การมาของ AI ทำให้ธุรกิจองค์กรทั่วโลกต้องปรับตัวกันอย่างเร่งด่วน และในมุมของ Systems Integrator หรือ SI ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีแก่ภาคธุรกิจองค์กรเองก็ต้องปรับตัวกันยกใหญ่ด้วยเช่นกัน
เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ คุณสุภัค ลายเลิศ กรรมการอำนวยการ และประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ แห่งบริษัท ยิบอินซอย จำกัด ในฐานะของผู้นำอุตสาหกรรมด้าน Systems Integrator รายใหญ่ของไทย ก็ได้ออกมาเผยถึงทิศทางใหม่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นกับ Yip In Tsoi เพื่อช่วยให้ธุรกิจองค์กรไทยวางแผนกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม พร้อมแนะนำแนวทางสำหรับภาคธุรกิจในอุตสาหกรรมที่หลากหลายในไทยเพื่อเตรียมปรับตัวไปด้วยกัน ในการสัมภาษณ์กับทีมงาน TechTalkThai ในครั้งนี้ครับ
Yip In Tsoi วางบรรทัดฐานธุรกิจ SI แห่งอนาคต เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนไป บทบาทของ SI ก็ต้องเปลี่ยนตาม
คุณสุภัคได้เริ่มเล่าถึงภาพรวมความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับกลุ่ม SI ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ว่าแต่เดิมจากในอดีตที่เหล่า SI นั้นมุ่งเน้นการขายสินค้าในกลุ่ม Hardware สำหรับ IT Infrastructure เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ Server หรือ Network ก็ตาม การมาของ Cloud ได้เข้ามา Disrupt ตลาดนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากมุมมองของลูกค้าธุรกิจองค์กรนั้นเปลี่ยนการบริโภคเทคโนโลยีจากรูปแบบของสินค้าไปเป็นบริการ Cloud และ License อย่างรวดเร็ว การนำเสนอโซลูชันใดๆ ก็เปลี่ยนไปจากการที่เป็น Hardware แต่ละชิ้นทำงานร่วมกัน มาสู่การเป็น Software และ Cloud หลายๆ ระบบที่มาเชื่อม Data เข้าหากันแทน ทำให้รูปแบบการทำงานของ SI นั้นเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกโฉมไปเลยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ในมุมของ Yip In Tsoi เองที่ผ่านมาก็ได้เปลี่ยนแนวคิดในการทำงานเพื่อตอบรับต่อแนวโน้มดังกล่าวนี้มาโดยตลอด ซึ่งทาง Yip In Tsoi ก็ยังคงมีทีมโซลูชันด้าน Hardware ที่ให้บริการด้วยมาตรฐานที่ดีเช่นเดิม เพราะถึงแม้ตลาด Hardware อาจจะหดตัวลงไปบ้างในบางกลุ่ม แต่ก็ยังมีความจำเป็นในกลุ่มลูกค้าธุรกิจองค์กรที่ต้องใช้ Hardware เหล่านี้อยู่ไม่น้อยและยังคงเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจ
Yip In Tsoi ได้สร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ในโซลูชันด้าน Cloud, Software, Data และ Cyber Security มาอย่างต่อเนื่อง มีการเสริม Soft Skill และ Hard Skill ใหม่ๆ ที่จำเป็นต่อการให้คำปรึกษาและดูแลรักษาระบบให้กับลูกค้า มุ่งเน้นการนำเสนอที่ผลลัพธ์ทางธุรกิจมากกว่าประเด็นเชิงเทคนิคอย่างในอดีต ซึ่งคุณสุภัคก็ระบุว่าสิ่งนี้ได้กลายเป็นจุดแข็งของ Yip In Tsoi ในฐานะของ SI ที่มีความรู้และประสบการณ์อย่างรอบด้าน เพื่อนำเสนอโซลูชันที่มีความเป็นไปได้อย่างกว้างขวางตอบโจทย์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้ง Yip In Tsoi ก็มีความเป็นกลางทางเทคโนโลยี จึงสามารถเลือกนำเสนอเทคโนโลยีที่ดีที่สุดและตอบโจทย์ต่อแต่ละโซลูชันได้อย่างเหมาะสมที่สุดอยู่เสมอ
