[สัมภาษณ์] SAP และ CPF กับเทรนด์การทำ Digital Transformation และการขับเคลื่อนองค์กรด้วยข้อมูล

ในช่วงบ่ายของงาน SAP NOW SEA 2024 ณ ประเทศสิงคโปร์เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2024 ที่ผ่านมา ทางทีมงานได้มีโอกาสเข้าเซสชัน Media Roundtable พูดคุยกับ คุณกุลวิภา ปิยวัฒนเมธา กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคอินโดจีน แห่ง SAP และ คุณพีรพงศ์ กรินชัย ผู้บริหารสูงสุดสายงานวิศวกรรมกลางและประธานคณะกรรมการ Net-Zero Digital Platform แห่ง CPF

ผู้บริหารระดับสูงทั้งสองท่านได้มาแบ่งปันมุมมองที่น่าสนใจ ทั้งเรื่องเทรนด์การทำ Digital Transformation ในปัจจุบัน แนวโน้มในการใช้ซอฟต์แวร์ ERP ในอนาคต และเรื่องราวความสำเร็จในการประยุกต์ใช้ผลิตภัณฑ์ SAP ทรานส์ฟอร์มองค์กรให้ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซึ่งทีมงานได้สรุปเรื่องราวที่น่าสนใจไว้แล้วในบทความนี้ 

คุณกุลวิภา ปิยวัฒนเมธา กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคอินโดจีน แห่ง SAP และ คุณพีรพงศ์ กรินชัย ผู้บริหารสูงสุดสายงานวิศวกรรมกลางและประธานคณะกรรมการ Net-Zero Digital Platform แห่ง CPF

แม้ว่า Digital Transformation จะเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นมาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว หากแต่ก็ยังมีอีกหลากหลายภาคส่วนที่ยังคงเพิ่งเริ่มตื่นตัวและเร่งดำเนินการทรานส์ฟอร์มเข้าสู่โลกดิจิทัล ซึ่งจากมุมมองของ คุณกุลวิภาแห่ง SAP แนะนำว่า ณ วินาทีนี้จะต้องมองหาความต้องการทางธุรกิจเป็นหลักก่อน

“เราจะต้องมองภาพรวมก่อน โดยต้องมองโจทย์ของธุรกิจเป็นหลัก” คุณกุลวิภา ปิยวัฒนเมธา กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคอินโดจีน แห่ง SAP กล่าว “โจทย์หลักคือต้องมองว่าธุรกิจต้องการอะไร แล้วไอทีจะต้องรองรับตามให้ได้เร็วที่สุด”

คุณกุลวิภา ปิยวัฒนเมธา กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคอินโดจีน แห่ง SAP

และ 5 มุมมองที่คุณกุลวิภาได้แบ่งปันว่าการทำ Digital Transformation ในปัจจุบันและอนาคตที่กำลังเดินหน้าต่อไป จะเป็นการทรานส์ฟอร์มเพื่อสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้

  1. ความคล่องตัว (Agility) เพื่อทำให้เกิด Agility ทางธุรกิจ ทำให้เกิดความต่อเนื่อง และดำเนินสิ่งต่าง ๆ ไปได้อย่างรวดเร็ว
  2. นวัตกรรม (Innovation) การสร้างสรรค์นวัตกรรมต่าง ๆ ที่ไม่ใช่แค่การแปลงให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล (Digitization) จากกระดาษมาเพียงเท่านั้นแล้ว
  3. กระบวนการ (Process) ที่ต้องทรานส์ฟอร์มไปพร้อมกันกับเรื่องของคน (People) และเทคโนโลยี (Technology) ด้วย
  4. ช่องว่างทักษะ (Skill Gap) ของคนภายในองค์กร ที่จะต้องเร่งพยายามปิดช่องว่างให้มีน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
  5. ความยั่งยืน (Sustainbility) และ AI แม้ว่าจะเน้นโจทย์การทรานส์ฟอร์ม แต่ก็ต้องตอบโจทย์เรื่อง Sustainability และ AI ที่ต้องพิจารณาไปพร้อมกันด้วย เพราะสิ่งนี้คือตัวชี้วัดความยั่งยืนของการทำ Digital Transformation อย่างแท้จริง

