บทความนี้เป็นสรุปบทสัมภาษณ์พิเศษจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Security และด้านบริหาร 4 ท่านภายในงานประชุม Security Congress APAC 2016 โดย (ISC)2 ที่เพิ่งจบลงไปเมื่อวานนี้ ในหัวข้อเรื่อง “ความคาดหวังในตัวนักศึกษาจบใหม่” ซึ่งเนื้อหาจะประกอบด้วยสิ่งที่ผู้บริหารต้องการจากนักศึกษาระดับ ป.ตรี ป.โท และ ป.เอก ที่เพิ่งเรียนจบ และการสนับสนุนที่มีให้จากบริษัท
ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 4 ท่านเป็นสมาชิกของ (ISC)2 ประกอบด้วย (เรียงลำดับจากซ้ายไปขวา)
- Dr. Meng Chow Kang, CISSP, CCSP, Director & CISO จาก Cisco และ Board of Directors ของ (ISC)2
- อาจารย์ปริญญา หอมเอนก, CISSP, President & Founder จาก ACIS Professional Center
- Wim Remes, CISSP, Manager จาก Rapid 7 และ Board of Directors ของ (ISC)2
- Dr. Wansuck Yi, CISSP, ISMS, Director จาก Korea Internet & Security Agency
เกริ่นนำ: เรามีตัวแทนจากบริษัทชั้นนำด้านความมั่นคงปลอดภัยใหญ่ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Cisco, Rapid 7 รวมไปถึงหน่วยงานรัฐบาลของเกาหลีอย่าง Korea Intenet & Security Agency และบริษัทที่ปรึกษาชื่อดังในประเทศไทยอย่าง ACIS Professional Center
คำถาม: ทุกท่านต้องการนักศึกษาจบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ป.ตรี โท เอก แบบไหนครับ?
Dr. Kang: ต้องการเด็กที่มีทัศนคติที่ตรงกับที่บริษัทต้องการ (Right Attitude) ในส่วนของ Cisco เราต้องการเด็กที่สนใจค้นหาอะไรใหม่ๆ เรียนรู้ด้วยตนเอง ไม่ต้องคอยใช้คนอื่นคอยดูแล ประคบประหงม เด็กควรต้องขยันทำการบ้าน คิดวิเคราะห์ด้วยตนเองแล้วมาแชร์ข้อมูล แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ไม่ใช่เอาแต่คอยถามหรือทำตามคนอื่นอย่างเดียว
Dr. Yi: สำหรับวัฒนธรรมของประเทศเกาหลี เราอยากได้คนที่สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ กล้าแสดงออกในสิ่งที่ตนเองรู้ และยอมรับในสิ่งที่ไม่รู้ รวมไปถึงมีทักษะในการสื่อสาร ยกตัวเองเช่น ผมให้เวลาคุณ 30 นาที คุณต้องสามารถออกมาพรีเซ็นต์เรื่องที่ผมสนใจเป็นระยะเวลา 10 นาทีได้ ยิ่งถ้าเป็นภาษาอังกฤษได้ด้วยจะเป็นอะไรที่ดีมาก ในส่วนของความรู้ ผมอยากได้คนที่ทำวิจัยทางด้าน IoT, Cloud, Big Data และ Mobile ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่น่าจับตามองในปัจจุบัน
Remes: ตัวผมเอง ผมอยากได้คนที่รักในสิ่งที่ตัวเองทำจริงๆ ถ้าชอบด้าน Security ก็ต้องชอบจริงๆ และเด็กควรจะต้องมองหาผู้ว่าจ้างที่อนุญาตให้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ บริษัทจะต้องพร้อมสนับสนุนสิ่งที่เด็กรักเพื่อให้เด็กสามารถพัฒนาตนเองต่อไปได้ พอทำให้สิ่งที่ตนเองชื่นชอบ ผลงานก็จะออกมาดีเอง
