชิงเทคโนโลยีเครือข่ายเพิ่มเติม

5. Alcatel-Lucent Enterprise จะช่วยธุรกิจองค์กรสร้าง Digital Age Networking ได้อย่างไร? โซลูชัน Wi-Fi ของ Alcatel-Lucent Enterprise มีจุดเด่นที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง?

สำหรับธุรกิจองค์กรทุกขนาดนั้นสามารถเริ่มต้นก้าวสู่ภาพของ Digital Age Networking กับ Alcatel-Lucent Enterprise ได้อย่างง่ายดายทันที โดย Alcatel-Lucent Enterprise นั้นเปิดให้ภาคธุรกิจสามารถใช้ OmniVista เพื่อทำการบริหารจัดการอุปกรณ์เครือข่ายจากศูนย์กลางได้ฟรีๆ จำนวน 10 อุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น Switch หรือ Access Point ก็ตาม ทำให้การเริ่มต้นใช้งาน Alcatel-Lucent Enterprise นั้นคุ้มค่าและตัดสินใจได้ง่ายมาก

อีกจุดหนึ่งที่เป็นประเด็นสำคัญก็คือโซลูชัน Wi-Fi ของ Alcatel-Lucent Enterprise ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับนวัตกรรมใหม่ๆ ในอนาคตที่ภาคธุรกิจองค์กรสามารถนำมาใช้งานหรือพัฒนาขึ้นมาเองได้อย่างหลากหลาย เช่น

  • การเสริม Module เชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายที่นอกเหนือจาก Wi-Fi เข้ามาใน Access Point เช่น Zigbee หรือ RFID ทำให้การออกแบบระบบเครือข่ายไร้สายนั้นมีขอบเขตความเป็นไปได้ที่กว้างขวางขึ้นกว่าในอดีตเป็นอย่างมาก
  • การเสริมเทคโนโลยี Location เข้ามา ทำให้ธุรกิจสามารถนำข้อมูลตำแหน่งของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเครือข่ายไปใช้งานต่อยอดได้ทั้งในเชิงของธุรกิจ, การดูแลรักษาเครือข่าย ไปจนถึงความมั่นคงปลอดภัย
  • การนำความสามารถของเทคโนโลยี Optic ในระดับโทรคมนาคมเข้ามาเสริมให้กับโซลูชัน Wi-Fi ในระดับธุรกิจองค์กรทำให้ระบบเครือข่ายนั้นสามารถออกแบบให้มีความครอบคลุมได้มากยิ่งขึ้น

จะเห็นได้ว่าโซลูชันระบบเครือข่ายของ Alcatel-Lucent Enterprise นี้ไม่เพียงแต่จะคำนึงถึงการรองรับนวัตกรรมใหม่ๆ ในอนาคตได้อย่างยาวนานเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ธุรกิจองค์กรสามารถปรับปรุงระบบเครือข่ายในวันนี้ได้ด้วยข้อเสนอที่คุ้มค่าที่สุด เพื่อให้ทุกธุรกิจสามารถเริ่มเตรียมตัวก้าวสู่ยุคใหม่แห่งนวัตกรรมระบบเครือข่ายได้พร้อมๆ กับช่วยลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนติดตั้งและดูแลรักษาระบบเครือข่ายในระยะยาว


About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

พลิกมุมคิดการจัดการคลาวด์ไอทีอย่างสมาร์ตฉบับวีเอ็มแวร์ [Guest Post]

แม้คลาวด์จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการพาองค์กรก้าวข้ามวิกฤตไปสู่การสร้างสรรค์โมเดลธุรกิจหรือกลยุทธ์การแข่งขันใหม่ ด้วยคุณลักษณะที่คล่องตัว (Agility) ในการปรับความต้องการใช้งานโดยอัตโนมัติ (Auto-Scaling) ได้ด้วยตัวเอง (Self-Services) ทว่าหลายองค์กรซึ่งเลือกปฏิวัติระบบธุรกิจขึ้นสู่คลาวด์กลับประสบปัญหาการจัดการทรัพยากรที่ยิบย่อยบนคลาวด์ไม่ไหว แถมหัวจะปวดกับภัยคุกคามที่ยุ่งยากในการป้องกัน ด้วยเหตุนี้ ความคาดหวังต่อไอทีคลาวด์ยุคถัดไป คือ การปรับแต่งแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มคลาวด์ไอทีให้ทันสมัยตรงต่อความต้องการทางธุรกิจ ภายใต้ระบบการรักษาความปลอดภัยแบบองค์รวมที่แข็งแกร่ง ทั่วถึง และเป็นอัตโนมัติกว่าเดิม

Microsoft Teams, VirtualBox, Tesla ถูกเจาะ Zero-days ในงาน Pwn2Own

Microsoft Teams, VirtualBox, Tesla ถูกเจาะ Zero-days ในงาน Pwn2Own Vancouver 2023 ผู้เข้าแข่งขันกวาดเงินรางวัลสูงสุด 475,000 เหรียญ หรือประมาณ 16 …