คุณกุลวิภาเผยว่า การเติบโตของ SAP ในภูมิภาค SEA นั้นยังมีโอกาสเป็นไปได้อย่างมาก ซึ่งเป้าหมายของ SAP ต้องการเติบโตถึงระดับ 2 เท่าของตลาด ซึ่งแม้ว่าจะดูก้าวร้าวและดูทะเยอทะยาน แต่ก็เป็นไปได้เนื่องจากการคาดการณ์ของ Gartner ที่ชี้ว่าการใช้จ่ายไอที (IT Spending) ในด้านซอฟต์แวร์ของปี 2024 นั้นจะไปแตะถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเทียบจากปีที่แล้วเพิ่มขึ้นถึง 13.9%

“Compound Annual Growth เรา Project ไว้ที่ 25% ณ ตอนนี้จนถึงปี 2027 ซึ่งเวลาสั้นมาก แต่เป้าหมายคือเราต้องการที่จะเติบโตถึงสองเท่าของที่ตลาดโต” คุณกุลวิภา กล่าว

คุณกุลวิภายังเน้นย้ำอีกครั้งด้วยว่า SAP มองว่าตลาด SEA นี้มีโอกาสในการเติบโตก้าวกระโดดอย่างสูง โดยเฉพาะกลุ่ม SME ที่ใช้งาน SAP คิดเป็นจำนวนกว่า 80% ของทั้งหมด จึงทำให้ SAP มีเป้าหมายที่จะพยายามผลักดันช่วยองค์กรธุรกิจทุกขนาด ให้สามารถใช้เทคโนโลยีและสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ไปได้พร้อมกัน เพื่อทำให้ธุรกิจของลูกค้าเติบโตได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

โดยหลังจากนี้ SAP มีกลยุทธ์ที่จะพุ่งเป้าเจาะธุรกิจที่เป็นเฉพาะทางมากยิ่งขึ้น เช่น อุตสาหกรรมอาหาร ภาคการผลิต พลังงาน หรือ Telco รวมทั้งเตรียมปรับโมเดลที่จะขยายตลาด SME ให้มากขึ้นด้วยการขับเคลื่อนผ่านพาร์ตเนอร์ (Partner) เพื่อให้ทางพาร์ตเนอร์ของ SAP สามารถเข้าถึงลูกค้าต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งการขับเคลื่อน AI ที่จะต้องดูเรื่องความเกี่ยวข้องทางธุรกิจ ความน่าเชื่อถือในข้อมูล ความเป็นส่วนตัว และความมั่นคงปลอดภัย

จากบทความก่อนหน้าที่ คุณพีรพงศ์ แห่ง CPF ได้บอกเล่าถึงการปรับใช้โซลูชัน SAP Sustainability เพื่อติดตามการปล่อยคาร์บอนแบบ End-To-End ภายใน CPF ที่ทำให้สามารถติดตาม Emission Gas ผ่าน Blockchain ได้ทั้ง Supply Chain เป็นส่วนแรก สิ่งนี้เรียกว่าเป็นช่วงของการเปลี่ยนจากองค์กร Digital Transformation ให้กลายเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven) แล้วก็ว่าได้

คุณพีรพงศ์ กรินชัย ผู้บริหารสูงสุดสายงานวิศวกรรมกลางและประธานคณะกรรมการ Net-Zero Digital Platform แห่ง CPF

“CPF ในช่วง 3-4 ปีที่แล้ว เราได้เริ่มใช้เทคโนโลยี IoT เข้าในธุรกิจ CPF” คุณพีรพงศ์ แห่ง CPF กล่าว “แต่วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้น คือเราทรานส์ฟอร์มตัวเองเข้าสู่ Data-Driven เรากำลังเอาข้อมูลมาใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจต่อไป เอา AI มาวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อมองดูผลและสามารถนำไปปรับปรุงกระบวนการต่าง ๆ ของเราได้” 