อย่างไรก็ดี การมาของ AI ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาก็ได้พลิกโฉมรูปแบบการทำงานของ SI ไปอีกขั้นหนึ่ง เพราะถึงแม้ AI จะเป็นเทคโนโลยีที่ดูใหม่ ทันสมัย และแตกต่างจากระบบอื่นๆ ทางด้าน IT แต่เบื้องหลังนั้น AI ก็ยังคงขับเคลื่อนด้วย Data อยู่ดี ดังนั้นสิ่งที่ Yip In Tsoi ได้ให้ความสำคัญกับอนาคตทางด้าน AI นั้นก็คือการเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้าน AI & Data Infrastructure สำหรับองค์กร เพื่อช่วยให้กลยุทธ์การนำ AI เข้ามาใช้งานในภาคธุรกิจองค์กรนั้นเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะ Data Infrastructure ที่ดีนั้นจะช่วยให้ข้อมูลที่ AI นำไปเรียนรู้มีความถูกต้องแม่นยำมากที่สุด และ AI Infrastructure ที่ดีก็จะทำให้การพัฒนาและการนำ AI ไปใช้งานจริงนั้นเกิดขึ้นได้เป็นวงกว้าง ซึ่งทั้งสองส่วนนี้ก็ต้องมีองค์ประกอบจากทั้งเทคโนโลยีที่อยู่บน Cloud และในแบบ On Premises ผสมผสานกัน
คุณสุภัคระบุว่าความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ Yip In Tsoi จากเดิมที่ทำงานนำเสนอโซลูชันที่ใกล้ชิดกับฝ่าย IT เป็นหลัก เปลี่ยนมาเป็นการทำงานใกล้ชิดกับผู้บริหารและธุรกิจขององค์กรมากขึ้น นำเสนอโซลูชันให้กับกลุ่มผู้บริหารและผู้ใช้งานทั่วๆ ไปมากขึ้น จึงทำให้การทำงานด้าน Consult ในเชิงธุรกิจผสมผสานกับเทคโนโลยีนั้นกลายเป็นอีกหนึ่งงานที่ Yip In Tsoi ได้เสริมเข้ามาเพื่อตอบรับต่อความต้องการในปัจจุบันและอนาคต
AI, Software, IT Infrastructure และ Cyber Security: 4 หัวเรือหลักของ Yip In Tsoi ที่จะมาพร้อมกับบริการด้าน Consulting
ในภาพรวม Yip In Tsoi ยังคงเน้นเสริมความแกร่งด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องใน 4 แง่มุมหลัก ได้แก่
- AI ด้วยการให้คำปรึกษาโครงการด้าน AI ทั้งในแง่ความเป็นไปได้, การบริหารจัดการข้อมูล, การวางระบบโครงสร้างพื้นฐาน และปัจจัยอื่นๆ ที่จะช่วยให้โครงการ AI สำเร็จลุล่วงด้วยดี โดย Yip In Tsoi เองก็มีการลงทุนในธุรกิจด้าน AI อย่าง Easy Rice ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำ Image Processing มีผลงานด้านการระบุเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อช่วยเกษตรกรไทย ซึ่งเทคโนโลยีนี้เองก็เริ่มถูกนำไปประยุกต์ใช้กับงาน AI ในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้นแล้ว
- Software ด้วยการเป็นที่ปรึกษาและดำเนินโครงการด้าน Software สำคัญสำหรับภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Core Banking, ระบบด้านการเงิน, ระบบสำหรับธุรกิจประกัน, ระบบ ERP, ระบบ CRM, ระบบริหารจัดการสำหรับภาครัฐ ไปจนถึงการพัฒนา Software ตามความต้องการของแต่ละโครงการ อีกทั้งยังมีการพัฒนา Software Platform ของตนเองในหลายแง่มุมเพื่อให้บริการแก่เหล่าธุรกิจ SME ในแบบ SaaS ด้วย