อาจารย์ปริญญา: เด็กไทยส่วนใหญ่จบมายังไม่รู้ว่าตนเองอยากทำอะไร บางคนทำงานตามเพื่อนบ้าง ตามที่พ่อแม่สั่งบ้าง ตามที่อาจารย์บอกบ้าง หรือบางคนอยากทำงานในบริษัทใหญ่ๆ ทั้งๆ ที่ตนไม่ได้ชอบสายงานนั้นจริงๆ นอกจากนี้ เด็กไทย 50% ต้องการเรียนโท ครึ่งหนึ่งต้องการเรียนเมืองนอกด้วยซ้ำ ประมาณว่าเข้ามาทำงานแค่ปีสองปีแล้วก็ลาออกไปเรียนต่อ ดังนั้นบริษัทต้องสอบถามในแน่ชัดว่า แผนการในอนาคตในอีก 2 – 3 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เพื่อที่บริษัทจะได้วางแผนรับคนได้อย่างถูกต้อง ที่สำคัญคือ เราต้องมั่นใจว่าเราเลือกคนที่ถูกต้อง เลือกคนที่รักในสิ่งที่ตนเองทำจริงๆ ผมให้ความสำคัญกับ “Motivation” มากกว่า “Skill” นะ เนื่องจาก Skill สามารถฝึกกันได้ ผมใช้เวลา 2 ปีก็ปั้น Pen Tester ฝีมือดีได้แล้ว แต่เปลี่ยนใจคนให้มาชอบทำ Pen Test เนี่ย แทบเป็นไปไม่ได้เลย
คำถาม: บริษัทจะช่วยสนับสนุนและให้โอกาสเด็กจบใหม่อย่างไรได้บ้าง
Dr. Yi: ผมยอมให้เด็กทำผิดทุกอย่างได้ในปีแรก (โห..) เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง นอกจากนี้เรายังสนับสนุนให้เด็กไป Workshop, Conference และงานสัมมนาต่างๆ เพื่อที่จะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนหลายๆ ประเภท จากนั้นก็มาคุยกัน พัฒนาไปด้วยกัน โตไปด้วยกัน
Remes: สำหรับผมคงไม่ให้ถึง 1 ปีหรอกครับ ผมยอมให้ทำผิดครั้งเดียวก็พอ อย่าทำผิดซ้ำสอง ผมมองว่าสิ่งสำคัญที่บริษัทควรมีให้คือความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับพี่เลี้ยง เพราะพี่เลี้ยงจะเป็นคนที่คอยช่วยดูแล สนับสนุน และให้คำปรึกษาในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทำงาน หรือเรื่องส่วนตัว
อาจารย์ปริญญา: ผมก็คงให้ทำผิดได้แค่ 1 หรือ 2 ครั้งเหมือนกัน แต่เราจะต้องอบรมให้เด็กเข้าใจและป้องกันความผิดพลาดในครั้งถัดๆ ไปได้ จริงๆ เราสนับสนุนให้เด็กทำงานใน Lab หรือฝ่าย R&D ก่อน เนื่องจากถ้ามีความผิดพลาดก็ขึ้น ก็เกิดเฉพาะภายใน เราไม่อนุญาตให้มีความผิดพลาดบนงานสำคัญๆ ของลูกค้าอย่างเด็ดขาด ในกรณีที่ไม่มี Lab ก็อาจจะให้เด็กทำงาน Support ก่อน เพื่อให้เรียนรู้งานและฝึกฝนทักษะ รวมทั้งมีพี่เลี้ยงคอยดูแล ให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ถ้าต้องเจอลูกค้า ก็จะเป็นพี่เลี้ยงซึ่งมีประสบการณ์มากกว่าเป็นคนเจอลูกค้าแทน
Dr. Kang: ผมมองว่าถ้าทำงานพลาดครั้งแรกแล้ว ความน่าจะเป็นที่จะทำพลาดครั้งถัดไปจะลดลงเป็นอย่างมาก ถ้าพลาดครั้งที่ 2 เนี่ย ผมยังพอโอเค บางคนอาจเรียนรู้ช้า แต่ถ้าพลาดครั้งที่ 3 เนี่ย .. เรียกว่าโง่แล้ว (ผมไม่เอา) สรุปคือ ให้โอกาสทำผิดสัก 2 ครั้งละกันครับ ในส่วนของ Cisco เรามีกระบวนการในการพัฒนาคน ซึ่งเด็กควรจะพัฒนาตนเองควบคู่ไปด้วย ไม่ใช่ทำตามบริษัทไปซะทุกอย่าง เด็กควรวางแผนด้วยตนเองก่อน แต่อาจขอคำปรึกษาจากพี่เลี้ยงหรือผู้ที่มีประสบการณ์สูงกว่าได้
ก็หวังว่าบทสัมภาษณ์นี้จะเป็นประโยชน์ต่อเด็กจบใหม่ หรือที่กำลังจะจบหลายๆ คนนะครับ