ด้วยเป้าหมาย Net Zero ของ CPF และการเป็น “ครัวโลกที่ยั่งยืน” จึงทำให้ CPF เริ่มเปลี่ยนกระบวนการเก็บข้อมูลจาก Manual ให้กลายเป็นระบบแทน และใช้ SAP ดึงข้อมูลแหล่งข้อมูลและจาก ERP มารวมศูนย์บน Blockchain เพื่อคำนวน Emission Gas ตาม Scope 1 – 3 และรายงานผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างรวดเร็ว 

“SAP เข้ามาในช่วงเฟสที่ 2 ของโครงการในการคำนวน Greenhouse Emission Gas โดยเราต้องการคนที่ให้คำปรึกษาและสอนว่าการคำนวนตาม Scope 1 – 3 จะต้องทำอย่างไร ซึ่งมองไปในอดีตแล้ว ถ้าหากยังเดินหน้าต่อไปแบบเดิมก็คงไม่เสร็จ” คุณพีรพงศ์ แห่ง CPF กล่าว 

และสิ่งที่น่าตกใจของ CPF หลังจากสามารถขึ้นระบบ SAP Sustainability ได้สำเร็จ ข้อมูลชี้ให้เห็นว่า จำนวน Emission Gas ที่สูงของ CPF นั้น ส่วนใหญ่มาจาก “Scope 3 หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม” ที่มาจากกิจกรรมหรือสินทรัพย์อื่น ๆ ใน Supply Chain ซึ่งก่อนหน้านี้ CPF พยายามจัดการกับ Scope 1 และ Scope 2 มาตลอด จึงเหนือความคาดหมายมาก

“หนึ่งในสิ่งที่ต้องเข้าใจใน CPF คือ Emission Gas ทั่วโลกของ CPF 92% มาจาก Scope 3 ซึ่งในปีที่แล้วเอง CPF ก็ยังโฟกัสใน Scope 1 และ 2 ที่เป็นการปล่อยก๊าซของตัวเองอยู่เลย แต่พอมีข้อมูลเข้ามากลายเป็นว่าส่วนใหญ่เป็น Scope 3” คุณพีรพงศ์ แห่ง CPF กล่าวเสริม “ถ้าหากไม่มี SAP เราคงไม่สามารถรู้ได้ว่ามาจาก Scope 3 มันเหนือกว่าที่เราเข้าใจและความคาดหมายมาก”

ทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวมุมมองที่น่าสนใจจากการได้โอกาสพูดคุยกับผู้บริหารระดับสูงทั้งสอง ซึ่งเชื่อว่ามุมมองเทรนด์ Digital Transformation จาก SAP และกรณีศึกษาในการทรานส์ฟอร์มเพื่อขับเคลื่อนองค์กรด้วยข้อมูลจาก CPF นี้ น่าจะเป็นประโยชน์และอาจจุดประกายไอเดียให้กับองค์กรธุรกิจให้สามารถปรับเปลี่ยนแนวทางการทำงานและการใช้ซอฟต์แวร์ ERP ให้มีความทันสมัยและสามารถปรับตัวตามสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้ทันท่วงที

About chatchai

Tech Writer แห่ง TechTalk Thai ที่สนใจในทุกนวัตกรรมและเทคโนโลยี

Check Also

Foxconn ร่วมมือกับ NVIDIA สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ที่เร็วที่สุดในไต้หวัน

Foxconn จับมือ NVIDIA สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ทรงพลังที่สุดในไต้หวัน คาดเริ่มใช้งานปี 2025

Microsoft ยุติการสนับสนุน Windows 11 รุ่น 22H2 สำหรับ Home และ Pro

Microsoft ยุติการสนับสนุน Windows 11 รุ่น 22H2 สำหรับ Home และ Pro พร้อมเริ่มอัปเกรดอัตโนมัติเป็น Windows 11 2024 Update