- IT Infrastructure ยังเป็นอีกส่วนที่มีความสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นทั้งในแง่ของการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบ Cloud หรือการนำเสนอระบบในแบบ On Premises โดยภาพของการทำ Hybrid Cloud ได้กลายมาเป็นปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญ ที่ทั้งโครงการด้าน AI และ Data เองก็ยังมีจำนวนมากที่ต้องผสมผสานทั้ง Cloud และ On Premises เข้าด้วยกัน
- Cyber Security เป็นตลาดใหม่ที่ Yip In Tsoi ได้เข้ามาให้ความสำคัญเป็นธุรกิจหลัก เพื่อเติมเต็มความต้องการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในทุกๆ อุตสาหกรรมของโทย เสริมความมั่นคงปลอดภัยให้กับทุกระบบสำคัญทั้ง AI, Software และ IT Infrastructure ให้กับลูกค้าของ Yip In Tsoi
ด้วยความที่เทคโนโลยีในกลุ่มต่างๆ นั้นก็เริ่มเข้าไปใกล้ชิดกับผู้บริหารและผู้ใช้งานยิ่งกว่าที่เคย อีกสิ่งหนึ่งที่ Yip In Tsoi ได้ให้ความสำคัญก็คือบทบาทในฐานะของ Consult เพื่อช่วยให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าที่ต้องการนำเทคโนโลยีใดๆ มาใช้งาน โดยนอกเหนือจากความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่มีอยู่ ทาง Yip In Tsoi ก็เริ่มที่จะพูดคุยในบทสนทนาวงประชุมด้านธุรกิจได้มากขึ้น ซึ่งก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ Yip In Tsoi มีความโดดเด่นขึ้นมาในฐานะ SI ที่มีความชำนาญรอบด้าน
เทรนด์เทคโนโลยีสำหรับแต่ละอุตสาหกรรมกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยทิศทางที่แตกต่างกัน
เมื่อพูดคุยเจาะลึกกันถึงแนวโน้มด้านการใช้เทคโนโลยีในประเทศไทย คุณสุภัคได้เล่าถึงภาพที่ตนเองเห็นในแต่ละอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันออกไป
สำหรับภาคการเงิน, ธนาคาร และประกัน คุณสุภัคเห็นแนวโน้มของอุตสาหกรรมนี้ที่หันมาลงทุนด้านเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อบริหารจัดการหนี้กันมากขึ้น รวมถึงหลายๆ ธนาคารเองก็ถือโอกาสที่จะปรับปรุงระบบ Core Banking หรือพัฒนาส่วนเสริมให้กับ Core Banking เดิมให้สามารถต่อยอดไปสู่บริการด้านการเงินรูปแบบใหม่ๆ ได้ ในขณะที่กระแสของการแย่งชิง License สำหรับ Digital Banking เองก็น่าจับตามองไม่น้อย ส่วนการลงทุนด้าน Cybersecurity ของธนาคารนั้นก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง
ส่วนทางหน่วยงานภาครัฐ คุณสุภัคพบว่ามีการตอบรับต่อเทคโนโลยีใหม่ที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการเปิดรับต่อการใช้งาน Cloud และ Subscription ที่มากขึ้น, การริเริ่มโครงการในเชิง Open Data หรือ Open API มากขึ้น, การปรับปรุงระบบที่ใช้งานภายในเพื่อให้รองรับการเชื่อมต่อออกมาสู่ภายนอกมากขึ้น ซึ่งล้วนเป็นทิศทางที่ดีต่อการมุ่งสู่ภาพ Digital Government อย่างเต็มตัว ส่วน Smart City เองก็มีส่วนในการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่เมืองหรือจังหวัดต่างๆ ไม่น้อย ในขณะที่หน่วยงานภาครัฐหลายแห่งเองก็เริ่มที่จะพิจารณาเรื่องการนำ AI และ Automation มาใช้งานมากขึ้น และเตรียมปรับตัวรับกับนโยบายด้าน Data Locality ของสกมช. กันเพิ่มขึ้นเช่นกัน
สุดท้ายสำหรับภาคพลังงาน แนวโน้มของพลังงานสะอาดหรือ Green Energy กำลังเติบโตไปในทิศทางที่สดใส แต่ก็มีประเด็นใหม่ๆ ที่ต้องจัดการให้ดีเช่นการทำ Grid Management หรือการบริหารจัดการ Load ของไฟฟ้าในแบบใหม่ๆ จากการมาของ EV Charger ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ขับเคลื่อนให้ตลาดด้าน IoT และ Data เติบโตยิ่งขึ้น อีกทั้ง Yip In Soi เองก็มีการลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานไฟฟ้าอย่าง Solaryn ซึ่งผลิต EV Battery มาตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายซึ่งกำลังเกิดขึ้นทั่วประเทศไทยได้แล้ว
ปี 2025 มีความท้าทายอีกมากมาย การ Transform ธุรกิจในรอบนี้ไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านมา แต่ Yip In Tsoi ก็พร้อมที่จะก้าวไปพร้อมกับธุรกิจไทย
สำหรับปี 2025 ที่กำลังจะมาถึงนี้ คุณสุภัคเชื่อว่าจะเป็นปีที่ท้าทายสำหรับประเทศไทยเป็นอย่างมากสำหรับ Yip In Tsoi เพราะมีโอกาสและความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้ไขว่คว้ามากมาย และ Yip In Tsoi ก็ต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้คว้าโอกาสเหล่านั้นเอาไว้ให้ได้
อย่างไรก็ดี สิ่งหนึ่งที่ Yip In Tsoi จะยังคงยึดมั่นเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลงนั้นก็คือการมี Commitment ที่ชัดเจนต่อลูกค้าเหมือนตลอดระยะเวลาที่คุณสุภัคเข้ามาบริหารกว่า 30 ปีและเช่นเดียวกับที่ Yip In Tsoi ทำมากว่า 90 ปี
“SI ที่ดีจะต้องทำให้ผู้บริหารของลูกค้ามี Peace of Mind ว่าโครงการจะสำเร็จลุล่วง ให้ผู้บริหารมีเวลาไปโฟกัสเรื่องสำคัญอื่นๆ ได้” คุณสุภัคกล่าว
อีกสิ่งหนึ่งที่เป็น DNA ของ Yip In Tsoi มาตลอดนับตั้งแต่วันแรกที่เปิดบริษัทมาเลยนั้นก็คือเรื่องของ Innovation และการพัฒนาเทคโนโลยีที่เข้าถึงชีวิตประจำวันของผู้คน ซึ่งจะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา Yip In Tsoi ได้เข้าไปร่วมมีบทบาทในการพัฒนาทั้งระบบ Mobile Application ขนาดใหญ่, ระบบ Smart Grid สำหรับบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้า หรือแม้แต่การลงทุนเข้าซื้อกิจการของ Robinhood ที่ล้วนแต่เป็นสิ่งจำเป็นที่อยู่รอบตัวเราทั้งสิ้น และ Yip In Tsoi ก็จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ มายกระดับชีวิตคนไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยแนวทางสำคัญคือการสร้าง Culture ที่ดีภายในองค์กร ให้ทุกคนตัดสินใจได้ในทิศทางเดียวกัน บน Mindset ของการทำงานที่จะเป็นผู้แก้ปัญหาให้กับลูกค้า เป็นตัวกลางให้การนำเทคโนโลยีมาใช้งานง่ายดายยิ่งขึ้น และไม่ทิ้งลูกค้าจนกว่าจะเดินไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ร่วมกัน
“เทคโนโลยีมาแล้วก็ไป เป็นแค่เครื่องมือชิ้นหนึ่งในการทำธุรกิจ แต่ลูกค้าเลือก YIP IN TSOI เพราะมั่นใจว่าเราจะดูแลจัดการทุกปัญหาให้โครงการสำเร็จลุล่วงได้ตาม Commitment ของเราที่มีให้กับลูกค้าทุกราย เราไม่ทิ้งลูกค้าของเรา Yip In Tsoi, Your Valueable Partner” คุณสุภัคกล่าวทิ้งทาย